คู่แฝดคู่ป่วน นิยาย บท 55

“พี่ฮั่น พี่ฮ่าว เกิดอะไรขึ้น?” เย่วซินเอ่ยเรียกคนคุ้มกันของตนด้วยน้ำเสียงเป็นกังวล ไม่นานเงาร่างสูงใหญ่ของบุรุษก็ปรากฏกายเบื้องหน้า

“เรียนคุณหนูมีคนบุกรุกเข้ามา ตอนนี้อาฮ่าวกำลังออกไปสังเกตด้านนอกอยู่ขอรับ” จางฮั่นเอ่ยบอกนายหญิงของตน ที่ตอนนี้ดูมีสีหน้ากังวลไม่น้อย

ยังไม่ทันได้เอื้อนเอ่ยสิ่งใดเงาร่างของบุรุษอีกคนหนึ่งก็ปรากฏกายขึ้นแล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงเร่งรีบ “คุณหนูแย่แล้วด้านนอกมีฝูงแมลงพิษเต็มไปหมด”

เย่วซินเบิกตากว้างด้วยความตกใจ ตอนนี้ทั้งจวนไม่มีใครที่จะขอความช่วยเหลือได้ เพราะว่าทุกคนเดินทางเข้าวังหลวงกันหมด ทิ้งไว้เพียงคนคุ้มกันมากมายและทหารฝีมือดีที่ยามนี้นอนเป็นผักกันไปหมดแล้ว โดยทั้งหมดมุ่งคาดหวังกันว่าภายในงานเลี้ยงวันนี้อาจเกิดเรื่องวุ่นวาย และบุคคลที่น่าจะตกอยู่ในอันตรายที่สุดก็คือจิวอิงที่ตอนนี้ปลอมตัวเป็นนาง แต่ไหนกลับเป็นว่าคนร้ายย้อนมาเล่นงานจวนแม่ทัพอีกเล่า หรือว่ามันต้องการฆ่าท่านแม่ทัพกัน?คิดได้ดังนั้นเย่วซินจึงเอ่ยขึ้น

“พี่ฮั่น พี่ฮ่าว ท่านช่วยคุ้มกันคนป่วยและฮูหยินเหอด้านในให้ข้าที” เย่วซินถึงแม้จะตกใจและกังวลเพียงใดแต่ก็ไม่อาจละเลยคนป่วยได้ นางสู้อุตส่าห์ลงทุนลงแรงรักษาทั้งสองคนจนอาการเริ่มจะดีอยู่แล้ว นางไม่ยอมให้คนชั่วสมหวังได้อย่างแน่นอน

“แล้วคุณหนูเล่าขอรับ” จางฮั่นเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงห่วงใย ตนอยู่กับเจ้านายคนนี้มาหลายวันแม้นางจะเป็นสตรีแต่ก็ไม่ทำตัวให้น่ารำคาญกลับกันนางมีเรื่องให้ตนประหลาดใจอยู่บ่อยๆ อย่างเช่นเมื่อช่วงเย็นของวันที่ตนและสหายตามติดผู้เป็นนายผิดตัว ใครจะไปรู้ว่านางกับพี่สาวที่ใบหน้าค่อนข้างดำนั้นจะมีใบหน้าที่เหมือนกันขนาดนี้เล่า ขนาดคนคุ้มกันของคุณหนูจิวอิงก็ยังจำผิดเช่นกัน มารู้ก็ตอนที่ใกล้จะถึงวังหลวงคุณชายเย่วฉีเป็นคนเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ทำให้พวกเขารู้ว่าสตรีที่อยู่ในรถม้าคันนั้นไม่ใช่นายของตน จนต้องเร่งรีบสับเปลี่ยนตัวกันกันให้วุ่นไปหมด

“ไม่ต้องห่วงข้า วันนี้ข้าจะลองของเล่นชิ้นใหม่เสียหน่อย อ้อ..แล้วไม่ต้องกังวลว่าข้าจะโดนเจ้าแมลงพวกนั้นกัดตายเพราะพิษพวกนั้นของมันไม่ระคายผิวข้าหรอกเจ้าค่ะ” เย่วซินเอ่ยเสียงใสขึ้นมาเล็กน้อยเมื่อนึกถึงขลุ่ยสยบมารของตน ว่าแล้วก็หยิบขลุ่ยหยกออกมาจากแหวนจัดเก็บทันที

