ครูเจ้าเสน่ห์คนนี้ประธานจอง นิยาย บท 469

เล็บมือ​ยาวของเรนนี่จิกลงบนฝ่ามือของเขา นี้ถือเป็นการคิดจะทำร้ายผู้อื่น แต่ผลร้ายนั้นกลับย้อนมาหาตัวเองใช่ไหม​ เมื่อก่อนเธอเก็บ​ซ่อนไว้ลึกเกินไป​ เพราะแบบนี้ เขาถึงได้รับได้แต่เธอที่อ่อนโยน เข้าอกเข้าใจคนอื่น และ​อ่อนโยน​เท่านั้น

“นิสัยของคุณดีมาตลอด บางทีคุณคงจะอารมณ์​เสียเล็กน้อย​ แต่จำไว้ด้วย ฉันรับได้ แค่คุณ​หงุดหงิดและอารมณ์เสียเป็นครั้งคราว อย่ากำเริบ​เกินไป และปรับอารมณ์ของคุณให้เร็วที่สุด ...”

ชฎารัตน์​เดินลงมา ในสวนมีกระถางดอกไม้ที่ต้องย้ายพอดี ดังนั้นเธอจึงเรียกเรนนี่ไว้

ดอกไม้ที่อยู่​ในสวนหลังบ้าน ล้วนแต่​เป็นของรักของหวงของเธอ จึงไม่ยอมให้คนใช้เข้ามายุ่ง พอเห็นว่าเรนนี่ไม่มีอะไรทำ จึงเรียกเธอมาช่วย

พูดตามตรง สามารถใช้โอกาสนี้แก้นิสัยของเธอได้

ในคฤหาสน์ภูษาธรไม่ใช่​ว่า​ไม่มีคนใช้ ทำไมจะต้องให้เธอมาทำด้วย เรนนี่รู้ว่าชฎารัตน์​จงใจ​แกล้งเธอ แต่ความโกรธ​ก่อนหน้านี้​ยังไม่ลดลง พอรวมกับความไม่พอใจในตอนนี้ การกระทำของเธอจึงรุนแรง​มาก​ และ​ทำให้​กระถางดอกไม้ของชฎารัตน์​แตกไปสองกระถาง

สีหน้า​ของชฎารัตน์​ดูไม่ดีมาก เธอรู้สึกว่าเรนนี่จงใจทำ จึงยิ่งรู้สึก​ว่า ลูกสะใภ้คนนี้ไม่รู้กาลเทศะ​เอาซะเลย

ดูจากเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ก็สามารถเห็นความประพฤติที่ดีที่ชอบ​ของบุคคลนั้นได้ และพฤติกรรม​ของเธอ ในสายตาของเธอ เรนนี่ไม่ได้เรื่องอะไรเลย

เมื่อเทียบกับยู่ยี่แล้ว มันแย่กว่าเป็นร้อยเท่า

กระถางดอกไม้ตกทับเท้าของเธอด้วย เรนนี่สูดหายใจแรงๆ เธออยากจะทำลายดอกไม้ของชฎารัตน์​ให้หมดเลย!

ทำไมเธอถึงซวยขนาดนี้ ตั้งแต่แต่งงานกับหัสดิน ก็ไม่มีวันไหนที่เธอมีความสุขเลย

ในสภาพแวดล้อมแบบนี้ อารมณ์ของเรนนี่อาจระเบิดเร็วขึ้น

ถ้าคนเราถูกกดขี่ข่มเหงมาเป็นเวลานาน ความโกรธ​ที่ปะทุออกมานั้นทรงพลังกว่าคนทั่วไปหลายเท่า!

……

นาโนมาตอนช่วงกลางคืน บอกว่าคืนนี้จะนอนที่นี่ด้วย ยู่ยี่ถามเธอว่าเกิดอะไรขึ้น?

เธอทะเลาะกับแม่ของดนัย ปกติ​เธอมักจะอดทนทุกครั้ง แต่ครั้งนี้เธอทนไม่ไหวแล้ว!

นิสัยที่รุนแรง​ของนาโน ไม่ใช่คนที่จะทนยอมได้!

ดนัยไม่ได้ห้ามเธอเหรอ? ยู่ยี่ถาม

ฉันไม่อยากให้เขาเข้าไปพัวพันกับปัญหาระหว่างแม่ผัวกับลูกสะใภ้ เพราะถ้าเป็นอย่างนั้น สถานการณ์ของเขาจะย่ำแย่ นอกจากนี้ เขาก็ไม่อยู่บ้านด้วย

ยู่ยี่ไม่ได้พูดอะไรอีก ก่อนเข้านอน นาโนพูดว่าเธออิจฉาชีวิตโสดจริงๆ

นาโนมีปัญหามากมาย ปัญหา​ที่สำคัญที่สุดคือภาวะมีบุตรยากของเธอ ซึ่งเป็นจุดอ่อนของเธอเช่นกัน​

ในตอนแรกยู่ยี่อยากจะถามเกี่ยวกับผู้หญิงและเด็กคนนั้น แต่เธอไม่อยากทำให้เธอเสียใจเพิ่มอีก ดังนั้นเธอจึงไม่ถามออกไป

