นายน้อยมองไปทางเทียนขุยด้วยสีหน้านิ่งเฉย : “พี่ชายผู้นี้ฝีไม้ลายมือเก่งกาจ พูดจาเปิดเผยตรงไปตรงมา ไม่เสแสร้ง พฤติกรรมน่ายกย่องเช่นนี้ ควรค่าแก่การเรียนรู้ พวกเขาได้ตายในน้ำมือของพวกคุณ ถือเป็นเกียรติของพวกเขา เพราะยังไงก็ดีกว่าตายด้วยน้ำมือคนอื่น ต้องขอบคุณด้วยนะครับ”
ขณะพูด จู่ ๆ นายน้อยได้หันไปมองหลินซิง “เรียกคนมา!”
หลินซิงยังคิดว่านายน้อยพูดเล่น แต่ดูท่าทางของเขาแล้ว เหมือนพูดเล่นเสียที่ไหนกัน จึงได้เอ่ยถามลองเชิงดูว่า : “นายน้อยครับ คุณจริงจังเหรอครับ?”
“แกคิดว่าไงล่ะ?”
น้ำเสียงที่เย็นสะท้านเข้าถึงกระดูก ทำให้คนรู้สึกหวาดกลัว!
หลินซิงพูดด้วยความระมัดระวังเป็นอย่างยิ่ง : “นายน้อย มันมาฆ่าคนนะครับ! คุณดูไม่ออกเหรอครับ? นี่มันชักศึกเข้าบ้านชัด ๆ และจุดประสงค์ของพวกมันเกรงว่าไม่เพียงแต่ฆ่าคนเท่านี้นะครับ กลัวจะกำจัดพวกเราทั้งหมด นายน้อย ตอนนี้ทำไมคุณถึงเลอะเลือนอย่างนี้ล่ะครับ!”
เทียนขุยไม่สบอารมณ์ขึ้นมาทันที “ทำไม? ไม่ได้ยินที่นายน้อยพูดเหรอ? พูดอะไรลับ ๆ ล่อ ๆ อยู่ได้? รีบเรียกคนมา ฉันยังฆ่าไม่สะใจเลย!”
“สารเลว! คิดว่าพวกเราเพลิงเสวนรังแกได้ง่ายจริง ๆ น่ะเหรอ!” หลินซิงชี้หน้าเทียนขุยด้วยความโกรธ : “ถ้ายังพูดจาสามหาว ข้าจะฆ่าแกเสียตอนนี้เลย!”
เพี๊ยะ!
เสียงตบหน้าดังสนั่นเข้าไปถึงใจทุกคน!
หลินซิงจ้องนายน้อยด้วยความอึ้ง ใบหน้าเต็มไปด้วยความคาดไม่ถึง
“นายน้อย คุณ......”
“ฉันจะพูดอีกครั้ง เรียกคนมา!”
หลินซิงกล้าขัดคำสั่งนายน้อยที่ไหนล่ะ จึงเอ่ยพูดอย่างหงอย ๆ ว่า : “ไปเรียกคนมา!”
ผ่านไปชั่วครู่ คนร้อยกว่าคนได้ถูกเรียกมาแล้ว เหมือนกับก่อนหน้านี้ไม่มีผิด!
นายน้อยมองไปที่เทียนขุย แล้วยิ้มเล็กน้อย : “รบกวนพี่ชายด้วยนะครับ”
ไม่พูดพล่ามอะไรมากมาย เทียนขุยได้พุ่งเข้าไปทันที คนร้อยกว่าคนนั่นตกใจกันไม่น้อย เทียนขุยเหมือนพญาเสือที่พุ่งเข้าไปในฝูงแพะ ดูยิ่งใหญ่มาก ตอนแรกคนพวกนี้ยังรู้จักต่อต้านอยู่บ้าง แต่เมื่อเทียนขุยรุกหนักมากขึ้นเรื่อย ๆ ก็ไม่มีใครสามารถต้านทานได้ เพียงครู่เดียวก็ทำลายความกล้าที่อยู่ในใจของคนทั้งร้อยกว่าคนจนหมดสิ้น
พวกเขาเป็นเหมือนเนื้อปลาที่อยู่บนเขียงไม่มีผิด ปล่อยให้คนแล่เนื้อได้ตามใจชอบ ค่อย ๆ รอความตายมาถึง!
