แม่หญิงปรุงยามือปราบกับลูกลิงทั้งสอง นิยาย บท 115

“นายท่าน เด็กคนนั้นรูปร่างหน้าตาไม่เลวจริงๆ แต่ตอนนี้ค่อนข้างผอมเกินไป นายท่านเลี้ยงดูก่อนอีกสักพักแล้วค่อยมา?” เสียงผู้ติดตามดังขึ้นอย่างเอาใจ

“นายท่านวางใจ ได้ยินว่าวันนี้ก็มีผู้หญิงหน้าตาไม่เลวมาอีกคนหนึ่ง ไปทางนั้นก่อน จะต้องทำให้นายท่านเล่นได้อย่างสบายใจแน่”

“สาวน้อยเล่นได้ตื่นเต้นสนุกเหมือนอย่างเด็กผู้ชายตรงไหน? ผอมแห้งหน่อยก็ยังดีกว่ารูปร่างหน้าตาไม่ดี” มู่กุ้ยผิงพูดขึ้นด้วยสีหน้าไม่พอใจว่า “พวกเจ้าเศษสวะพวกนี้หาคนมาไม่ถูกใจข้านานมากแล้วหากครั้งนี้ยังทำให้ข้าผิดหวังอีก ระวังชีวิตของพวกเจ้าไว้ให้ดี”

“ขอรับๆ ครั้งนี้นายท่านต้องพอใจแน่” ผู้ติดตามข้างกายมู่กุ้ยผิง ปาดเหงื่อบนหน้าผากอยู่ตลอดเวลา ใบหน้ายิ้มแย้มอย่างเอาใจและคอยระวังไปด้วย

มู่กุ้ยผิงกลับไม่มองเขาเลยสักนิด ก้าวเท้ายาวๆ เดินไปยังห้องนั้นพร้อมกับความตื่นเต้นและอดทนรอไม่ไหว

เมื่อเดินเข้าไปใกล้ ก็ใช้เท้าเตะประตู แล้วเสียงประตูเปิดออกก็ดังขึ้น

อีกด้าน ฉีเทียนเห้าขี่ม้าวิ่งเร็วตรงมายังเมืองหลัว

คิดถึงการกระทำที่ชั่วร้าย ที่ลูกน้องไปสืบมา นอกจากฉีเทียนเห้าจะโกรธเป็นฟืนเป็นไฟแล้ว ภายในใจลึกๆของเขายังหวาดกลัว ราวกับจะสูญเสียสิ่งของอะไรบางอย่าง

เขาน่าจะรู้แต่แรก ในบริเวณหลายพันลี้นี้ นอกจากคนคนนั้นยังจะมีใครมีอำนาจและมีความกล้าขนาดนั้น?

เข้าเพียงแค่คิดไม่ถึงว่า คนที่สงบเสงี่ยมมานานหลายปี กลับแอบทำเรื่องชั่วร้ายมานานหลายปีขนาดนี้

ตอนที่ฉีเทียนเห้ามาถึงเมืองหลัวก็ดึกมากแล้ว ประตูเมืองหลัวควรปิดลงแล้ว แต่เวลานี้ประตูเมืองไม่เพียงยังไม่ปิด กลับยังเปิดประตูรอคอยคนอยู่

คนที่รออยู่ตรงหน้าประตู คือเมืองหลัวเจ้าเมืองเกอเฉิงฮุย

เกอเฉิงฮุยเป็นผู้ชายวัยกลางคนอายุประมาณสี่สิบ รูปร่างค่อนข้างอ้วนใบหน้าแฝงไปด้วยความเข้มงวดและระมัดระวัง

มองจากไกลๆ เกอเฉิงฮุยกำลังมองพิจารณาคนที่สวมหน้ากากแล้วก็ขี่ม้าวิ่งมา จนถึงตอนนี้ในใจของเขาก็กำลังมึนงงอยู่

ใช่ เขาถูกดึงออกมาจากใต้ผ้าห่ม ถึงตอนนี้เขาก็ยังไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เขารู้เพียงว่าคนที่อยู่ตรงหน้าคือคนที่นายท่านสวินฝู่ส่งมา ส่วนมีเรื่องอะไรนั้นเขาไม่รู้

ในระหว่างที่ยืนรออยู่ตรงนี้ เกอเฉิงฮุยคิดถึงงานที่ตนเองทำในช่วงนี้ทั้งหมดหนึ่งรอบ คิดดูแล้วภายนอกก็ไม่เห็นว่าจะมีอะไรขาดตกบกพร่อง ในใจก็ค่อยโล่งอก

แต่ผู้ชายคนที่สวมหน้ากากคนนั้นคือใคร?

คิดได้ว่าคนที่มาคือคนข้างกายของนายท่านสวินฝู่ เกอเฉิงฮุยรวบรวมความกล้า ต่อให้ไม่รู้จักสถานะ เกอเฉิงฮุยยังคงก้าวเดินไปข้างหน้า เตรียมต้อนรับคนคนนั้น

ม้าหยุดลงหลังจากที่เขาเดินไปได้หลายก้าว แต่คนบนม้ากลับดูไม่มีท่าทีว่าจะลงมา

เกอเฉิงฮุยถึงขั้นรู้สึกเมื่อตนเองถูกดวงตาคู่นั้นจ้องมอง ทั้งร่างกายมีความรู้สึกเย็นยะเยือกไปหมด

คนคนนี้ เกรงว่าคงไม่ธรรมดา

เกอเฉิงฮุยคิดอยู่เช่นนี้ แล้วในใจก็รู้สึกไม่สบายใจขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก

“ทิ้งคนไว้ เจ้ากลับไปรอที่จวน” ฉีเทียนเห้าพูดกับเกอเฉิงฮุย

คน หมายถึงทหารในจวนเจ้าเมือง

เพราะเมืองหลัวอยู่ติดชายแดน ดังนั้นในมือเจ้าเมืองจึงมีทหารกว่าพันนายอยู่ในมือ

บวกกับในเมืองพวกนั้น ทหารภายใต้บังคับบัญชาของเขาก็มีกว่าหมื่นคน

ตอนที่ฉีเทียนเห้าสั่งให้คนไปลากเจ้าเมืองออกมาจากใต้ผ้าห่ม ก็ได้สั่งไปแล้วว่าให้เขานำทหารมาด้วย

ตอนนี้ทหารประมาณห้าร้อยกว่านายยืนอยู่ในเมือง หากไม่ใช่เพราะเพื่อคนพวกนี้ คืนนี้ฉีเทียนเห้าจะไม่เรียกเจ้าเมืองคนนี้มา

เกอเฉิงฮุยได้ยินฉีเทียนเห้าพูดออกมาอย่างไม่เกรงใจ ในใจเกิดความรู้สึกโกรธ

ทันใดนั้นก็ลืมความรู้สึกที่ทำให้เขาหวาดกลัวฉีเทียนเห้า เกอเฉิงฮุยถามขึ้นด้วยสีหน้าเคร่งขรึมว่า “เจ้าเป็นใคร? เป็นขุนนางระดับที่เท่าไหร่?”

หากเป็นคนของนายท่านสวินฝู่ไม่มียศไม่มีตำแหน่งหากเขาเชื่อฟังโดยง่ายเช่นนี้ ยอมยกทหารของตนเองให้ไป แล้วตนเองจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน?

ฉีเทียนเห้ากลับไม่เสียเวลาพูดกับเกอเฉิงฮุย เพียงพูดขึ้นด้วยเสียงเข้มว่า “ไสหัวไป”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แม่หญิงปรุงยามือปราบกับลูกลิงทั้งสอง