จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน นิยาย บท 632

ณ สนามรบเทพมารบรรพกาล

หลังผ่านการต่อสู้อันดุเดือดมาอย่างต่อเนื่อง ราชันเทพมารอเวจีก็พาร่างกายอันบอบช้ำ เคลื่อนย้ายมิติหลบหนีจ้าวเทียนไปท่ามกลางความมืดมิดอย่างทุลักทุเล โดยมีคลื่นพายุเปลวเพลิงสีทองสว่างเจิดจ้าระเบิดตามไล่หลัง

นี่คืออานุภาพสนามพลังของเคล็ดวิชาหมื่นตะวันขั้นสูงสุด ซึ่งเมื่อมันถูกใช้โดยจ้าวเทียนก็สามารถเผาไหม้กลิ่นอายมารและออร่าความชั่วร้ายทั้งปวงได้ในพริบตา สร้างข้อได้เปรียบในการต่อสู้เป็นอันมาก

“ แกคิดว่าจะหนีพ้นงั้นเหรอ ” จ้าวเทียนพยายามควบคุมรังสีกระบี่นับล้านล้อมกรอบ ทะลวงใส่ฝ่ายตรงข้ามอย่างดุดัน เพื่อผนึกความเคลื่อนไหว ก่อนจะใช้หมัดทลายสวรรค์หยุดเวลาเผด็จศึก

“ บัดซบ! เคล็ดวิชานี้อีกแล้ว ” ราชันเทพมารอเวจีหน้าซีดเผือด รีบละทิ้งกายเนื้อแบ่งแยกจิตวิญญาณเป็นหมอกควันสีดำกระจายตัวหลบหนีสี่ทิศแปดทาง

เปรี้ยง! ตูมมมม! วูบ!ๆ

ร่างในชุดเกราะสีดำถูกลบหายไปในความว่างเปล่า ถึงแม้ดวงจิตบางส่วนของราชันเทพมารจะหนีรอดออกไปได้และสามารถก่อตัวสร้างกายเนื้อขึ้นมาใหม่ แต่ความแข็งแกร่งโดยรวมก็ลดลงเล็กน้อย

เหตุการณ์เหล่านี้ไม่ได้เพิ่งเคยเกิดขึ้นเป็นครั้งแรก นับตังแต่ทั้งสองฝ่ายเข้าสู่สนามรบเทพมารบรรพกาล จ้าวเทียนก็ปลดปล่อยอานุภาพที่แท้จริงของสมบัติแม่น้ำแห่งเต๋าออกมาเต็มพิกัดทันที

เนื่องจากตัวเขาไม่ต้องกังวลว่าจะเกิดผลกระทบต่อพันธมิตรตัวเอง และดวงดาวของสิ่งมีชีวิตทั้งปวงในอาณาเขตรอบๆ ทำให้ทุกกระบวนท่า ทุกการโจมตีล้วนเป็นเคล็ดวิชาขั้นสูงสุดทั้งสิ้น

ไม่ว่าจะเป็นพยุหะกระบี่ราชันสวรรค์ สามหมัดราชันจักรพรรดิ หัตถ์ดับตะวัน หรือเคล็ดกระบี่บูรพาสังหาร เมื่อมีขุมพลังอันไร้ขีดจำกัดของแม่น้ำแห่งเต๋าคอยสนับสนุน จ้าวเทียนก็สามารถระเบิดกระบวนท่าไม้ตายใส่ศัตรูได้โดยไม่ต้องหวั่นเกรงสิ่งใด

ถึงเวลานี้ทั้งสองฝ่ายไม่จำเป็นต้องพูดถึงข้อตกลงในการร่วมมืออะไรอีกแล้ว เพราะราชันเทพมารอเวจีสัมผัสได้ชัดเจน ว่าอีกฝ่ายมุ่งมั่นต้องการสังหารตนให้ได้เร็วที่สุด โดยไม่สนใจคำขู่ใดๆทั้งสิ้น

“ ราชันเทพมารผู้ยิ่งใหญ่มีดีแค่นี้เองงั้นเหรอ ช่างน่าผิดหวังจริงๆ ” จ้าวเทียนพูดขึ้นอย่างเย็นชา เอามือไพล่หลังก้าวเดินเข้าหาฝ่ายตรงข้ามพร้อมกับออร่าแห่งจอมราชัน ดุจจักรพรรดิผู้กวาดพิชิตยุคสมัย

ตูม!ๆๆๆ

ทุกครั้งที่เท้าจ้าวเทียนเหยียบย่ำไปในความว่างเปล่า หมื่นกฎเกณฑ์แห่งเอกภพก็ตอบสนอง ส่งผลให้ห้วงมิติเวลารอบๆราชันเทพมารอเวจีถูกบีบอัด ร่างกายของมันโดนบดขยี้ทุกทิศทางจนต้องทรุดตัวลงไปคุกเข่าอย่างสิ้นสภาพ

ที่เป็นเช่นนี้ไม่ใช่เพราะราชันเทพมารอเวจีอ่อนแอ แต่เป็นเพราะจ้าวเทียนที่ครอบครองสมบัติแม่น้ำแห่งเต๋าและต้นไม้เอกภพแข็งแกร่งเกินไปต่างหาก ราวกับทั้งสองฝ่ายไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกันอย่างสิ้นเชิง

