มหายุทธ์ สะท้านภพ นิยาย บท 2696

“ดูท่าเจ้าไม่มีความคิดที่จะปฏิบัติตามคำแนะนำของข้าแล้วสินะ?”

มีความเย็นเยือกกระพริบผ่านไปในแววตาท่านหมี่ ตราบใดที่ยังคาดเดาศักยภาพของฝ่ายตรงข้ามไม่ได้ เขาไม่อยากทำอะไรบุ่มบ่าม ทว่ากลับไม่ได้หมายความว่าเขาจะยอมอ่อนข้อให้ชายหนุ่มคนหนึ่ง 

ในระหว่างที่พูดอยู่นั้น ท่านหมี่ก็ลงมือโจมตีโดยตรงแล้ว ปราณกระบี่สิบกว่าเล่มเฉือนซับไปทางหลัวซิวโดยตรง 

ครั้งนี้หลัวซิวหยิบกระบี่ร่องฟ้าออกมาโดยตรง ถึงแม้เขาจะเคยสังหารเจ้าเมืองหวูซินอย่างเปียนหยวนสงที่มีผลการฝึกตนเทพมารระดับแปด แต่นั่นเป็นเพราะเปียนหยวนสงเพิ่งบรรลุ ผลการฝึกตนยังไม่มั่นคง 

ส่วนท่านหมี่นี่กลับแตกต่างกัน เขาเป็นผู้แข็งแกร่งเทพมารระดับแปดเจ้าเก่าแล้ว ศักยภาพแข็งแกร่งกว่าเปียนหยวนสงไม่รู้ตั้งเท่าไหร่ 

กระบี่ร่องฟ้าที่อยู่ในมือหลัวซิวถูกฟาดฟันออกไป อนัตตาถูกฉีดกระชากจนเกิดเป็นรอยสีดำขลับหนึ่งจุด

เตี๊ยง! เตี๊ยง! เตี๊ยง! ……

ปราณกระบี่ทั้งหลายที่เฉือนสับตรงเข้ามาถูกหลัวซิวทำลายล้าง พลังแว้งกัดที่ทรงพลังทำให้หลัวซิวถอยหลังกลับไปอย่างต่อเนื่อง ทุกครั้งที่ถอยหลังกลับไป ปริภูมิที่อยู่ใต้เท้าล้วนถูกเขาเหยียบจนแตกสลาย 

“หื้ม? ไม่นึกเลยว่าเทพมารระดับหกเล็ก ๆ คนหนึ่งจะสามารถต้านทานการโจมตีของข้าได้ ดูท่ากระบี่เล่มนี้ของเจ้าไม่ธรรมดามากเลยนี่”

ท่านหมี่หรี่ตาลง สายตาร่วงลงบนกระบี่ร่องฟ้าที่อยู่ในมือหลัวซิว มีความเร่าร้อนและความโลภทะลุออกมาจากแววตาเล็กน้อย เขามองกระบี่เทพเล่มนั้นเป็นสมบัติที่อยู่ในกระเป๋าตนเองแล้ว

ยกมือโบกครั้งหนึ่ง เสียงคำรามทั้งหลายก็ดังขึ้น ๆ ลง ๆ อสูรกายที่นับไม่ถ้วนก็ปรากฏในเมืองเยว่คง ดำมืดเป็นแถบแล้วพุ่งเบียดเสียดกันเข้าไปทางหลัวซิวพร้อมกัน 

ระดับของอสูรกายเหล่านี้ไม่สูงมากนัก มากกว่านั้นคือส่วนมากเป็นเพียงเทพมารระดับหกเท่านั้น แต่ว่าจำนวนมีมากเกินไป จากจำนวนของอสูรกาย เพียงพอที่จะสามารถฆ่าผู้แข็งแกร่งเทพมารระดับเจ็ดได้แล้ว 

สำหรับนักทาสอสูรที่มีผลการฝึกตนเทพมารระดับแปดอย่างท่านหมี่แล้ว ฝูงอสูรเทพระดับหกเป็นเพียงอสูรระดับขั้นพื้นฐานเท่านั้น เขายังไม่ได้ปลดปล่อยวิชาทาสอสูรที่แข็งแกร่งอย่างแท้จริงออกมาเลย 

“เวิ่ง!”

มีรัศมีดวงหนึ่งบินออกมาจากหว่างคิ้วหลัวซิว ถัดจากนั้นมันก็ปรากฏเป็นเตาเซียนหนึ่งเตาลอยอยู่เหนือศีรษะเขา และมีเปลวไฟสีม่วงทองลุกลามลงมา

มือกำกระบี่ร่องฟ้า เหนือศีรษะมีเตากลั่นนภาจื่อเซียว หลัวซิวเรียกของขลังศัสตราวุธที่ทรงพลังที่สุดออกมาในเวลานี้แล้ว

อสูรกายเทพระดับหกกระโจนเข้ามา พวกมันต้านทานอัคคีเทพที่พรั่งพรูออกมาจากเตากลั่นนภาจื่อเซียวไม่ได้เลยด้วยซ้ำ หลัวซิวยืนนิ่งอยู่กับที่ ราวกับยืนอยู่บนบัลลังก์ไร้พ่ายยังไงอย่างนั้น

ลาร์ปฏิบัติตามคำสั่งของหลัวซิว คอยคุ้มกันความปลอดภัยให้ถูโยวหมิง เขาจัดการตาแก่จากสำนักสรรพอสูรนี่ไม่ได้ แต่เขาเชื่อว่านายท่านของตัวเองต้องสามารถกำราบฝ่ายตรงข้ามได้แน่นอน 

ภายในเวลาชั่วพริบตาเดียว อสูรกายก็ถูกเตาเซียนกลั่นแปรเป็นเถ้าธุลีไปไม่รู้ตั้งเท่าไหร่แล้ว ฝูงอสูรปรากฏเป็นจำนวนมาก ทำให้ภายในเมืองเยว่คงวุ่นวายไม่น้อย ฝูงอสูรขนาดใหญ่ที่รวมตัวเข้าด้วยกันเหมือนดั่งผืนน้ำที่กว้างสุดลูกหูลูกตา ส่วนตำแหน่งที่อยู่ของหลัวซิวนั้น กลับเหมือนดั่งพระอาทิตย์ที่ไม่มีวันมอดไหม้ สรรพวิชาไม่อาจทำลายล้างได้

“ของดีแฮะ!”

แววตาของท่านหมี่เป็นประกายขึ้นมาอย่างควบคุมไม่ได้ จากประสบการณ์ของเขา ย่อมดูออกอยู่แล้วว่าเตาเซียนสีม่วงทองนั่นแข็งแกร่งและล้ำค่ากว่ากระบี่เทพในเมื่อครู่นี้มาก

“ไปตายซะเถอะ!”

ท่านหมี่โบกมืออีกครั้งหนึ่ง อสูรกายเทพระดับเจ็ดร้อยกว่าตัวจึงคำรามแล้วพุ่งออกไป ทุกตัวล้วนมีขนาดที่ใหญ่โตมโหฬารมาก รอบกายมีโซ่แห่งเกณฑ์ที่ถูกวิวัฒนาการมาจากพลังเต๋าลอยวนเป็นเกลียวขึ้นไป ลักษณะท่าทีดุดันแข็งกร้าว 

ในห้วงจักรหยั่งรู้ ญาณเทวร่างมนุษย์ลืมตาทั้งสองข้างขึ้นมากะทันหัน ยกมือโบกครั้งหนึ่ง ใจแห่งศุภรที่ลอยอยู่ในตัวหยั่งรู้ก็ตกลงมาในมือเขา 

ภายในเวลาชั่วพริบตาเดียว พลังตัวสำนักวิญญาณที่มากมายมหาศาลก็พรั่งพรูเข้าไปในใจแห่งศุภร และมีออร่าเกณฑ์เวลาที่มากมายมหาศาลจนไม่อาจคาดเดาได้ถูกกระตุ้นออกมา 

เพลาไหลรวยสายหนึ่งที่ไหลทะยานอย่างไม่หยุดหย่อนปรากฏข้างกายหลัวซิว ภายในเวลาเสี้ยววินาทีเดียว ห้วงเวลาที่อยู่บริเวณรอบ ๆ ก็ถูกหยุดนิ่ง ภายในขอบเขตที่ถูกออร่าห้วงเวลาปกคลุม ทุกสรรพสิ่งล้วนถูกทำให้หยุดนิ่ง ณ เสี้ยววินาทีนั้น

ใจแห่งศุภรที่ประกอบจากเศษทั้งห้าชิ้น แม้นมันยังไม่ใช่ใจแห่งศุภรที่สมบูรณ์แบบ แต่พลังเกณฑ์เวลาที่แฝงซ่อนอยู่ภายในก็ยังคงทรงพลังมาก แม้แต่อสูรกายเทพระดับเจ็ดร้อยกว่าตัวนั่นก็ถูกหยุดนิ่งแล้ว แม้กระทั่งออร่าเกณฑ์พลังเต๋าที่ลอนวนเป็นเกลียวอยู่รอบกายพวกมัน ก็ราวกับถูกแช่แข็งยังไงอย่างนั้น ไม่มีการเคลื่อนไหวเลยแม้แต่น้อย

พลังสังหารของกระบี่ร่องฟ้าเป็นหนึ่งไม่เป็นสอง กลั่นนภาจื่อเซียวสามารถต้านทานสรรพวิชา บวกกับมีการควบคุมสถานการณ์โดยใจแห่งศุภร สามารถพูดได้เลยว่าหลัวซิวไม่มีจุดอ่อนเลยแม้แต่ด้านเดียว เรียกได้เลยว่าสมบูรณ์แบบถึงขีดสุด 

“สวรรค์ปราบ!”

เขาโคจรวิถีไร้ลักษณ์วิวัฒนาการวิชาสวรรค์ปราบออกมา ปราณกระบี่สีแดงสดดั่งเลือดถูกฟาดฟันออกไป ทุกสรรพสิ่งที่ขวางอยู่ตรงหน้า ไม่ว่าจะเป็นอสูรกายเทพระดับหกหรือระดับเจ็ด ล้วนแตกสลายเป็นฝุ่นผง ณ เสี้ยววินาทีนี้ ตายอย่างสิ้นซาก

ฝูงอสูรที่เหมือนดังผืนน้ำกว้างสุดลูกหูลูกตา ถูกหนึ่งกระบี่ที่หลัวซิวฟาดฟันออกไปจนกลายเป็นเส้นทางที่ว่างเปล่าหนึ่งทางภายในพริบตา

ท่านหมี่ที่เห็นภาพเหตุการณ์ดังกล่าวก็ตะลึงไปเช่นกัน ความเป็นมาของชายหนุ่มชุดคลุมยาวดำนี่เป็นอย่างไรกันแน่ ในมือเขามีอุบายที่เหลือเชื่อมากมายเช่นนี้เลยหรือ?

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