มองไปยังคนที่ล้มไปทีละคน หลินซิงและคนอื่น ๆ ก็รู้สึกเจ็บปวดรวดร้าวหัวใจ!
คนพวกนี้หากใช้ต่อสู้กับพวกเขาล่ะก็ ตายไปก็ไม่เสียดาย!
แต่ตอนนี้ ไม่ได้แตะตัวพวกเขาแม้แต่น้อย ก็เสียหายอย่างแสนสาหัส เป็นการเสียสละชีวิตอย่างไร้ประโยชน์ เพื่อสนองความบ้าคลั่งของนายน้อยเท่านั้น
ชิงตี้เสียใจเป็นอย่างมาก เธอกำลังชั่งน้ำหนักอยู่ตลอดว่าการกระทำอย่างนี้ของนายน้อยตกลงมันคุ้มค่าหรือไม่ แต่เห็นท่าทางที่ไม่รู้สึกรู้สาอะไรของนายน้อยแล้ว เธอก็เข้าใจได้ทันที นายน้อยไม่เห็นความสำคัญของคนพวกนี้เลยสักนิด พูดได้ว่าไม่แยแสเลยว่าพวกเขาจะเป็นหรือตาย
การทำเพื่อเอาใจฟางเหยียนอย่างนี้มันคุ้มค่าจริง ๆ เหรอ?
ชิงตี้คิดว่าไม่คุ้มค่าเลย คนพวกนี้น่าจะตายอย่างมีประโยชน์ ไม่ใช่ของที่ต้องเสียสละเพื่อเอาใจคนอื่น!
เทียนขุยไม่ได้ฆ่าคนแบบถึงอกถึงใจอย่างนี้มานานมากแล้ว ถึงขนาดวาบไปวาบมาในกลุ่มคน ท่าทางมีความสุขมาก ยิ่งฆ่าก็ยิ่งฮึกเหิม การใช้พลังงานร่างกายเป็นการทดสอบครั้งใหญ่อย่างหนึ่ง จัดการคนทั้งหนึ่งร้อยกว่าคน ครั้งนี้เขาใช้เวลาไปสิบกว่านาที และบนร่างกายเขาก็มีบาดแผลอยู่ไม่มากก็น้อย แต่มันก็ไม่ได้สำคัญอะไรเลย
เขาหายใจเหนื่อยหอบกลับไปที่ฟางเหยียน : “จอมพลโผ้จวินครับ สะใจจริง ๆ เลย ไม่ได้ทำอะไรถึงใจขนาดนี้มานานแล้ว!”
นอกตำหนักเต็มไปด้วยศพคนสองร้อยกว่าคน นี่ถึงจะเรียกว่านรกบนดินของจริง สิ่งที่ได้เห็นน่าสะเทือนใจมาก ทำให้คนรู้สึกหวาดกลัว!
ส่วนสิบแปดผู้อาวุโสเสวียนกู่ต่างก็เบ้าตาแดงก่ำ ร้องไห้จนน้ำตาไหลออกมาเป็นเลือด หัวใจแตกสลายเหมือนเศษกระจกที่แตกละเอียด เป็นทุกข์ดั่งใจโดนมีดกรีด!
เรื่องน่าเศร้าที่สุดคือมีความคิดโง่เขลา เย็นชาเห็นแก่ตัว ไร้คุณธรรมน้ำใจ การกระทำของนายน้อยครั้งนี้เรียกได้ว่าทำร้ายจิตใจของทุกคนอย่างถึงที่สุด!
เสียคนไปสองร้อยกว่าชีวิต ใครจะไปรับได้กันล่ะ?
นี่ยังไม่ใช่เรื่องที่ทำให้สิบแปดผู้อาวุโสเสวียนกู่เหนื่อยล้าทั้งกายและใจ เพราะนายน้อยดูเหมือนไม่มีความคิดที่จะหยุดแค่นี้!
ยังไม่หยุด!
เขาเริ่มเอ่ยปากอีกแล้ว!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมนักรบทรงเกียรติยศ