คู่แฝดคู่ป่วน นิยาย บท 53

ช่วงเที่ยงของวันหมิงฮุ่ยฉินและหลานสาวทั้งสองเดินทางมายังจวนแม่ทัพใหญ่เพื่อดูอาการ คราวนี้ไม่คิดว่าจวนแม่ใหญ่จะถูกเล่นงานหนักถึงเพียงนี้ พวกศัตรูอาจต้องการตัดกำลังทหารและอีกหนึ่งเหตุผลที่เขาคิดเอาไว้นั่นคือการหลอกล่อให้ผู้ที่สามารถถอนพิษตัวจริงออกมา ถ้าเป็นเช่นนั้นหลานสาวตัวแสบของตนอาจตกอยู่ในอันตรายได้ในช่วงนี้

ภายในห้องมีเตียงผู้ป่วยอยู่สองเตียงแยกกัน เตียงหนึ่งเป็นท่านแม่ทัพใหญ่อีกเตียงหนึ่งคือบุตรีเหอชิงหนี่ว์ ที่ต้องนำมารักษาที่ห้องเดียวกันนั้นเป็นเพราะว่าสะดวกแก่การดูแลและรักษา เพราะตอนนี้อาการของเหอชิงหนี่ว์แม้จะไม่หนักเท่าบิดาแต่ก็ยังไม่อาจวางใจและตอนนี้นางก็ยังคงไม่ได้สติต้องดูอาการเป็นระยะๆ

“อิงอิง ช่วยเอายาเม็ดนี้ป้อนสหายของเจ้าที” เย่วซินเอ่ยบอกพี่สาว อิงอิงขอติดตามมาด้วยเพราะอยากมาเยี่ยมดูอาการสหาย แม้ท่านแม่จะคัดค้านเพราะว่าอิงอิงต้องเตรียมตัวเข้าวังสำหรับงานเลี้ยงคืนนี้ เมื่อส่งเม็ดยาให้พี่สาวเรียบร้อยเย่วซินก็หันมาดูแลท่านแม่ทัพต่อ

ตอนนี้อาฉีกลับจวนไปพร้อมกับพี่เย่วเทียนแล้ว ส่วนคนอื่นๆก็แยกย้ายไปทำหน้าที่ของตนจะมีก็แต่ฮูหยินเหอที่เข้ามาเยี่ยมอาการอยู่บ่อยๆและทิ้งบ่าวรับใช้เอาไว้หน้าห้องเผื่อเรียกใช้ยามจำเป็น

จิวอิงรีบรับยามาแล้วประคองศีรษะของสหายขึ้นเพื่อป้อนยาอย่างเบามือ “เหตุใดนางจึงยังไม่ฟื้น? ไหนเจ้าว่านางอาการไม่หนัก” จิวอิงเอ่ยถามอย่างสงสัย

“ไม่หนักเท่าบิดาของนาง แต่ก็ถือว่ายังไม่พ้นขีดอันตราย นางยังมีไข้สูงสลับกับไข้ลดลงอย่างรวดเร็วนางอาจเกิดภาวะช็อกได้ จึงต้องคอยดูแลอย่างใกล้ชิด” เย่วซินเอ่ย

“ปู่ว่าคืนนี้ให้อาฉีอยู่ดูแลพวกเขาดีหรือไม่” ฮุ่ยฉินเอ่ยบอกหลานสาว เพราะนางอาสาอยู่ดูแลคนป่วยทั้งสองด้วยตัวเองให้เหตุผลว่าคนป่วยต้องมีหมอดูแลอย่างใกล้ชิด แต่ตนก็อดเป็นห่วงไม่ได้ไม่อยากให้นางต้องอยู่โดยลำพัง

“คืนนี้ผู้คนต่างให้ความสนใจกับงานเลี้ยง และอีกอย่างคนที่ไปร่วมงานวันนี้คืออิงอิงที่ปลอมตัวเป็นหลาน ถ้ามีคนคิดลอบทำร้ายหลานจริงๆท่านปู่ควรห่วงอิงอิงจะดีกว่าเจ้าค่ะงานนี้นางอาจไม่ปลอดภัย” เย่วซินเอ่ยเพราะรู้ว่าท่านปู่กังวลเรื่องใด

