บัลลังก์หมอยาเซียน นิยาย บท 403

ฮู่ก่วงถิงรู้ว่าถ้าพ่อของนางไปหารือเรื่องการแต่งงานในวันนี้ ในใจของนางจึงลุ้นระทึก ได้แต่ใจเต้นไม่เป็นส่ำอยู่ตลอดเวลา

รอจนถึงตอนที่สาวใช้มาส่งข่าว หัวใจของนางก็เต้นรัวกระหน่ำราวลั่นกลองรบแล้ว นางรีบฝืนเก็บงำอาการเหมือนไม่มีอะไร แล้วเดินตามสาวใช้ออกไป

“ท่านย่า ท่านพ่อ!” ฮู่ก่วงถิงก้าวขึ้นไปข้างหน้าแล้วค้อมกายคำนับ เป็นเพราะรู้ว่าเรื่องที่คุยกัน คือเรื่องการแต่งงานของนางเอง ใบหน้าของนางจึงแดงก่ำอย่างเขินอาย

เจ้าพระยาเจิ้งเป่ยยิ้มแย้มขณะมองดูลูกสาวตัวเอง ใต้หล้าแห่งนี้ ทำไมถึงได้มีผู้หญิงที่งดงามถึงเพียงนี้ได้หนอ ? ช่างถอดแบบแม่ของนางมาทุกกระเบียดนิ้วเลยจริง ๆ เสียดายก็แต่ แม่ของนางมาด่วนจากไปเร็วเท่านั้น

“ถิงเอ๋อนั่งลงก่อนลูก พ่อกับท่านย่าของเจ้ากำลังคุยเรื่องสำคัญของเจ้าอยู่ เพียงแต่มีบางเรื่องที่จำเป็นต้องถามความเห็นของเจ้าเสียก่อน” เจ้าพระยาเจิ้งเป่ยเกริ่นนำ

ฮู่ก่วงถิงนั่งลง ริมฝีปากสีแดงสดขยับน้อย ๆ เอ่ยขึ้นว่า "ท่านพ่อ เชิญท่านพูดมาเถิดเจ้าค่ะ"

“พ่อรู้ดีว่า แต่ไหนแต่ไรมา เจ้าก็เป็นคนอารมณ์ร้อน ไม่เต็มใจจะเป็นอนุของใคร อันที่จริงแล้วครอบครัวสามัญชน อนุเรียกกันง่าย ๆ ก็คือเมียน้อย แต่ในราชวงศ์ก็คือชายา เจ้ามีความคิดเห็นอย่างไรกับเรื่องนี้? ” เจ้าพระยาเจิ้งเป่ยพยายามจะพูดยกระดับให้ดูสูงขึ้นไปอีกสักหน่อย แต่เห็นได้ชัดว่า เมื่อมีคำว่าอนุอยู่ในนั้น คำพูดหลังจากนั้นไม่ว่าเขาจะพูดอะไร มันก็ไม่มีทางสูงส่งขึ้นไปได้มากกว่านั้นแล้ว

ใบหน้าของฮู่ก่วงถิงแดงก่ำ พูดเสียงแผ่วเบาว่า : "ลูกยินดีเจ้าค่ะ"

เจ้าพระยาเจิ้งเป่ยตกใจจนผงะ ยินดี? ด้วยนิสัยใจคอของนาง ถึงกับยินดีเป็นอนุจริง ๆ น่ะรึ?

“ยินดีจริง ๆ รึ?” เจ้าพระยาเจิ้งเป่ยถึงขั้นแคะหูตัวเอง เพราะกลัวว่าจะได้ยินผิดไป เอ่ยถามซ้ำอีกครั้ง

ฮู่ก่วงถิงชม้ายตามองเขาแวบหนึ่ง แล้วพูดว่า “เรื่องการแต่งงานของลูก ล้วนเป็นพ่อแม่จัดการตามเห็นสมควร ลูกจะไปมีความเห็นเป็นอื่นได้อย่างไรกันล่ะเจ้าคะ ? ท่านพ่อเห็นชอบเช่นไร ลูกก็เห็นสมควรเช่นนั้นเจ้าค่ะ”

เจ้าพระยาเจิ้งเป่ยแทบจะสำลักน้ำลายตัวเองแล้ว ที่ผ่านมาทำไมเขาถึงไม่เคยเห็นลูกสาวมีท่าทีเขินอายเช่นนี้มาก่อน? ดูไปแล้วเหมือนว่านางจะชอบเจ้าห้า เจ้าอ๋องหนุ่มนั่นมากจริง ๆ

