บัลลังก์หมอยาเซียน นิยาย บท 379

หยวนชิงหลิงรู้สึกว่า ความทะเยอทะยานนี้ ช่างไม่จบไม่สิ้นจริงๆ

แต่ในขณะเดียวกันนางก็ถามขึ้นอย่างไม่เข้าใจว่า “เจ้าพระยาเจิ้งเป่ยเพียงแค่กวาดล้างโจรเพื่อความสงบสุขของประชาชน ทำไมถึงได้มีความดีความชอบขนาดนี้”

หากเป็นการรบศึกปกป้องประเทศ ยกให้เป็นอ๋องก็พอเห็นสมควร

หยู่เหวินเห้าพูดอธิบายว่า “เพราะแถบเจิ้งเป่ย เป็นก้อนเนื้อร้ายของราชสำนักมาตลอด จำนวนคนเจิ้งเป่ยมีมากกว่าแปดแสนคน มีความพื้นบ้านที่แข็งแกร่งมาก เพราะในราชณสมัยราชวงศ์ก่อน ตอนนั้นฮ่องเต้เจียมีราชโองการกวาดล้างโจรทั้งประเทศ กระทำอย่างเอิกเกริก พวกโจรสลัดต่างหนีไปที่แถบเจิ้งเป่ย ทางนั้นมีชายแดนติดเป่ยโม่ จับกุมยาก เมื่อราชสำนักนำกำลังทหารไปเจิ้งเป่ย จะเป็นการทำให้เป่ยโม่หวาดระแวง ดังนั้น ฮ่องเต้เจียจึงจำต้องยอมให้พวกโจรสลัดปักหลักปักฐานอยู่ที่เจิ้งเป่ย ฉะนั้นจึงเป็นเหมือนการทิ้งก้อนเนื้อร้ายไว้ โจรสลัดเจิ้งเป่ยนี้ ในทุกๆปีจะมีคนไปตามที่ต่างๆของเป่ยถัง ทั้งเผา ฆ่า ปล้น หลังจากปล้นเสร็จฆ่าเสร็จแล้ว ก็หนีกลับเจิ้งเป่ย หลายปีก่อน เสด็จพ่อส่งแม่ทัพฮู่ไปกวาดล้างโจรในเจิ้งเป่ย เดิมเพียงแค่อยากข่มขู่อยากพอควร หรือกดดันไว้ แต่เจ้าพระยาเจิ้งเป่ยกลับสามารถกวาดล้างโจรสลัดทั้งหมด และที่เหลือทั้งหมดล้วนยอมสวามิภักดิ์ อยู่ภายใต้การบังคับบัญชากองทัพทหารเจิ้งเป่ย พูดอีกอย่างหนึ่งก็คือ กำลังทหารให้มือเจ้าพระยาเจิ้งเป่ยในตอนนี้ ไม่นับคนแก่ผู้หญิงอ่อนแอ อย่างน้อยก็มีสองสามแสน นี่ยังเป็นแค่จำนวนคาดการณ์”

หยวนชิงหลิงเข้าใจแล้ว จึงพูดขึ้นว่า “ดังนั้น เจ้าพระยาเจิ้งเป่ยไม่เพียงมีความดีความชอบ ยังมีกำลังทหาร ใช่ความหมายนี้ไหม?”

“ไม่ผิด หากเจ้าพระยาเจิ้งเป่ยเป็นฮ่องเต้ของเจิ้งเป่ย จะไม่มีใครคัดค้าน เขาชำนาญการศึก มีอำนาจสูงกลบนาย ตอนนี้ยิ่งวางมาด หยิ่งผยอง เมื่อความทะเยอทะยานครอบงำ จะกลายเป็นปัญหาใหญ่ของแผ่นดิน”

คราวนี้หยวนชิงหลิง ค่อยเข้าใจความลำบากใจของฮ่องเต้หมิงหยวน

นางรู้สึกว่าฮ่องเต้หมิงหยวน นับว่ามีเมตตาต่อนางมาก

เป่ยถังเผชิญหน้ากับสถานการณ์แบบนี้ เขาวางแผนทุกอย่างไว้ดีแล้ว นางกลับเพราะไม่ยอมให้ผู้หญิงคนอื่นมาแย่งสามีของตน ทำลายแผนการของเขาทั้งหมด