“ปู่ก็ห่วงทั้งหมดนั่นแหละ เฮ้อ...” ฮุ่ยฉินถอนหายใจยาวด้วยคิดไม่ตก

“ท่านปู่อย่ากังวลเลยเจ้าค่ะ หลานเอาตัวรอดได้ท่านปู่อย่าลืมสิเจ้าคะหลานสามารถใช้พลังปราณได้แล้วและเพลงกระบี่ของหลานก็ไม่อาจดูเบาได้” จิวอิงเอ่ยบอกท่านปู่ ที่ตนสามารถฝึกพลังปราณได้นั้นเป็นเพราะท่านปู่เปิดจุดพลังและให้ยาเพิ่มพลังปราณ ตอนแรกเพียงหวังว่าจะใช้พลังปราณได้บ้างนิดหน่อยก็ยังดี แต่เมื่อท่านปู่เปิดจุดพลังให้พบว่าเส้นพลังปราณของตนเองนั้นใหญ่กว่าสตรีทั่วไป นั่นเป็นเรื่องน่ายินดีจึงต้องออกฝึกซ้อมทุกยามค่ำคืนเพื่อให้ตัวเองมีพลังที่แข็งแกร่งขึ้นจะได้ปกป้องตัวเองและคนรอบข้างได้

“ชิ..ข้าล่ะอิจฉายิ่งนัก แต่เอาเถิดถ้าศัตรูบุกเข้ามาข้าจะเป่าขลุ่ยสยบมารของข้า” เย่วซินแม้จะอิจฉาพี่สาวที่สามารถฝึกพลังปราณได้ แต่ตนก็ยังไม่ภาคภูมิใจเท่าขลุ่ยสยบมารของตัวเอง เจ้าขลุ่ยสยบมารนี้ตนเป็นคนตั้งชื่อให้เองมันสามารถถ่ายทอดอารมณ์ความคิดของตนเองไปยังผู้ฟังได้ อยากให้คนฟังมีความสุขหรือร้องให้ แต่ที่มันอันตรายยิ่งกว่านั้นคือเมื่อเอาเจ้าขลุ่ยสยบมารอันนี้ไปแช่ในน้ำสมุนไพรพิษต่างหาก

“อย่างไรก็อย่าประมาทปู่เป็นห่วง” ฮุ่ยฉินเอ่ยบอกหลานสาว แล้วหันไปมองคนป่วยที่นอนไม่ได้สติผิวปากยังเป็นสีคล้ำ มีเหงื่อไหลซึมออกมามากมาย ยาถอนพิษของหลานสาวคงกำลังออกฤทธิ์ ฮุ่ยฉินเหลือบสายตามองร่างของหลานสาวตัวแสบถึงแม้ว่าการร่ำเรียนตำราพิษจะเสี่ยงอันตรายรอบด้านแต่นับว่าหลานสาวคนนี้ได้ช่วยเหลือผู้คนให้ก้าวพ้นประตูปรโลกมาได้เขาภูมิใจในตัวนางยิ่งนัก

ยามค่ำคืนมาถึงภายในงานเลี้ยงวันนี้คึกครื้นด้วยทุกแคว้นต่างนำสินค้าที่ขึ้นชื่อมากมายมาจัดวางเอาไว้อย่างสวยงามเพื่อที่จะได้แลกเปลี่ยนซื้อขายให้แก่ชาวต่างแดน คณะทูตต่างแดนที่มานั้นเพื่อติดต่อการค้าผูกขาดของแต่ละแคว้นถ้าสินค้าน่าสนใจพวกเขาก็จะติดต่อซื้อขายเป็นประจำและจำนวนมาก นี่เป็นเหตุให้แต่ละแคว้นให้ความสนใจเป็นอย่างมาก

ชาวต่างแดนที่มาในครั้งนี้เป็นชาวอิงแลนด์รูปร่างสูงใหญ่มีสีทองหยักผิวขาวและมีดวงตาเป็นสีฟ้าอมเทา แต่ที่สำคัญคือชาวอิงแลนด์ใช้ภาษาพูดที่แปลกประหลาดทั่วทั้งสี่แคว้นไม่เคยได้ยินมาก่อน โชคดีที่พวกเขามีล่ามแปลภาษามาด้วยจึงทำให้การมาเจรจาครั้งนี้เข้าใจกันได้มากขึ้น

“อะไรนะ! คนล่ามภาษาป่วยหนักจึงมาทำหน้าที่ไม่ได้เช่นนั้นหรือ?” หนิงฮ่องเต้ได้รับรายงานจากราชทูตของแคว้นที่เข้ามารายงานอย่างเร่งด่วน

“พะย่ะค่ะ หมอหลวงของเราก็เข้าไปดูอาการแล้วเห็นว่านอนเพ้อไม่ได้สติเลยพะย่ะค่ะ” ราชทูตของแคว้นเอ่ยรายงานด้วยน้ำเสียงเป็นกังวลอย่างมาก ถ้างานนี้ไม่มีล่ามภาษาชาวอิงแลนด์คงอึดอัดใจไม่น้อย เรื่องการติดต่อการค้านั้นรอให้ล่ามภาษาหายป่วยก่อนค่อยตกลงกันก็ย่อมได้ แต่งานเลี้ยงวันนี้ชาวอิงแลนด์คงอึดอัดไม่น้อยถ้าไม่สามารถพูดคุยกับผู้ใดรู้เรื่อง

“ลองสอบถามท่านราชครูว่าเขาสามารถพูดคุยกับชาวอิงแลนด์รู้เรื่องหรือไม่” หนิงฮ่องเต้เอ่ยขึ้น แม้ในใจจะรู้คำตอบแต่ก็เผื่อว่าจะพอมีหวังบ้าง

“พะย่ะค่ะ” ราชทูตเอ่ยจบก็รีบเร่งออกไปอย่างเร่งด่วนทันที

ภายในงานเกิดความวุ่นวายเล็กน้อยเนื่องจากสินค้าของชาวต่างแดนที่นำมาวางเรียงรายมากมายนั้นต่างเป็นที่สนใจของแต่ละแคว้นเป็นอย่างมาก จึงอยากสอบถามในตัวสินค้าแต่ติดปัญหาที่พวกเขานั้นสื่อสารกันไม่รู้เรื่อง ทั้งชาวต่างแดนเองก็มีสีหน้าเคร่งเครียดไม่น้อย

คนของตระกูลหมิงเดินเข้ามาในงานจึงเรียกสายตาของหลายคนให้มองมาอย่างสนใจได้อีกครั้ง สตรีย่อมให้ความสนใจกับชายหนุ่มที่เป็นบุตรหลานของตระกูลเพราะทั้งคู่ยังไม่แต่งภรรยาเข้าจวนและพวกเขายังรูปร่างหล่อเหลา บุตรีขุนนางหลายคนจึงทอดส่งสายตาหยาดเยิ้มไปให้เพื่อหวังจะมัดใจชายหนุ่ม ส่วนบุรุษย่อมให้ความสนใจกับร่างบางระหงส์ในชุดอาภรณ์สีชมพูดอกเหลียนฮวา ใบหน้างดงามราวนางเซียนลงมาจุติยิ่งท่วงท่าการเดินแต่ละย่างก้าวให้ความอ่อนหวานละมุนจนไม่อาจละสายตาออกมาได้

เมื่อมาถึงที่นั่งที่ทางราชวังได้จัดเอาไว้ให้ ทั้งหมดก็นั่งลงอย่างสุขุมเรียบร้อยเพื่อรอการมาของผู้ปกครองแคว้น ระหว่างรอก็มีการเดินเข้าทักทายของคนสนิทบ้างพอเป็นพิธี และจึงได้รู้ว่างานเลี้ยงวันนี้มีปัญหาเกิดขึ้นกับชาวต่างแคว้น

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: คู่แฝดคู่ป่วน