วันรุ่งขึ้น เธอกินอาหารกลางวัน แล้วจัดของนิดหน่อย เปิดประตูคอนโด และกำลังจะรีบไปที่สนามบิน ในเวลานี้ เธอตื่นเต้น​จนไม่สามารถสงบสติลงได้ และหัวใจเธอก็เต้นแรงมากด้วย

ตอนที่เดินลงบันไดมา มีคู่สามีภรรยา​คู่หนึ่งก็เดินเข้ามา พวกเขามีร่างกายที่แข็งแรง บุคลิกสง่างาม และความรู้สึกสูงค่าอย่างอธิบายไม่ได้

ยู่ยี่ตกใจเล็กน้อย ตอนที่เห็นใบหน้าของทั้งคู่ เธอกลับรู้สึกคุ้นมาก พอคิดทบทวน​ดู ที่แท้​ก็หน้าตา​เหมือน​ฉันทัชนี่เอง

พอดีกับที่ สองสามีภรรยา​คู่​นั้นก็มองมาที่เธอพอดี และ​หยุดเดิน ผู้หญิงคนนั้นแต่งหน้าอย่างสง่างาม สวมชุดกี่เพ้า ด้านนอก​คลุมด้วยเสื้อโค้ท มีความรู้สึก​พิเศษ​มาก “คุณยู่ยี่ใช่ไหมคะ”

จากนั้น ในใจก็เข้าใจบางอย่าง หัวใจของเธอก็เต้นเร็วขึ้นเล็กน้อย เธอไม่ใช่​คนโง่ จึงพยักหน้ารับ

ผู้หญิงคนนั้นยิ้มบางๆ “พวกเราเป็นพ่อแม่ของฉันทัช ที่เรามาจากเฮทเคเพื่อมาหาคุณ​ยู่ยี่ค่ะ”

ยู่ยี่คาดเดาคร่าวๆ ว่าพวกเขาอยากจะพูดอะไร “คุณป้าคะ ข้างนอกอากาศหนาว ขึ้นไปคุยกันข้างบนเถอะค่ะ คอนโดของหนูอยู่ที่นี่”

หญิงสาวส่ายหน้า​ แล้ว​มองไปรอบๆ ก่อนจะถามว่า “มีร้านกาแฟหรือร้านอาหารอยู่ใกล้ ๆ นี้ไหม”

“มีร้านกาแฟอยู่ตรงข้ามค่ะ ร้านค่อนข้าง​ดี” ยู่ยี่เมื่อมองไปรอบๆ ด้วยท่าทางที่สงบนิ่ง​ ท่าทีที่สงบ ถ่อมตัว​ไม่เย่อหยิ่ง ไม่ได้ประจบประแจง​ หรือตีสนิท​จนเกินไป

เพราะไม่มีอะไรคาดหวัง​ ท่าทีของ​เธอจึงสงบ และนิางเฉยได้

คุณพ่อธนพงษ์กับคุณแม่ธันยวีร์มองหน้ากัน จากนั้นก็มองไปที่ยู่ยี่หลายครั้ง ก่อนจะพยักหน้าให้

ร้านกาแฟอยู่ใกล้มาก แค่เดินไปข้างหน้าไม่กี่ก้าวก็ถึงแล้ว ยู่ยี่ยื่นเมนูให้ทั้งสองคนให้พวกเขาเลือกเมนู​

ทั้งสองสั่งกาแฟมาสองแก้ว ส่วนยู่ยี่สั่งนมร้อนมาหนึ่งแก้ว

คุณแม่ธันยวีร์พูดขึ้นมาก่อน “คุณยู่ยี่คะ คุณอยู่กับตาฉันทัชมานานแค่ไหนแล้ว?”

“เกือบสี่เดือนแล้วค่ะ” ยู่ยี่ตอบ คำพูดของเธอเบา แต่สุภาพเป็นเอกลักษณ์

“แล้วในสี่เดือนนี้คุณรู้เรื่องของฉันทัชมากน้อยแค่ไหน” คุณแม่ธันยวีร์พูดต่อด้วยท่าทางที่อ่อนโยน

ยู่ยี่ยกยิ้มบาง “ไม่มาก และไม่น้อยค่ะ ฉันไม่สามารถพูดได้ว่าฉันเข้าใจเขาทุกเรื่อง แต่ก็ไม่ใช่​ว่า​ไม่รู้​อะไรเลย แต่ว่า วันนี้คุณ​ลุงกับคุณป้ามาหาฉัน คงจะมีบางอย่างที่อยากจะพูดสินะคะ”

คราวนี้เป็นคุณพ่อธนพงษ์ที่พูดออกมา “คุณรู้จักอาคิระไหม”

อาคิระ ยู่ยี่เลิกคิ้วเล็กน้อย ก่อนจะพยักหน้าให้ “รู้จัก​ค่ะ”

จากนั้นสัญชาตญาณในใจของเธอบอกว่าทั้งสองคนมาที่นี่ในครั้งนี้ คงหนีไม่พ้นเรื่องของ อาคิระ และน้องสาวของอาคิระที่กำลังป่วยหนักแน่นอน

พอเอาเรื่อง​พวกนี้มารวมกัน มันก็ชัดเจนทุกอย่างแล้ว

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ครูเจ้าเสน่ห์คนนี้ประธานจอง