“ เป็นไปไม่ได้ เจ้ายังไม่ได้บรรลุขอบเขตผู้ปกครองไม่ใช่เหรอ เป็นเพียงขอบเขตจักรพรรดิจะแข็งแกร่งขนาดนี้ได้อย่างไร ” ราชันเทพมารอเวจีรู้สึกสับสนเป็นอย่างมาก

เดิมทีจากการคำนวณของมัน ต่อให้จ้าวเทียนจะแข็งแกร่งจนผิดมนุษย์ขนาดไหน มันก็ควรเป็นการต่อสู้ที่สูสีดุเดือดไม่มีใครได้เปรียบเสียเปรียบใคร เนื่องจากอีกฝ่ายมีขอบเขตต่ำกว่าตนเองครึ่งขั้น

‘ สรุปข้าหรืออีกฝ่ายกันแน่…ที่เป็นผู้ปกครองเอกภพที่แท้จริง ทำไมสถานการณ์มันถึงได้อยู่นอกเหนือการควบคุมแบบนี้ ’

การที่ราชันเทพมารจะคิดเช่นนี้ก็ไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะนับตั้งแต่จักรวาลได้ถือกำเนิดขึ้นตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน ก็ไม่เคยมีจักรพรรดิเทพองค์ใดสามารถต่อกรกับผู้ปกครองเอกภพได้มาก่อน ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการสะกดข่มอย่างสิ้นเชิงเลย

ไม่อย่างนั้น…แดนสวรรค์ยุคบรรพกาลก็คงไม่ถูกทำลายไปในสงครามครั้งนั้นแล้ว

เปรี้ยงง! ตูมมมม!

และก็เป็นอีกครั้ง ที่ร่างกายของราชันเทพมารอเวจีถูกบดขยี้เป็นฝุ่น ทว่าก่อนที่มันจะแบ่งแยกดวงวิญญาณเพื่อหลบหนี จ้าวเทียนก็รีบใช้เต๋ากระบี่ตรึงอีกฝ่ายไว้ท่ามกลางความว่างเปล่า

“ ฉันอยากจะรู้จริงๆ ว่าร่างอมตะของแกจะคืนชีพได้อีกซักกี่หน ” พูดจบ จ้าวเทียนก็หงายฝ่ามือทั้งสองขึ้นแล้วดันไปเบื้องหน้า ทำให้เกิดภาพลวงตากระถางสำริดขนาดยักษ์กักขังราชันเทพมารอเวจีไว้ด้านใน

“ เพลิงสุริยันผลาญเก้าภพ! ”

ฮูมมมมม!

พริบตานั้น ก็ปรากฏพายุเปลวเพลิงสีทองปะทุขึ้นในกระถางอย่างรุนแรง ราวกับมีดวงอาทิตย์หลายสิบดวงระเบิดขึ้นพร้อมกัน ทั้งยังถูกบีบอัดให้อยู่ในวงพื้นที่จำกัด เพื่อปลดปล่อยพลังงานทำลายล้างขั้นสูงสุดอีกด้วย

นี่คือเคล็ดวิชาไม้ตายของจักรพรรดิหมื่นตะวันรุ่นแรก ซึ่งมีเพียงผู้บรรลุเคล็ดวิชาหมื่นตะวันขั้นสมบูรณ์ และบรรลุขอบเขตครึ่งก้าวผู้ปกครองขึ้นไปเท่านั้น ถึงจะสามารถควบคุมอานุภาพที่แท้จริงของมันได้

อ้ากกกก!

ราชันเทพมารเปล่งเสียงกรีดร้องโหยหวนออกมาต่อเนื่อง มันต้องทนทุกข์ทรมานกับการแหลกสลายเป็นจุลและถือกำเกิดขึ้นมาใหม่ครั้งแล้วครั้งเล่า

ถึงแม้ดวงวิญญาณของมันจะสามารถฟื้นคืนร่างกายได้เรื่อยๆ แต่ก็หมดสิ้นหนทางหลบหนีโดยสิ้นเชิง คล้ายกับเป็นกุ้งที่อยู่ในหม้อต้มไม่มีผิด

จนเมื่อเวลาผ่านไป…

!!

“ หืม มีบางอย่างผิดปกติ ” จ้าวเทียนเริ่มขมวดคิ้วเล็กน้อย เมื่อเห็นฝ่ายตรงข้ามยังไม่มีท่าทีจะสูญสลายไปซักที อีกทั้งระยะเวลาที่อีกฝ่ายสามารถต้านทานเปลวเพลิงก่อนจะตกตายก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

จากตอนแรกเพียงแค่สามลมหายใจก็กลายเป็นเถ้าถ่าน ผ่านไปไม่นานก็ทนได้ถึงห้าลมหายใจ เจ็ดลมหายใจ และสิบลมหายใจตามลำดับ คล้ายกับอีกฝ่ายสามารถสร้างภูมิต้านทานต่อเปลวเพลิงของเขาได้ก็ไม่ปาน

ทันใดนั้น

ครืนนน!ๆๆๆๆ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน