แม่หญิงปรุงยามือปราบกับลูกลิงทั้งสอง นิยาย บท 117

มู่กุ้ยผิงเคลื่อนไหวช้ามาก เพราะเขาอยากเห็นท่าทีที่หวาดกลัวของลั่วเสี่ยวปิง

แต่สิ่งที่ทำให้มู่กุ้ยผิงคาดไม่ถึงก็คือ ตอนเวลานี้จู่ๆลั่วเสี่ยวปิงก็กระโจนเข้าไปหาเขา

จากนั้นเขาก็รู้สึกมือข้างที่จับคนอยู่มึนชา จึงปล่อยมือโดยอัตโนมัติ

เงยหน้าขึ้นดู กลับมองเห็นตรงแขนมีเข็มเย็บปักปักไว้

เพราะคลายมือแล้วเด็กหลุดลงถูกลั่วเสี่ยวปิงแย่งอุ้มไปกอดแนบอก

มู่กุ้ยผิงไม่เคยงี่เง่า ลั่วเสี่ยวปิงกระทำเช่นนี้ ทำให้เขารู้ว่าตนเองถูกรูปลักษณ์ภายนอกของผู้หญิงตรงหน้าคนนี้ทำให้หลงใหล จุดมุ่งหมายตั้งแต่แรกของคนคนนี้น่าจะเป็นเด็กคนนั้น

ภายใต้ความโกรธจัด แววตามู่กุ้ยผิงเต็มไปด้วยความอาฆาต

แต่ตอนนี้มือข้างหนึ่งของเขามึงชาจนไม่สามารถขยับ มืออีกข้างหนึ่งก็หักแล้ว ดังนั้นมู่กุ้ยผิงจึงยื่นเท้าเตะไปที่ลั่วเสี่ยวปิงอย่างแรง

ที่จริงทั้งหมดเกิดขึ้นรวดเร็วมาก ลั่วเสี่ยวปิงทำได้เพียงดึงอานอานกลับมากอดไว้แน่น ไม่ทันหลบหลีก

จากนั้นความเจ็บปวดกลับไม่ได้รู้สึกขึ้นมาเหมือนอย่างที่คิด กลับได้ยินเสียงดังปังอีกทางด้านหนึ่ง

ลั่วเสี่ยวปิงไม่ได้ถูกเตะ แต่ร่างกายมู่กุ้ยผิงบินลอยออกไป กระแทกพื้นอย่างแรง

มู่กุ้ยผิงรู้สึกว่ากระดูกของตนเองหักหมดแล้ว สายตาจ้องมองดูฉีเทียนเห้าที่เป็นต้นเหตุอย่างเครียดแค้น

มองดูฉีเทียนเห้าเดินมาหาตนเองทีละก้าว มู่กุ้ยผิงรู้สึกได้ถึงความอันตรายกับความกดดัน แต่ความหวัดกลัวในสายตากลับหายไปอย่างรวดเร็ว เหลือเพียงความเย่อหยิ่งโอหังและอวดดีทั้งหมด

“เจ้ารู้ไหมว่าข้าเป็นใคร?” มู่กุ้ยผิงถามขึ้น เมื่อสบกับสายตาเฉียบคมคู่นั้นของฉีเทียนเห้า เขากลับรู้สึกว่าดวงตาคู่นั้นค่อนข้างคุ้นเคย เหมือนเคยเห็นที่ไหนมาก่อน

ความรู้สึกแบบนี้ ทำให้เขารู้สึกถึงความไม่ปลอดภัย

และในขณะที่เขากำลังชะล่าใจ มือที่หักแล้วของเขาถูกเท้าเหยียบไว้

“อ้าก....” เสียงร้องเจ็บปวดดังขึ้น

จากนั้นความรุนแรงเพิ่มขึ้น เท้าอีกข้างหนึ่งเหยียบบนคอของเขา รู้สึกเจ็บปวดและหายใจไม่ออก ทำให้เขาแทบขาดใจ จึงไม่ต้องพูดว่าจะสามารถพูดอะไรขึ้นมาได้อีก

