นางสนมแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 730

“ประกาศพระราชโองการ...”

เสียงของขันทีดังกึกก้องไปทั่วจวนเฟิ่ง

ตงหลิงจื่อชุน และซีหลิงเทียนเหล่ยพากันตกตะลึงกับพระราชโองการดังกล่าวเช่นกัน

สายตาของซุนซือสิงเป็นกังวล

พระราชโองการของจักรพรรดิคงมิใช่เรื่องการรักษาองค์หญิงเหยาหวาหรอก? แต่ถ้าใช่ มันก็ช่าง......

เมื่อนึกเช่นนั้น ซุนซือสิงจึงกังวลใจ แม่ว่าจักรพรรดิจะเป็นผู้มีอำนาจสูงสุด แต่ก็ต้องมีความเกรงใจหรือรู้จักถนอมน้ำใจ ไม่ว่าเรื่องมันจะใหญ่หรือหนักหนาขนาดไหน ก็ต้องรู้บ้างว่าที่เป็นพิธีฝังศพของบุพการี

แพทย์ในตงหลิงมีเยอะแยะ แต่ทำไมต้องเป็นเฟิ่งชิงเฉิน ส่วนซีหลิงเทียนเหล่ยคิดเช่นเดียวกัน

เฟิ่งชิงเฉินก็คิดเช่นกัน แต่คิดอะไรมากไปมันก็มิมีประโยชน์ ถ้าจักรพรรดิมีพระราชโองการรรับสั่งออกมา นางก็ต้องไป ถ้านางมิไป มันก็เท่ากับว่านางรนหาที่ตาย!

เฟิ่งชิงเฉินกำหมัดแน่นจนเห็นเส้นเลือดบนมือ

“ท่านอาจารย์......” ซุนซือสิงพูดอย่างมีทีท่าที่กังวล

“รับพระราชโองการเถอะ” เฟิงชิงเฉินสูดหายใจเข้าและส่งสัญญาณบอกซุนซือ และส่งสัญญาณให้ซุนซือสิงมิต้องพูดออะไรออกมา รอฟังพระราชโองการแล้วค่อยว่ากัน

ต่อใต้ฟ้าถล่มดินทลาย นางก็มิมีทางยอมแพ้

จู่ๆก็มีพระราชโองการออกมาโดยที่เฟิ่งชิงเฉินยังมิได้เตรียมตัว นางจึงทำได้เพียงคุกเข่ารับพระราชโองการ

ซีหลิงเทียนเทียนเหล่ยกระอักกระอ่วนใจ ขันทีเหล่านี้ดูมีท่าทีแปลกๆ เขาพอจะคาดเดาได้ว่าพระราชโองการน่าจะเป็นเช่นไร และมันคงมิเป็นประโยชน์ต่อเขานัก

เป็นอย่างที่ซีหลิงเทียนเหล่ยได้คาดไว้ เมื่อขันทีอ่านพระราชโองการ สีหน้าของตงหลิงจื่อชุนกับซีหลิงเหล่ยมีสีหน้าที่เป็นกังวล

พูดง่ายๆ ก็คือ พระราชประสงค์ของจักรพรรดิไม่ได้ขอให้เฟิ่งชิงเฉินช่วยซีหลิงเหยาหวา แต่เป็นการทรงชมเชยและขอบใจที่ได้ช่วยรักษาผู้คนเมื่อครั้งมีภัยพิบัติ และทรงแสดงความเสียใจต่อการตายของพ่อแม่ของนาง และในขณะเดียวกันก็ดีใจที่พบกระดูกของพวกเขา เพื่อที่พวกเขาจะได้ทำพิธีฝังอย่างสงบ จากนั้นจักรพรรดิก็ทรงขอให้เฟิ่งชิงเฉินนั้นพักผ่อน ให้พ้นจากความเศร้าโศกโดยเร็วที่สุด และในขณะเดียวกันก็ให้รางวัลเฟิ่งชิงเฉินสองอย่างเพื่อแสดงการปลอบโยน