ทั้งสองคนคุ้มกันเมื่อได้ยินดังนั้นก็คลายกังวลขึ้นมานายคนใหม่ของตนดูท่าแล้วซุกซนและร้ายกาจไม่เบา

“ดูแลตัวเองด้วยนะขอรับ จากที่ข้าน้อยไปสำรวจดูด้านนอกเหมือนแมลงพิษพวกนั้นมันจะมีคนคอยควบคุมมันอยู่” จางฮ่าวเอ่ยบอกด้วยความห่วงใย

“ไม่ต้องห่วงเจ้าค่ะ ถ้าข้ารับมือไม่ไหวข้าจะร้องเรียกพวกท่านเสียงดังๆเลยนะเจ้าคะ พวกท่านก็คอยฟังเสียงด้วยเล่า” เย่วซินเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงคล้ายกระซิบเหมือนว่ากลัวใครจะได้ยินเรื่องน่าอับอายของตนอง

ทั้งสองคนคุ้มกันยกยิ้มเล็กน้อยกับท่าทางน่าเอ็นดูของหญิงสาว ต่างพยักหน้าแล้วรีบผละเข้าไปด้านในเรือนเพื่อคุ้มกันคนป่วยไม่ให้เกิดอันตรายตามที่ผู้เป็นนายเอ่ยสั่ง

เย่วซินกระชับขลุ่ยหยกสยบมารในมือแน่นขึ้น พร้อมกับเงยหน้าขึ้นมองเบื้องบนที่ตอนนี้เริ่มมีแมลงพิษบินกรูเข้ามา เย่วซินเพิ่งสังเกตว่า เหล่าทหารและคนคุ้มกันที่จู่ๆก็ล้มลงไปนั้นไม่ได้โดนแมลงพิษพวกนั้นกัด พวกเขาแค่สลบไปเพียงเท่านั้น คนร้ายมันต้องการเล่นงานใครกันนะ ระหว่างนางหรือท่านแม่ทัพ

เย่วซินยกขลุ่ยหยกสยบมารจรดริมฝีปากอวบอิ่มที่แดงระเรื่อถึงแม้ใบหน้าตอนนี้จะทาทับด้วยครีมไข่มุกดำของท่านปู่ก็ตาม ลมผิวแผ่วที่พรูออกจากปากแดงอวบอิ่ม พร้อมกับนิ้วเรียวที่ขยับอย่างพลิ้วไหวชวนมองก่อเกิดเป็นบทเพลงที่ไพเราะจับใจ เย่วซินเริ่มบรรเลงเพลงพร้อมกับทำสมาธิในห้วงความของตนเอง

ขอให้เจ้าพวกแมลงพิษทั้งหลายที่ได้ยินเสียงเพลงนี้ต่างชะงักงันหยุดนิ่งคล้ายขาดอากาศหายใจตกตายร่วงหล่นลงสู่พื้นดิน พวกเจ้าแมลงทั้งหลายจงขาดอากาสหายใจตกตายร่วงหล่นลงสู่พื้นดิน เย่วซินปากก็ทำหน้าที่พรูลมผะแผ่วออกมาสู่ขลุ่ยหยกสยบมาร มือก็ขยับพลิ้วไหวไปตามจังหวะเพลงส่วนสมองก็คิดว่าให้แมลงพิษพวกนั้นขาดอากาศหายใดตกตายลงมา ซึ่งการกระทำเช่นนี้มันไม่ง่ายเลยจริงๆ แต่ผลลัพธ์ที่ออกมากลับดีเกินคาดเหล่าแมลงพิษที่บินว่อนอยู่นั้น ค่อยๆร่วงลงพื้นดินแน่นิ่งไปตามๆกัน

“นางเป็นใครกันหรือ?” เสียงบุรุษเอ่ยถาม ขณะที่ยืนอยู่บนหลังคาสูงมองภาพเบื้องล่างอย่างสนใจ

