แม่หญิงปรุงยามือปราบกับลูกลิงทั้งสอง นิยาย บท 134

เมื่อจางเต๋อหวั่ง ได้ยินคำพูดของลั่วเสี่ยวปิงเขาก็อดแปลกใจไม่ได้ “เสี่ยวปิง เจ้าต้องการออกจากตระกูลลั่ว ตัดความสัมพันธ์กับตระกูลลั่วหรือ?”

เมื่อได้ยินลั่วเสี่ยวปิงก็พยักหน้า แต่ถึงอย่างไรตนเองก็เติบโตขึ้นมาในตระกูลลั่ว กลัวเหมือนกันว่าผู้ใหญ่บ้านจะคิดว่าตนเองลืมบุญคุณ ลั่วเสี่ยวปิงจึงบอกผู้ใหญ่บ้านถึงสาเหตุที่อันอันถูกปล้น

ถึงแม้ว่าตอนอยู่ที่ศาลาว่าการ เพื่อชื่อเสียงในอนาคตของลูกๆ นางจะไม่สามารถกัดไม่ปล่อยบ้านใหญ่ของตระกูลลั่วได้ แต่จะบอกให้ผู้ใหญ่บ้านรู้เรื่องนี้ก็ไม่เป็นไร

ถึงอย่างไรการเป็นผู้ใหญ่บ้านก็ต้องคำนึงถึงชื่อเสียงของหมู่บ้านด้วย ดังนั้นผู้ใหญ่บ้านจะไม่พูดเรื่องนี้ออกไปอย่างแน่นอน

สำหรับตระกูลลั่ว นางมีเวลาจัดการเสมอ และนางก็ไม่รีบร้อน

หลังจากจางเต๋อหวั่งฟังลั่วเสี่ยวปิงพูดจบ สีหน้าเขาก็เครียดขมึงราวกับจะมีหมึกสีดำหยดลงมา

“ดีนี่ตระกูลลั่ว นับวันก็ยิ่งไปกันใหญ่แล้ว” จางเต๋อหวั่งโกรธจนเคราสั่นเทิ้ม “เสี่ยวปิง เจ้าเป็นเด็กที่โชคดี ตัดความสัมพันธ์กับพวกเขาก็ควรอยู่แล้ว ข้าจะช่วยเจ้าจัดการเรื่องนี้แน่นอน”

จางเต๋อหวั่งมีสีหน้าไม่พึงพอใจ ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันเล็กน้อย

เมื่อเห็นผู้ใหญ่บ้านเป็นเช่นนี้ ลั่วเสี่ยวปิงก็มีความสุข แต่ก็ยังกังวลอยู่เล็กน้อย “ข้าเกรงว่าบ้านเก่าที่นั่นจะไม่เห็นด้วยหลังจากรู้เรื่องนี้”

นางไม่รู้ว่าต้องใช้ความยินยอมจากพวกเขาเพื่อตัดความสัมพันธ์กับบ้านเก่าหรือไม่

“ตามปกติแล้ว หากเจ้าต้องการตัดสัมพันธ์กับพวกเขา เจ้าต้องให้พวกเขาออกหนังสือตัดขาด แต่ในเมื่อเจ้าถูกไล่ออกจากตระกูลลั่วตั้งแต่เมื่อ5ปีที่แล้ว ตระกูลลั่วก็ได้ออกเอกสารฉบับหนึ่งแล้ว แสดงออกว่าไม่รับผิดชอบความเป็นตายของเจ้าในอนาคต ข้าและผู้อาวุโสในตระกูลสามารถตัดสินใจได้ด้วยตัวเอง ดังนั้นถึงแม้ว่าตอนนี้ชื่อเจ้าจะถูกแขวนอยู่ในตระกูลลั่ว แต่ในตอนนี้ หมู่บ้านสามารถตัดสินใจการไปของเจ้าได้"

ตามที่จางเต๋อหวั่งว่าแล้วก็เข้าไปในบ้าน ค้นเอกสารที่ออกโดยตระกูลลั่วในตอนนั้นออกมา

ปรากฎว่าหลังจากการลั่วเสี่ยวปิงเสียโฉมในปีนั้น ครอบครัวลั่วก็รังเกียจชื่อเสียงที่ไม่ดีของลั่วเสี่ยวปิงและคุณค่าที่ไร้ประโยชน์ของนาง และพวกเขากลัวว่าลั่วเสี่ยวปิงจะตายหนึ่งศพสามชีวิต ส่งผลกระทบต่ออาชีพของลั่วเหอซิ่ง ดังนั้นจึงไปหาผู้อาวุโสในตระกูลออกเอกสารฉบับนี้