หากโหดเหี้ยมเสียหน่อย คงจะไม่ไว้ชีวิตนางแน่

ทันใดนั้น หยวนชิงหลิงเกิดความซาบซึ้งในความรักประเทศรักประชาชนของฮ่องเต้หมิงหยวนขึ้นมา ในใจเกิดความรู้สึกรักชาติ มองดูหยู่เหวินเห้าอย่างจริงจังพร้อมพูดขึ้นว่า “เจ้าห้า ต่อไปเราจะต้องกตัญญูต่อเสด็จพ่อ”

หยู่เหวินเห้าสับสนกับท่าทีที่เปลี่ยนไปของนาง พร้อมพูดขึ้นว่า “อะไรนะ? กตัญญูเขา?”

“เขาคำนึงถึงความทุกข์สุขของพสกนิกรและประเทศชาติ....”

“ข้าไม่คำนึงถึงความทุกข์สุขของพสกนิกรและประเทศชาติหรือ?” หยู่เหวินเห้าหรี่ตาลง รู้สึกว่าภรรยาจะค่อนข้างเทิดทูนเสด็จพ่อมากเกินไปแล้ว เขาตัดสินใจที่จะต้องบอกถึงคุณลักษณะของเสด็จพ่อให้นางฟังว่า “ในฐานะที่เป็นฮ่องเต้ เขากระทำเรื่องพวกนี้ถือเป็นหน้าที่ แต่ในฐานะความเป็นพ่อ เขาบังคับใจคนอื่นให้ทำในสิ่งที่ทำไม่ได้ เป็นการฝืนใจคนอื่น ทำลายความสุขภายในครอบครัวของลูก......”

หยวนชิงหลิงพูดดักเขาว่า “เจ้าอย่าบ่นเลย เหมือนยายแก่ ยอมรับว่าเสด็จพ่อเป็นฮ่องเต้ที่ดีคนหนึ่งจะเป็นไรไป?”

หยู่เหวินเห้ามองดูนาง พร้อมพูดขึ้นอย่างเคร่งขรึมว่า “เจ้าหยวน เจ้าเปลี่ยนพรรคแล้ว”

หยวนชิงหลิงหัวเราะ พร้อมพูดขึ้นว่า “เอาล่ะ เอาล่ะ ทานข้าวหรือยัง? หากยังไม่ทานข้าจะสั่งคนไปเตรียมให้เจ้า”

หยู่เหวินเห้าพูดขึ้นอย่างประชดประชันว่า “ทานไม่ลงแล้ว โกรธจนอิ่มแล้ว เจ้ายังไม่เชื่อฟังข้า ในใจหงุดหงิดมาก”

หยวนชิงหลิงหัวเราะแล้วก็เดินออกมา เรียกหมันเอ๋อไปทำอาหารมาให้เขาทาน

ปากพูดว่าไม่ทานไม่ทาน รอหมันเอ๋อทำเสร็จแล้วยกมาให้ ก็จัดการทานจนหมดสิ้นเสมือนพายุหอบเอาเศษปุยเมฆ

เขาไงหน้ามองดูตาคิ้วหยวนชิงหลิงที่ยิ้มอย่างอ่อนโยน พร้อมพูดขึ้นว่า “กินลมไม่อิ่ม ต้องกินของอะไรจริงๆหน่อย”

แม่นมสี่กับหมันเอ๋อเข้ามาพูดกับหยวนชิงหลิงว่า “เตรียมน้ำร้อนไว้เรียบร้อยแล้ว พระชายาไปอาบน้ำได้แล้ว”

หยู่เหวินเห้าลุกขึ้นมา พร้อมพูดขึ้นว่า “ข้าช่วยเจ้า”

ตอนนี้ท้องเริ่มโตขึ้นมาบ้างแล้ว นางอาบน้ำไม่ค่อยสะดวก บวกกับนางไม่ชอบให้แม่นมสี่กับหมันเอ๋อช่วยอาบน้ำ อาบคนเดียวบางครั้งก็ทุลักทุเลมาก

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์หมอยาเซียน