เมื่อขันทีพูดพระราชโองการของเฟิ่งชิงเฉินจบ ก็พูดให้ชุนอ๋องรับพระราชโองการของจักรพรรดิต่อ

ตงหลิงจื่อชุนก้าวเข้าไปข้างหน้า และคุกเข่าลงเพื่อฟังพระราชโองการของจักรพรรดิ

พระราชดำรัสของจักรพรรดินั้น อย่างแรกคือทรงตำหนิตงหลิงจื่อชุนที่ไม่เคารพธรรมเนียมปฏิบัติ ไปพบกับพระคู่หมั้นก่อนแต่งงาน ทำลายซึ่งชื่อเสียงขององค์หญิงเหยาหวา แล้วกล่าวว่าตงหลิงจื่อชุนมิคำนึงถึงการทำหน้าทีอันเป็นลูกกตัญญูของเฟิ่งชิงเฉิน

อย่างไรก็ตาม จักรพรรดิทรงได้แสดงถึงความเข้าอกเข้าใจเช่นกันว่า เป็นการดีที่ชุนอ๋องใส่ใจคู่หมั้นของเขา แต่เขาควรใส่ใจในระดับหนึ่ง และให้เหมาะให้ควร

สุดท้าย จักรพรรดิทรงมีดำริต่อว่ามีในตงหลิงแพทย์ที่มีทักษะที่ดีจำนวนมาก มิใช่มีแค่เฟิ่งชิงเฉินคนเดียว จักรพรรดิทรงได้ส่งผู้เชี่ยวชาญด้านสูตินรีเวชไปช่วยองค์หญิงเหยาหวา ขอให้ชุนอ๋องอย่าเป็นกังวลใจไป ถ้าหากมิมีธุระอันใดก็ขอให้กลับไปยังจวนชุนอ๋อง และมิอนุญาตให้ออกมา

เฟิ่งชิงเฉินยังตะลึงกับพระราชโองการของจักรพรรดิ

จักรพรรดิมาอยู่ข้างนางตั้งแต่เมื่อใดกัน?

จักรพรรดิทำเพื่อนาง?

แม้ว่าคำพูดของจักรพรรดิจะโทษตงหลิงจื่อชุน แต่คนที่ฉลาดย่อมดูรู้ว่าเป็นการลงโทษองค์หญิงเหยาหวา และตำหนิองค์หญิงเหยาหวาที่ชักชวนชุนอ๋องออกมา

ชุนอ๋องมีศักดิ์เป็นถึงหลานชายที่จักรพรรดิทรงโปรดมากที่สุด จักรพรรดิทรงปฏิบัติกับชุนอ๋องดีกว่าลูกชายของตนเองเสียอีก ที่องค์หญิงเหยาหวาเล่นละครและใช้ชุนอ๋องเป็นเครื่องมือในวันนี้ แม้ชุนอ๋องจะไม่รู้ แต่ถึงอย่างไรองค์หญิงเหยาหวาก็เป็นลูกสาวคนอื่น ทำได้เพียงตำหนิหลานของตัวเอง

พระราชโองการของจักรพรรดิเป็นเช่นนี้จริงหรือ? ซีหลิงเหล่ยแทบพูดไม่ออก ดีที่จักรพรรดิมีทรงกล่าวว่าซีหลิงเลี้ยงลูกหลานอย่างไร ถึงทำให้เหยาหวาถึงเป็นหญิงแพศยาได้เยี่ยงนี้

ฮ่าๆ...... เป็นครั้งแรกที่เฟิ่งชิงเฉินขอบพระทัยจักรพรรดิ ในที่สุดจักรพรรดิก็ทรงปรีชาขึ้นมา แม้ว่านางจะพอคาดเดาได้ว่ามีคนอยู่เบื้องหลังเหตุการณ์นี้ แต่อย่างไรเสียนางก็ต้องขอบพระทัยจักรพรรดิ

“ขอพระองค์ทรงพระเจริญ” เฟิ่งชิงเฉินและชุนอ๋องตะโกนพร้อมกัน ทุกคนต่างพากันยิ้มและพากันปีติ

พระราชโองการมาในเวลาที่เหมาะที่ควร

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