กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ นิยาย บท 906

"ไป๋หนิงยังคงไม่เข้าใจ วรยุทธ์ของมู่หน่วนสูงขึ้น มีประโยชน์อย่างไรสำหรับพวกเรา"

จักรพรรดินีมองไปยังห้องลับในห้องบรรทม และยิ้มอย่างลึกซึ้งจนคาดเดาไม่ถูก

"หากวรยุทธ์ของนางไม่สูงขึ้น จะหาสิ่งที่ข้าต้องการได้อย่างไร?"

"ฝ่าบาททรงประสงค์สิ่งใด ข้าน้อยจะให้คนไปหามาให้"

เฉ้ง......

สายตาอันเฉียบคมปรากฏขึ้น จักรพรรดินีไม่โกรธเคือง แต่ยังคงน่าเกรงขาม

ไป๋หนิงคุกเข่าลงพร้อมกับกล่าวด้วยความเคารพยำเกรง "ฝ่าบาทได้โปรดระงับโทสะ ไป๋หนิงรู้ความผิดแล้ว ไป๋หนิงไม่ควรปากมาก"

"บางเรื่องยิ่งเจ้ารู้น้อยลง ก็จะยิ่งดีสำหรับเจ้า"

จักรพรรดินีเชิดคางขึ้นและยิ้มมุมปาก

"พ่ะย่ะค่ะ ไป๋หนิงล้ำเส้นเกินไปแล้ว"

"คืนนี้ให้ซั่งกวนหมิงหลาง ฝูกวง และลั่วอิ่ง ให้พวกเขาทั้งสามคนมาปรนนิบัติพร้อมกันเถอะ"

"พ่ะย่ะค่ะ ข้าน้อยจะไปจัดการเดี๋ยวนี้"

"ไม่ต้องรีบร้อน ข้าจำได้ว่าข้ากับหัวหน้าเผ่าเพลิงฟ้า กล่าวอีกนัยหนึ่งเป็นสัญญาการหมั้นหมายของผู้นำตระกูลเหวิน เป็นการหมั้นหมายตั้งแต่วัยเด็กใช่หรือไม่?"

"พ่ะย่ะค่ะ"

นอกจากคนสำคัญในราชสำนักแล้ว

ไม่มีใครรู้ว่าตระกูลเหวินเป็นเพียงฐานที่มั่นของเผ่าเพลิงฟ้า

แม้แต่นางจะไม่รู้อะไรมากเกี่ยวกับเผ่าเพลิงฟ้ามากนัก

เผ่าเพลิงฟ้าไม่เคยปรากฏตัวต่อหน้าผู้คนมาก่อน

แต่เท่าที่นางรู้เผ่าเพลิงฟ้านั้นแข็งแกร่งมาก แม้ว่าสามตระกูลใหญ่จะร่วมมือกัน ก็เทียบไม่ได้กับพวกเขา

"ข้ายังจำได้อีกว่าข้าส่งอาภรณ์หงส์ไปที่ตระกูลเหวิน"

"พ่ะย่ะค่ะ......"

"แล้วทำไมตอนนี้ถึงยังไม่มีคำตอบจากตระกูลเหวิน......"

"ข้าน้อยไปเร่งรัดหลายครั้งแล้ว แต่ตระกูลเหวินบอกว่าผู้นำตระกูลเหวินไม่เคยปรากฏตัว ดังนั้น......จึงทำผิดพลาดครั้งแล้วครั้งเล่า"

"ไปเร่งรัดอีกครั้ง หากเหวินเส่าอี๋ไม่ตอบรับแต่โดยดี ก็กดดันผู้อาวุโสคนอื่น ๆ ข้าไม่เชื่อ ว่าเขาจะกล้าขัดตราคำสั่งจักรพรรดิ"

"พ่ะย่ะค่ะ......"

