หลังจากพูดเรื่องทั้งหมดแล้วหนานกงเย่ก็ถามว่า "มีอีกหรือไม่?"
ฉีเฟยอวิ๋นมองดูใบหน้าอันไม่ได้แปลกใจของเขา และใช้เวลานานกว่าจะได้สติขึ้นมา: "ท่านรู้ทั้งหมดหรือ?"
หนานกงเย่จัดระเบียบเสื้อผ้าแล้วลุกขึ้นนั่งลงอยู่ในรถม้า เหลือบมองฉีเฟยอวิ๋นอย่างไม่ได้ตั้งใจแล้วกล่าวว่า: "ใช่ว่าข้าจะไม่มีผู้ใดอยู่ในวังเกิดข้อสงสัยก็ต้องตรวจสอบเป็นธรรมดา"
“ท่านสะกดรอยตามข้า?”
“เป็นการปกป้องอวิ๋นอวิ๋น หากข้าไม่ได้สนใจก็ไม่อยากไปใส่ใจแล้วก็จะไม่ถามไม่ตรวจสอบเลย
แต่ตั้งแต่อวิ๋นอวิ๋นกล่าวถึงเรื่องที่ฮองเฮาวางยาพิษขึ้นมา ข้าจึงได้ทำการสืบและสืบได้เรื่องมาบ้างก็เป็นเรื่องปกติ"
ฉีเฟยอวิ๋นมองไปยังหนานกงเย่ชั่วขณะหนึ่งก็รู้สึกกลัวขึ้นมา ไม่เคยพบเจผู้ที่ต่อกรยากลำบากเช่นนี้มาก่อนเลยจริงๆ ไม่มีเรื่องใดเลยที่เขาจะไม่รู้
ฉีเฟยอวิ๋นถามว่า: "ท่านแน่ใจตั้งแต่เมื่อไหร่ว่าข้าไม่ใช่ฉีเฟยอวิ๋น?"
“อันนี้ข้าเองก็ไม่รู้แล้ว นอกจากเรื่องนี้แล้วเรื่องอื่นข้ารู้ทั้งสิ้น” หนานกงเย่บีบคางของฉีเฟยอวิ๋นแล้วยกเงยขึ้น
“ข้าชอบใบหน้าอันจนปัญญาของอวิ๋นอวิ๋น ท่าทางที่จนปัญญาต่อข้านั้นทำให้ข้าสัมผัสได้ถึงความรู้สึกแห่งความสำเร็จ”
“เช่นนั้นท่านก็รู้ว่าพระครรภ์ของฮองเฮาเป็นของปลอม?” ความสงสัยที่ใหญ่หลวงที่สุดของฉีเฟยอวิ๋นนั้นอยู่ตรงนี้ เขารู้ได้เช่นไรกัน?
หนานกงเย่เสแสร้งแกล้งยิ้ม: "รู้"
ฉีเฟยอวิ๋นปลดปล่อยอารมณ์ไปอย่างสมบูรณ์และนางก็ไม่มีสิ่งใดที่จะกล่าวอีก
ฉีเฟยอวิ๋นไม่สามารถมีความสุขขึ้นมาได้เลยแม้แต่น้อย
ออกจากตัวหนานกงเย่แล้วฉีเฟยอวิ๋นก็นอนลง ช่างดูราวกับเด็กน้อยท่าทางเกียจคร้านอย่างจนปัญญายิ่งนัก หนานกงเย่ปล่อยให้นางนอนลงบนตักเช่นนี้เขาก็รู้สึกสบายตัวเป็นอย่างยิ่ง
ทั้งสองคนไม่พูดคุยกันได้แต่สบตากันบ้างเป็นครั้งคราว
ฉีเฟยอวิ๋นถามอย่างหดหู่ใจว่า: “ในเมื่อท่านรู้เรื่องทุกอย่างเหตุใดถึงไม่ระมัดระวังหล่ะ?”
“ข้ารู้เพียงแค่สิ่งที่เห็นอยู่เบื้องหน้าเท่านั้น บรรดาผู้ที่ซ่อนตัวอยู่เบื้องหลังนั้นข้ายังไม่รู้แน่ชัด ดังนั้นข้าถึงได้อยากให้อวิ๋นอวิ๋นคิดดู”
“มิน่าหล่ะ ท่านอ๋องถึงได้สงสัยในตัวท่านอ๋องแปด?”
“น่าเสียดายที่ข้าจะถูกปลดลงมาในช่วงเวลาไม่ช้านี้แล้ว มิเช่นนั้นยังสามารถจับคนสักสองสามคนมาถามได้”
“จับกุมคนอีกแล้วหรือ?”
“วิธีการของข้าก็คือการจับกุม ไม่จับกุมแล้วจะไต่สวนได้เช่นไร?”
ฉีเฟยอวิ๋นนั้นไม่มีสิ่งใดที่จะกล่าวอีก พิงไปพิงมาก็ผล็อยหลับไปซะแล้ว
หนานกงเย่เห็นว่านางหลับไปแล้วจึงเอนกายลงพักผ่อนอยู่ในรถม้า
ในเวลานี้อ๋องตวนกำลังพาจวินฉูฉู่ไปเยี่ยมอวิ๋นหลัวฉวนที่จวนอารักขา
อวิ๋นหลัวฉวนนั้นตั้งแต่เริ่มทานยาแพ้ครรภ์แล้วสุขภาพก็แข็งแรงมาโดยตลอด ทานสิ่งใดก็ได้และก็ไม่อาเจียนแล้ว
แม่นมเว่ยสุขใจยิ่งนัก ในที่สุดก็สามารถแก้ปัญหาสำคัญได้สำเร็จ
และก็เนื่องด้วยเรื่องนี้ ในสองสามวันมานี้พระมเหสีหวาก็ค่อนข้างดีกับจวินฉูฉู่
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อรู้ว่าทุกสิ่งทุกอย่างนั้นไม่ใช่จวินฉูฉู่เป็นผู้กระทำการณ์ แล้วยังชื่นชมยกย่องจวินฉูฉู่อยู่บ้างสองสามคำ
“ที่ผ่านมาพี่เป็นผู้ผิดเอง พี่ว่าเจ้าก็ควรกลับไป พี่จะดูแลเจ้าเป็นอย่างดี จะมิให้เกิดเรื่องเช่นนั้นอีก ชายารองให้โอกาสพี่ได้ชดเชยด้วย”
แม่นมเว่ยยืนอยู่ข้างๆราวกับเสือตัวหนึ่งที่หมอบอยู่หน้าเตียง ไม่ต้องกล่าวถึงจวินฉูฉู่แม้แต่อวิ๋นหลัวฉวนยังหวาดกลัวเลย
“แม่นม ท่านว่าเช่นไร?” ที่จริงอวิ๋นหลัวฉวนก็ใช่ผู้ที่ตัดสินใจได้ ร่างกายของนางต้องการผู้ดูแล แม่นมเว่ยเป็นผู้จัดการเรื่องของนางด้วยตัวแม่นมเว่ยเอง ตอนนี้ผู้คนอยากจะเยี่ยมก็ต้องผ่านแม่นมเว่ย นางจะกล่าวสิ่งใดก็ต้องถามแม่นมเว่ยซะก่อน
”แม่นมเว่ยคิดอยู่ครู่หนึ่ง: "เรื่องนี้จะต้องถามผ่านพระมเหสีหวาถึงจะได้ แต่ว่าที่จวนกั๋วกงนั้นก็ค่อนข้างไม่สะดวกอยู่บ้าง"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