บัลลังก์หมอยาเซียน นิยาย บท 401

เมื่อเสียนเฟยได้ยินประโยคนี้ ก็ยิ่งมีความสุขมากขึ้น แม้จะรู้สึกว่าท่าทีที่แสดงออกตรง ๆ เช่นนี้ของฮู่ก่วงถิงดูแล้วไม่ค่อยสำรวมนัก แต่ในเวลานี้ไม่จำเป็นต้องสำรวมอะไรทั้งสิ้น

นางเพียงต้องการคำตอบที่จริงจังเชื่อถือได้สักประโยค ก็เพียงพอแล้ว

ด้วยเหตุนี้ มือที่กุมจับฮู่ก่วงถิงจึงยิ่งกระชับแน่นขึ้น คิ้วค่อย ๆ คลายออกคล้ายดั่งดอกไม้แรกแย้มผลิบาน "เจ้าเองก็คิดเช่นนั้นรึ? ดีจริง ๆ วิเศษยิ่งนัก!"

ฮู่ก่วงถิงดูเหมือนจะมีความสุขกว่านางเสียอีก ริมฝีปากแย้มยิ้มจนปรากฏลักยิ้ม "ใช่แล้วเพคะ ข้าได้แต่เฝ้าตั้งตารอคอยมาโดยตลอด"

เมื่อเสียนเฟยได้ยินคำพูดเช่นนี้ นางก็ยินดีเป็นอย่างยิ่ง รีบเอ่ยขึ้นว่า “วันนี้ข้าสั่งให้คนทำรังนก เจ้าอยู่ดื่มสักชามเถอะนะ ประเดี๋ยวข้าจะสั่งให้คนไปทูลฝ่าบาทให้เสด็จมาที่นี่”

ในเมื่อคุณหนูฮู่ได้แสดงท่าทีเช่นแล้ว แน่นอนว่าสมควรต้องทำให้ฝ่าบาททรงทราบ เพียงคำพูดปากเปล่านั้นไม่มีหลักฐานยืนยัน แต่หากฝ่าบาททรงได้ยินด้วยพระกรรณของพระองค์เอง นั่นจึงจะถือเป็นเรื่องจริง

ฮู่ก่วงถิงได้ยินว่าจะทูลเชิญฝ่าบาทให้เสด็จมาที่นี่ ก็ผงะไปเฮือกหนึ่งด้วยความตกใจ จากนั้นจึงพูดด้วยท่าทางน้อมรับในเจตนาดีว่า: "เพคะ เช่นนั้นหม่อมฉันขอประทานอนุญาตร่วมดื่มสักชาม รังนกนับเป็นของดีที่หาได้ยากยิ่งในเจิ้งเป่ยเพคะ"

เมื่อเสียนเฟยได้เห็นว่า นางไม่ได้เป็นคนมีนิสัยยกตนข่มท่าน ชอบใช้อำนาจบาตรใหญ่เหมือนอย่างที่คนเขาลือกันในโลกภายนอก ในใจของนางก็ยิ่งมีความสุขมากขึ้นเรื่อย ๆ หากสิ่งที่หยวนชิงหลิงพูดมาเป็นความจริง ว่าเป็นเพราะเจ้าห้ารังเกียจที่เจ้าตัวนิสัยไม่ดี เช่นนี้ก็สามารถล้มล้างความคิดนั้นได้แล้ว

เป็นคนที่นิสัยดีเลยเชียวล่ะ

ในช่วงสองวันที่ผ่านมานี้ ฮ่องเต้หมิงหยวนทรงเกษมสำราญไม่เลวเลยทีเดียว ประการแรกเป็นเพราะ หลังจากที่คดีของหลอกุ้ยผินได้รับการกลับคำพิพากษาใหม่ ฝันร้ายของพระองค์จึงสลายหายไป บรรทมได้สบายยิ่งนัก

ประการที่สอง เจ้าพระยาเจิ้งเป่ยทางนั้น ยังไม่ยกปัญหายุ่งยากใด ๆ ขึ้นมาให้พระองค์ลำบากพระทัย จึงเปลี่ยนเป็นวันเวลาอันแสนสงบสุขมาให้ในช่วงสองสามวันนี้จริง ๆ

แต่สิ่งที่ทำให้พระองค์ว้าวุ่นพระทัยเป็นที่สุด ก็คือทางเจ้าสามนั่น กู้ซือตอบกลับมาว่า เจ้าลูกชั่วนั่น ไปก่อเรื่องราวเอะอะใหญ่โตที่จวนเจ้าพระยาจิ้ง ช่างเป็นคนที่ก่อแต่เรื่องน่าละอายและเป็นอันตรายจริง ๆ

แต่ก็ช่างเถอะ หากเทียบกันกับเรื่องสำคัญของบ้านเมือง เรื่องในครอบครัวไม่นับเป็นอะไรที่ใหญ่โตนักหรอก

ยิ่งไปกว่านั้น ตอนที่มู่หรูออกนอกวังไปรอบนี้ ท้องของพระชายาฉู่ก็โตขึ้นเรื่อย ๆ แล้ว หลานชายคนสำคัญของพระองค์กำลังจะเกิดมา นี่จึงเป็นเรื่องมงคลที่น่าปีติยินดีเรื่องหนึ่ง

ด้วยเหตุผลทั้งหมดตามที่กล่าวมา ทำให้วันนี้พระองค์มีเวลาไปที่อุทยานของวังหลวง ทอดพระเนตรกิ่งก้านที่เปลือยเปล่าของต้นไม้ รับลมเย็น ๆ ที่โชยพัดมา ในขณะที่ประพันธ์บทกวี ก็ได้ยินเสียงข้ารับใช้มาทูลเชิญให้ไปร่วมเสวยรังนก อีกทั้งยังแจ้งว่าคุณหนูฮู่ก็อยู่ที่นั่นด้วย

ฮ่องเต้หมิงหยวนจึงเสด็จไปตามคำเชิญ

ตั้งแต่ต้นจนจบ พระองค์มักจะรู้สึกว่าให้เจ้าห้าแต่งคุณหนูตระกูลฮู่เป็นภรรยา จะมีข้อดีมากมาย มีข้อเสียเพียงประการเดียว

ข้อเสียเพียงประการเดียวนั้นก็คือ หยวนชิงหลิงจะต้องหึงหวงแน่ แต่เรื่องแบบนี้สำหรับผู้หญิง แค่โอ๋นางเสียหน่อย นานวันเข้านางก็จะคุ้นเคยชินชาไปเอง ในวันข้างหน้า หากเจ้าห้าได้ขึ้นมาเป็นใหญ่ วังหลังมีนางสนมกำนัลน้อยเสียเมื่อไหร่? ต่อให้นางอยากจะหึงหวงแค่ไหน นางจะหึงหวงทุกคนก็ไม่ทันหรอก

พระองค์ทรงรู้ดี ถึงความคิดอันรอบคอบของเสียนเฟย แต่พระองค์ก็ทรงมีประสงค์อยากจะเห็น รูปร่างหน้าตา นิสัยใจคอของคุณหนูฮู่ผู้นี้ด้วยเช่นกัน หากว่าดีงามเหมาะสม เรื่องนี้ก็ต้องรีบคว้าโอกาสเอาไว้ แล้วกำหนดให้แน่ชัดลงไปเสียที

“ฮ่องเต้เสด็จ!”

ที่ด้านนอกประตู ขันทีตะโกนประกาศการมาถึงของฮ่องเต้ เสียงยาวและแหลมเล็กนั้นดังก้องอยู่ในอากาศ

ฮู่ก่วงถิงรีบยืนขึ้นทันที การเคลื่อนไหวค่อนข้างรุนแรง จนเกือบจะทำน้ำที่วางอยู่ข้าง ๆ ตัวเองหกเลยทีเดียว

เสียนเฟยเห็นว่านางประหม่ามาก จึงเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “ ไม่ต้องกลัวหรอกนะ ฝ่าบาททรงมีเมตตาอย่างยิ่ง”

ฮู่ก่วงถิงรู้สึกประหม่าจริง ๆ แอบกำมือตัวเองไว้ใต้แขนเสื้อ ฝ่ามือชื้นไปด้วยเหงื่อจนเปียกชุ่ม

ศีรษะก้มต่ำ มองเห็นชุดคลุมสีเหลืองอร่ามเปล่งประกายพริ้วไสวเข้ามาในลานสายตา รับรู้ถึงรัศมีอันสูงส่งส่องมาตรงหน้า ฮู่ก่วงถิงสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ เฮือกใหญ่ รีบคุกเข่าลงทันทีแล้วพูดขึ้นว่า: "ฮู่ก่วงถิงถวายบังคมฝ่าบาท ขอพระองค์ทรงพระเจริญหมื่นปี"

ฮ่องเต้หมิงหยวน ทรงได้ยินกระทั่งน้ำเสียงของนางที่เหมือนจะเพี้ยนไปเล็กน้อยเลยทีเดียว รู้สึกว่าผู้หญิงแบบนี้ไม่น่าจะเป็นคนขวัญกล้า ชอบวางอำนาจบาตรใหญ่ได้แม้แต่น้อย กลับกันนางช่างดูมีสัมมาคารวะ จึงรู้สึกชื่นชอบขึ้นมาโดยพลัน

พระองค์ตรัสขึ้นว่า: "ไม่ต้องมากพิธี ยืนขึ้นให้ข้าดูหน่อยซิ ข้าจำได้ว่าครั้งสุดท้ายที่ได้เห็นเจ้า คล้ายจะเป็นตอนที่เจ้าตามพ่อของเจ้าไปเจิ้งเป่ยเป็นครั้งแรก ราว ๆ แปดปีได้แล้วกระมัง?"

ฮู่ก่วงถิงบิดแขนเสื้อแน่น แล้วลุกขึ้นช้า ๆ เอ่ยตอบอย่างสุภาพมีมารยาทว่า “ฝ่าบาททรงมีความทรงจำเป็นเลิศ แปดปีแล้วจริง ๆ เพคะ”

นางเงยหน้าขึ้นอย่างรวดเร็ว มองไปที่ฮ่องเต้แวบหนึ่ง จากนั้นก็รีบก้มหน้าลงทันที ไม่กล้ามองตรง ๆ รู้สึกเพียงว่าการเข้าใกล้พระบารมีอันน่าเกรงขามเช่นนี้ ช่างกดดันจิตใจของนางยิ่งนัก ทำเอาหัวใจของนางสั่นสะท้านไม่หยุด

หลังจากประทับนั่งลงแล้ว ฮ่องเต้หมิงหยวนยังคงพินิจดูนางไม่วางตา ทอดพระเนตรเห็นว่านางมีรูปโฉมงดงาม แม้ว่าผิวพรรณของนางจะมีสีเข้มกว่าผิวของผู้หญิงในเมืองหลวงไปบ้าง แต่กลับทำให้นางดูโดดเด่นมีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์หมอยาเซียน