แม่หญิงปรุงยามือปราบกับลูกลิงทั้งสอง นิยาย บท 135

“ท่านแม่ ท่านลืมไปแล้วหรือ ทะเบียนบ้านของลั่วเสี่ยวปิงยังอยู่ในตระกูลลั่วของเรา” ลั่วเหอซิ่งกล่าวอย่างเงียบๆ

ถึงแม้ว่าลั่วเสี่ยวปิงและชายคนนั้นจะมีหนังสือแต่งงานและเป็นสามีและภรรยากันตามกฏหมาย แต่ว่าทะเบียนบ้านของลั่วเสี่ยวปิงก็ยังอยู่ภายใต้ชื่อตระกูลลั่ว

เนื่องจากเป็นชื่อตระกูลลั่ว ตระกูลลั่วจึงสามารถควบคุมได้ และในกรณีนี้เครือญาติก็ไม่สามารถละทิ้งได้ ดังนั้นจึงมีเหตุผลที่พวกเขาจะเข้าไปอาศัยอยู่ในบ้านของลั่วเสี่ยวปิง

“ก็ยังเป็นหลานรักข้าที่ฉลาดหลักแหลม” ย่าลั่วคิดถึงกลอุบายและยกย่องลั่วเหอซิ่ง

ทำไมนางคิดไม่ถึงนะ?

ทะเบียนบ้านของนางสารเลวนั่นถึงไม่อยู่ในบ้านลั่ว แต่อยู่ในตระกูลลั่ว

ขอแค่ที่พวกเขาดำเนินการ นำทะเบียนบ้านของนางกลับไปตระกูลลั่ว ไม่ต้องพูดถึงบ้าน อย่างอื่นที่เหลือก็จะตกเป็นของตระกูลลั่ว

ฟ่านลี่ฮัวฟังคำพูดของลูกชาย แต่ดวงตาของนางสับสนเล็กน้อย ราวกับว่านางมีอะไรอยากจะพูด

แต่เมื่อคิดถึงเรื่องนั้นก็คิดได้ว่ามันไม่ได้สำคัญขนาดนั้น ฟ่านลี่ฮัวก็กลืนคำพูดที่กำลังจะพูดไป

“ท่านยาย ท่านวางใจ เมื่อหลานได้เข้าไปอยู่ในบ้านหลังนั้น จะต้องได้แต่งงานกับหลานสะใภ้ที่ร่ำรวยให้ท่านยายได้แน่นอน แล้วหลานก็จะซื้อคนรับใช้มาปรนนิบัติท่านด้วย ”

เมื่อหญิงชราถูกลั่วเหอซิ่งเกลี้ยกล่อมก็มีความสุขมาก เสียงหัวเราะที่มีความสุขของย่าลั่วดังออกมาจากห้องโถง ทำให้จ้าวซื่อที่อยู่ด้านนอกอิจฉามาก

ในตอนนั้นเอง ลั่วว่างซิ่งลูกชายของจ้าวซื่อก็วิ่งเข้ามา เมื่อเห็นมารดาของตน เขาก็ตะโกนออกมา “ท่านแม่จางเอ้อเก่าบอกว่าพี่รองกลับมาแล้ว ข้าอยากกินเนื้อ”

ทุกครั้งที่พี่รองกลับมา ที่บ้านก็จะซื้อเนื้อมาเสมอ

หากเป็นเวลาปกติ จ้าวซื่อต้องหาทางเอาเนื้อให้บุตรชายกินแน่นอน

แต่ว่าตอนนี้จ้าวซื่ออารมณ์ไม่ดี เมื่อเห็นบุตรชายเนื้อตัวสกปรก นางก็ดึงใบหูเขาอย่างโกรธเคือง

“กินๆๆ ทำไมไม่กินให้ตายไปเลย? ไม่ตั้งใจเรียนยังคิดอยากจะกินเนื้อ กินรำกินผักยังพอว่า!”

ยิ่งพูดจ้าวซื่อก็ยิ่งมีน้ำเสียงโมโหด้วยอารมณ์เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายของนาง

ทำอย่างไรได้ก็นางอิจฉา!

ใครบอกว่าลูกนางไม่มีปัญญาสอบเป็นซิ่วฉ่าย?

“ไอ้ตระกละตระกลามไม่เอาไหน ตระกูลลั่วปล่อยให้เจ้ากินรำกินผักตั้งแต่เมื่อไหร่กัน? ไม่ได้เรื่อง! ยังไม่รีบไปทำความสะอาดห้องให้เหอซิ่งอีก? หากวันนี้หลานรักข้าไม่ได้นอนห้องที่สะอาดสะอ้าน วันนี้เจ้าก็อย่าหวังว่าจะได้กิน”

เสียงโหวกเหวกของจ้าวซื่อทำให้ย่าลั่วได้ยิน จึงไปกระตุ้นให้ย่าลั่วด่าไปอีกหนึ่งที

ในใจของจ้าวซื่อโกรธมาก อยากจะพูดว่า 'มีสิทธิอะไร!' แต่ภายใต้การจ้องมองผ่านสายตาสามเหลี่ยมที่มืดมนของย่าลั่ว นางก็ไปที่ห้องของลั่วเหอซิ่งอย่างไม่เต็มใจ

ลั่วเสี่ยวปิงไม่รู้เรื่องเล็กน้อยในบ้านหลังเก่า

ประสิทธิภาพการทำงานของจางเต๋อหวั่งนั้นเร็วมาก ลั่วเสี่ยวปิงได้รับการจดทะเบียนบ้านใหม่ภายในสองวัน

การมีทะเบียนบ้านก็หมายความว่าลั่วเสี่ยวปิงได้ตัดขาดความสัมพันธ์กับบ้านหลังเก่าโดยสิ้นเชิง

หลังจากเรื่องใหญ่จบลง ลั่วเสี่ยวปิงก็ทิ้งเรื่องนั้นไว้ข้างหลังและยังคงยุ่งกับเรื่องของตัวเองต่อไป

ภายในสองวัน ด้วยความช่วยเหลือจากจางเอ้อหลาง และคนอื่นๆ ถุงเชื้อเห็ดของนางเพิ่มขึ้นจากไม่กี่ร้อยเป็นหลายพัน วางอยู่บนชั้นวางไม้ของห้องหลายห้อง

ยิ่งไปกว่านั้น เนื่องจากสายพันธุ์ของถุงเชื้อเห็ดเหล่านี้ลั่วเสี่ยวปิงได้ปรับปรุงให้เหมาะสมกับสภาพพื้นที่ของสเพซน้ำแร่วิญญาณ ดังนั้นจึงแข็งแรงมากและการเติบโตก็น่าพอใจมาก

โดยพื้นฐานแล้วหลังจากที่นางบรรจุถุงเชื้อเห็ดทั้งหมดแล้ว เห็ดสองสามตอแรกก็สามารถเก็บได้แล้ว ยิ่งไปกว่านั้นยังขนไปหอฝูหม่านแล้วสองครั้ง

และช่วงนี้ลั่วเสี่ยวปิงก็ไปหาจางต้าหลาง

ถึงแม้ว่าจะบอกว่ากระดูกหักต้องใช้เวลา100วันเพื่อฟื้นฟู แต่เนื่องจากลั่วเสี่ยวปิงป้อนน้ำแร่วิญญาณให้กับจางต้าหลาง ตั้งแต่แรก ดังนั้นในเวลาสั้นๆเพียงสิบวัน จางต้าหลางก็สามารถลงไปที่พื้นโดยใช้ไม้ค้ำยันได้

เมื่อมีจางต้าหลางเป็นแบบอย่าง ชาวบ้านก็เชื่อว่าลั่วเสี่ยวปิงมีทักษะด้านการแพทย์

ในวันนี้ ขณะที่มอบหมายเรื่องห้องเห็ด เสร็จ ลั่วเสี่ยวปิงเตรียมจะพาเด็กทั้งสองคนขึ้นไปบนภูเขา

เพราะลั่วเสี่ยวปิงไปปลูกผักบนภูเขาสองสามครั้งก่อน ไปทีก็ค่อนวันไม่ได้กลับมา เมื่อลูกๆทั้งสองซักถามจึงรู้ว่ามีที่แบบนี้อยู่ จึงรบเร้าขอไปด้วย

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แม่หญิงปรุงยามือปราบกับลูกลิงทั้งสอง