“เจ้าเป็นใครไม่สำคัญ ที่สำคัญก็คือ.....” ฉีเทียนเห้าพูดถึงตรงนี้แล้วก็ตั้งใจหยุด สายตาเยือกเย็นลงพร้อมพูดขึ้นว่า “ไม่ช้า เจ้าก็จะกลายเป็นคนตายคนหนึ่งแล้ว”

ฉีเทียนเห้าพูดประโยคนี้ ทำให้มู่กุ้ยผิงรู้สึกเย็นไปทั้งตัว เป็นครั้งที่สองในชีวิต เขารู้สึกได้ถึงความตายจะมาเยือน

และครั้งก่อน ก็คือเมื่อหลายปีก่อน....

มู่กุ้ยผิงไม่ทันได้คิดต่อไป เขาก็รู้สึกเจ็บปวด แล้วคนก็เป็นสลบไป

สักพัก ภายในห้องส่งเสียงดังขึ้นมา

ลั่วเสี่ยวปิงใจเต้น แต่เมื่อคิดได้ว่ามีฉีเทียนเห้าอยู่ด้วย นางจึงค่อยโล่งออก มือทั้งคู่ที่อุ้มอานอานไว้ไม่ยอมผ่อนแม้เพียงนิด

จากนั้น มีคนเดินเข้ามา

คนที่มาคือหนานซิงกับหนานเฉิน แต่ว่าใครก็ไม่ทันได้สังเกต เมื่อหนานเฉินมองเห็นลั่วเสี่ยวปิงที่เปลี่ยนไปแล้ว คิ้วกลับขมวดขึ้นมา สายตาเต็มไปด้วยความสงสัย

“ลากลงไป แจ้งเจ้าเมือง เปิดศาลในอีกสามวัน” ฉีเทียนเห้าพูดสั่งด้วยเสียงเข้ม

“ขอรับ” หนานซิงหนานเฉินตอบรับ ไม่ได้พูดอะไรมาก เดินตรงไปพาตัวมู่กุ้ยผิงจากไป

ส่วนในเวลานี้ หลังจากที่อานอานรู้ว่าตนเองปลอดภัยแล้ว ก็เป็นลมสลบไป

ลั่วเสี่ยวปิงเห็นเช่นนี้ อาศัยตอนที่ฉีเทียนเห้าไม่ทันสังเกต ให้อานอานดื่มน้ำแร่วิญญาณไปหนึ่งคำ

กำลังจะอุ้มอานอานขึ้นมา ฉีเทียนเห้าเดินมาพูดขึ้นว่า “ข้าอุ้มเอง”

หลังจากลั่วเสี่ยวปิงลังเลสักพัก ในที่สุดก็พยักหัว

นางไม่ได้ทานอะไรมาทั้งวัน บวกกับเดินทางอย่างกระแทกเหวี่ยงไปมา ร่างกายอ่อนเพลียอย่างมากแล้ว

ก่อนหน้านี้ยังไม่รู้สึก ตอนนี้หยุดทุกอย่างแล้ว นางรู้สึกอ่อนเพลียอย่างมาก

ร่างกายแบบนี้ นางกลัวว่าตนเองจะอุ้มอานอานไม่ไหว

ฉีเทียนเห้ารับอานอานมาจากมือของนาง มองดูเด็กน้อยในอ้อมกอด มือของฉีเทียนเห้าอดไม่ได้ที่จะกอดแน่น ความมืดมนเป็นประกายผ่านในแววตา

จวนเจ้าเมือง

หลังจากเกอเฉิงฮุยกลับมาถึงจวนพร้อมความโกรธ สนมสุดที่รักของเขาถือน้ำแกงไก่มาปรนนิบัติ

กลางดึกแบบนี้มีสนมสุดที่รักมาให้ความอบอุ่น ไม่ช้าเจ้าเมืองก็ลืมความหงุดหงิดทั้งหมดก่อนหน้านี้ไป กลิ้งเข้าไปใต้ผ้าห่มพร้อมกับสนมสุดที่รัก

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แม่หญิงปรุงยามือปราบกับลูกลิงทั้งสอง