ได้! ในเมื่อนางชอบ ก็ตามใจนางเถอะ ถึงอย่างไรชายาฉู่ผู้นั้นก็เคยช่วยชีวิตท่านแม่ ก็นับได้ว่าเป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว จะยอมสงบศึกหันมาปรองดองสามัคคีดั่งญาติมิตรให้ก็แล้วกัน

เขายิ้มพลางพูดว่า: "เช่นนั้นก็ดีแล้ว วันพรุ่งนี้พ่อจะเข้าวังไปกราบทูลต่อฮ่องเต้อีกครั้ง"

ฮู่ก่วงถิงบิดผ้าเช็ดหน้าไปมาด้วยท่าทีเขินอาย "ฝ่าบาท ....ฝ่าบาททรงมีเจตนาเช่นไรหรือเจ้าคะ?"

“เป็นธรรมดาที่พระองค์จะไม่ทรงยินยอมให้เจ้าเป็นชายาเอก เพราะถึงอย่างไรชายาฉู่ก็กำลังตั้งครรภ์ ดังนั้นจึงทำได้เพียงต้องให้เจ้าทนน้อยเนื้อต่ำใจ แต่งไปเป็นชายารองของอ๋องฉู่….”

“อะไรนะ?” ฮู่ก่วงถิงผุดลุกขึ้นยืนทันที ใบหน้าเปลี่ยนสีทันควัน “ชายารองของอ๋องฉู่?”

เจ้าพระยาเจิ้งเป่ยตกใจจนสะดุ้ง เมื่อเห็นสีหน้าตกตะลึงจนสะท้านฟ้าสะเทือนดินของลูกสาว "เป็นอะไรไปล่ะ? ก็เมื่อครู่นี้เจ้าตกลงที่จะเป็นชายารองเองไม่ใช่รึ?"

“ข้าตกลงเมื่อไหร่กัน?” ฮู่ก่วงถิงโกรธจนหน้าแดงเถือก “ข้าพูดเมื่อไหร่กันว่าข้าจะแต่งไปเป็นชายารองของอ๋องฉู่?”

เจ้าพระยาเจิ้งเป่ยตกตะลึงจริง ๆ แล้ว หันไปมองฮูหยินใหญ่ จะเป็นไปได้หรือไม่ว่าเมื่อครู่พวกเขาเห็นภาพหลอนแบบอุปาทานหมู่?

ฮูหยินใหญ่เข้ามาจับมือแล้วกดเบา ๆ เพื่อปลอบใจเขา แล้วค่อยหันไปมองฮู่ก่วงถิงพลางพูดด้วยรอยยิ้มว่า " เช่นนั้นแล้วเจ้าต้องตาอ๋องท่านไหนอย่างนั้นหรือ? เจ้าว่ามาเถอะ จะท่านไหนก็ไม่ต้องร้อนใจไป ค่อยขอให้พ่อของเจ้าไปพูดจาทาบทามให้ "

ฮู่ก่วงถิงจวนจะร้องไห้ออกมาอยู่แล้ว “พวกท่านไม่รู้ด้วยซ้ำว่าในใจข้าคิดอะไร ก็เข้าวังไปทูลขอให้ข้าแต่งกับอ๋องอะไรไม่รู้แบบส่งเดช ข้าเคยพูดแล้วรึว่าข้าจะแต่งให้กับอ๋องท่านไหนน่ะ?”

“แต่เจ้าเป็นคนบอกเองนะว่าเจ้าจะแต่งเข้าราชวงศ์?” เจ้าพระยาเจิ้งเป่ยเห็นลูกสาวเป็นถึงขนาดนี้ ก็รู้สึกตื่นตระหนกตกตะลึงอย่างหนัก

ฮู่ก่วงถิงกระทืบเท้าเร่า ๆ บิดผ้าเช็ดหน้าแน่น จนผ่านไปครู่หนึ่งจึงกัดริมฝีปาก แล้วพูดว่า "ข้าจะแต่งให้กับฝ่าบาทต่างหาก"

“อะไรนะ?” คราวนี้เป็นตาของเจ้าพระยาเจิ้งเป่ยร้องอุทานบ้างแล้ว ดวงตาทั้งสองข้างเหลือกถลนจนแทบจะโบยบินออกจากเบ้าได้อยู่แล้ว “ฝ่าบาท?”

“ถูกต้อง ข้าจะแต่งให้กับฝ่าบาท ต่อให้ต้องเป็นแค่ ผิงเชี่ย(เป็นอนุภรรยาของฮ่องเต้) ข้าก็ยินดี” ฮู่ก่วงถิงพูดออกมาจนหมดเปลือก ไม่มีความตะขิดตะขวงใจ ทั้งยังดื้อรั้นอย่างยิ่ง

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์หมอยาเซียน