ในหอดาบ

ความโกรธในใจของเยี่ยจิ่งหานแข็งมากขึ้นกว่าเดิม

"บอกว่าจะช่วยรักษาขาทั้งสองข้างให้ข้า?และยังบอกอีกว่าจะช่วยรักษาอาการบาดเจ็บของข้าให้หายภายในเวลาอันสั้น?"

แต่ในตอนนี้ผ่านไปกี่วันแล้ว

นางก็ยังไม่ได้รักษาขาของเขา

และยังไม่ได้รักษาบาดแผลของเขาให้หายเลยด้วยซ้ำ

จนถึงตอนนี้ อาการบาดเจ็บของเขาก็ยังรุนแรงอยู่

นางพยายามที่จะเพิ่มพลังและกลั่นยา แต่ไม่สนใจเขาเลย

กู้ชูหน่วนถอนหายใจ ภายใต้การชี้นำของเยี่ยจิ่งหาน วรยุทธ์ของนางดีขึ้นไม่น้อย แต่ก็ยังห่างไกลจากจุดประสงค์ของนางมากนัก

หากต้องการจะบรรลุระดับเจ็ด เกรงว่าจะยากเทียมฟ้า

กู้ชูหน่วนกล่าวว่า "จะรีบร้อนอะไร เมื่อถึงเวลารักษาย่อมต้องรักษาอย่างแน่นอน"

"มู่หน่วน เจ้ารู้ว่าหรือไม่ว่าผ่านไปกว่าครึ่งเดือนแล้ว"

"รู้สิ"

"แล้วทำไมเจ้ายังไม่รีบ?หากวันนี้ไม่เห็นผล เจ้าก็อย่าคิดว่าข้าจะชี้นำให้พลังของเจ้าเพิ่มขึ้นได้"

ไม่พูดถึงเรื่องนี้ก็ดี แต่เมื่อพูดถึงแล้ว กู้ชูหน่วนก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ

สิ่งที่เยี่ยจิ่งหานเรียกว่าทำให้พลังของนางเพิ่มขึ้น ก็คือการให้นางฝึกวิชาต้องห้าม

คนธรรมดามักจะไม่กล้าฝึกวิชาต้องห้าม

เพราะหากประมาทเพียงเล็กน้อยก็อาจจะธาตุไฟเข้าแทรกจนเข้าสู่ห้วงมาร บาดเจ็บสาหัสจนพิการ หรือไม่ก็ตาย

และทุกครั้งที่ฝึกวิชาต้องห้าม กระดูกทั่วทั้งร่างกายก็เหมือนถูกทุบ ความเจ็บปวดนั้นเหมือนตายทั้งเป็น

ทุกวันนี้ความทุกข์ทรมานที่นางได้รับ ไม่สามารถที่จะบรรยายออกมาได้

หากไม่ใช่เพราะความมุ่งมั่นที่จะแก้แค้นของนาง นางคงยอมแพ้ไปนานแล้ว และจะยืนหยัดมาจนถึงตอนนี้ได้อย่างไร

หากเป็นไปได้ นางก็ไม่อยากจะฝึกวิชาต้องห้าม

"เยี่ยจิ่งหาน นอกจากวิชาต้องห้ามแล้ว เจ้ายังมีวิธีอื่นที่สามารถเพิ่มพลังได้อีกหรือไม่?”

"หากต้องการจะเลื่อนขั้นจากขั้นเริ่มต้นระดับสามไปเป็นขั้นสูงสุดระดับสี่ภายในระยะเวลาเพียงหนึ่งเดือน นอกจากวิชาต้องห้ามแล้ว เจ้าคิดว่ายังมีวิธีใดที่จะทำได้อีกหรือ?เอาพลังทั้งหมดใส่เข้าไปในร่างกายของเจ้างั้นหรือ?ร่างกายของเจ้าสามารถดูดพลังได้ไม่ใช่หรือ?และไม่กลัวตาย"

"มันเจ็บปวดมากเกินไป เจ้าลองเปลี่ยนเป็นวิธีอื่นเถอะ"

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์