ด้วยเอกสารนี้ ขอเพียงผู้อาวุโสในตระกูลลงลายมือชื่อ หลังจากนั้นผู้ใหญ่บ้านก็มาดำเนินการอีกครั้ง ลั่วเสี่ยวปิงก็สามารถแยกออกจากตระกูลลั่วได้โดยตรง แล้วลงชื่อไว้ที่หมู่บ้านต้าซิ่ง ก็จะกลายเป็นครัวเรือนอิสระได้

เมื่อเห็นเอกสารนี้ ดวงตาของลั่วเสี่ยวปิงก็เต็มไปด้วยความสุข

สวรรค์ช่วยนางจริงๆ!

สิ่งต่างๆราบรื่นกว่าที่ลั่วเสี่ยวปิงจินตนาการไว้จางเต๋อหวั่งพาลั่วเสี่ยวปิงไปยังบ้านเก่าของตระกูลต่างๆโดยตรง โดยที่ลั่วเสี่ยวปิงไม่ได้พูดอะไรจางเต๋อหวั่งได้พูดคุยสองสามคำกับผู้อาวุโสในตระกูล ผู้อาวุโสในตระกูลจึงลงนามโดยตรงยินยอมให้ลั่วเสี่ยวปิงตัดสัมพันธ์กับครอบครัวลั่ว

หลังจากเสร็จสิ้นทั้งหมด ผู้ใหญ่บ้านเพียงต้องไปที่ศาลาว่าการเพื่อลงบันทึก จากนั้นจึงยื่นขอทะเบียนบ้านใหม่ให้ลั่วเสี่ยวปิง

ลั่วเสี่ยวปิงไม่จำเป็นต้องทำทั้งหมดนี้ เพราะผู้ใหญ่บ้านจะทำให้ทั้งหมด

ลั่วเสี่ยวปิงหยิบเงินออกมาสองสามตำลึงมอบให้กับจางเต๋อหวั่ง และส่วนที่เหลือถือเป็นค่าเหนื่อยของเขา

สำหรับเงินประเภทนี้ ลั่วเสี่ยวปิงไม่ค่อยรู้สึกปวดใจเท่าไหร่กับการจ่ายออกไป

แต่ว่า จางเต๋อหวั่งรับเงินจากลั่วเสี่ยวปิงเพียงสามตำลึงเท่านั้น ส่วนที่เหลือก็คืนนางกลับไป

“เงินสามตำลึงนี้ข้าจะใช้จัดการเรื่องต่างๆ ส่วนที่เหลือข้าจะแบ่งให้ผู้อาวุโสในตระกูลสองสามคน ส่วนที่เหลืออีกข้าก็ไม่ขอรับไว้”

หากเป็นเมื่อก่อนชาวบ้านขอให้หัวหน้าไปทำธุระต่างๆก็ล้วนให้ผลประโยชน์

ไม่ใช่ว่าจางเต๋อหวั่งเป็นคนละโมบ แต่นี่เป็นกฏของบรรพบุรุษสือทอดต่อกันมา อีกอย่างผู้ใหญ่บ้านก็ต้องกินข้าวใช่ไหม?

ดังนั้นผลประโยชน์ที่ที่ลั่วเสี่ยวปิงให้ในครั้งที่แล้ว จางเต๋อหวั่งก็รับมาอย่างไม่ตะขิดตะขวงใจ แต่ครั้งนี้มันแตกต่างออกไป

ตอนนี้ครอบครัวของจางเต๋อหวั่งมีรายได้อื่น ทั้งหมดก็เป็นเพราะลั่วเสี่ยวปิง ดังนั้นจางเต๋อหวั่งจึงรู้สึกว่าการช่วยลั่วเสี่ยวปิงทำเรื่องเล็กๆน้อยๆนั้นเป็นสิ่งสมควรแล้ว ดังนั้นเขาจึงไม่เต็มใจที่จะรับเงินส่วนเกิน

เมื่อลั่วเสี่ยวปิงเห็นผู้ใหญ่บ้านปฏิเสธ นางก็ไม่ได้พูดอะไรมาก เพียงแค่รับเงินคืนมา

สำหรับการขอบคุณผู้ใหญ่บ้าน ในอนาคตนางจะแสดงให้เห็นเอง

หลังจากบอกลาผู้ใหญ่บ้านแล้ว ลั่วเสี่ยวปิงก็กลับบ้านทันที

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แม่หญิงปรุงยามือปราบกับลูกลิงทั้งสอง