“..” ไม่มีเสียงตอบกลับมามีเพียงสายตาที่มองมาด้วยความกรุ่นโกรธ

“อ้อ..ข้าลืมไปว่าเจ้าพูดไม่ได้ ข้าชักอยากจะเจอนางเสียแล้วสิไม่น่ารีบสั่งคนไปสังหารนางเลย” เสียงทุ้มของบุรุษเอ่ย เขาเห็นมีแต่นางที่ชอบเล่นงานคนอื่นพอเจอเข้ากับตัวถึงกับไม่พอใจรีบขอให้ช่วยจัดการกับสตรีนางนั้น

 เขาเป็นญาติผู้พี่ของหญิงสาวตรงหน้านามว่าเจิ้งอู่เสียง นางเขียนจดหมายขอความช่วยเหลือมาให้ตนบนภูเขาที่รายล้อมไปด้วยสมุนไพรต่างๆทั้งมีพิษและไม่มีพิษ สมุนไพรเหล่านั้นเขานำมาเป็นสินค้าส่งออกไปตามแคว้นต่างๆ ทั้งสี่แคว้น

ร่างบางของสตรีที่ยามนี้แต่งกายในชุดบุรุษสีดำตวัดสายตาไม่พอใจใส่ญาติผู้พี่ของตนเอง นางหน้าดำเบื้องล่างมันสังหารแมลงพิษของตนได้นั้นก็ทำให้ขุ่นข้องใจมากพอแล้ว ยังจะมีเสียงน่ารำคาญเอ่ยให้ขัดข้องใจไปอีก ไหนจะไอ้อาการบ้าๆที่น่าอึดอัดเช่นนี้อีก เฟิ่งฮวาทำเสียงฮึดฮัดพร้อมกระชับขลุ่ยในมือขึ้นจรดริมฝีปากเตรียมเป่าเรียกแมลงพิษของตนเองให้ออกมาเพิ่มอีก แต่ดันมีมือใหญ่มาห้ามเอาไว้เสียก่อน

“เจ้ายังจะเรียกมันมาอีกหรือ? ดูก็รู้ว่าแมลงของเจ้าสู้เสียงขลุ่ยของนางไม่ได้ เรียกมาก็ตายไปเสียเปล่าๆ” เจิ้งอู่เสียงเอ่ยบอกร่างบางข้างกาย แต่เมื่อเห็นว่านางยังมีอาการฟึดฟัดอย่างไม่พอใจก็ยอมลงให้นาง

“ลองพิษชนิดใหม่ของข้าหน่อยแล้วกัน ส่วนคนในจวนนั้นเจ้าอย่าสอดมือเข้าไปยุ่งเลยประเดี๋ยวเรื่องจะวุ่นวายแล้วสืบสาวมาถึงตัวเจ้าได้” เจิ้งอู่เสียงเอ่ยเตือนญาติผู้น้องผู้เอาแต่ใจ แต่ตนก็ไม่อาจขัดใจนางได้มากนัก เพราะท่านลุงที่เลี้ยงดูเขามาเป็นผู้เอ่ยปากฝากฝังนางผู้เป็นหลานสาวสุดที่รักเอาไว้ให้เขาคอยดูแลหรือจะเรียกว่าคอยรับใช้นางก็ย่อมได้

 เจิ้งอู่เสียงหยิบเข็มเงินแวววาวที่มีขนาดเล็กมากมันอาบไปด้วยพิษชนิดหนึ่งที่ตนปรุงขึ้นมา แล้วซัดใส่ด้วยพลังปราณมุ่งตรงไปยังสตรีเบื้องล่างทันที พิษชนิดนี้ถ้าผู้ใดโดนเข้าไปจะทำให้เกิดเจ็บปวดทรมานและเกิดริ้วรอยน่าเกลียดที่บริเวณนั้น สตรีนางนี้หน้าดำอัปลักษณ์อยู่แล้วโดนพิษชนิดนี้เข้าไปอีกหน่อยคงไม่เป็นไรดีกว่าให้ญาติผู้น้องของตนเข่นฆ่าให้ตกตายไปโดนเช่นนี้นับว่าดีแล้ว

เย่วซินเมื่อเห็นว่าเจ้าแมลงพิษทั้งหลายตกตายกันทั้งหมดแล้วก็ลดมือที่จับขลุ่ยลงพร้อมกับถอนหายใจอย่างโล่งอก แต่ก็ไม่วายยกยิ้มอย่างภูมิใจกับขลุ่ยสยบมารของตนเองมันทำหน้าที่สยบมารได้อย่างดีเยี่ยมถูกใจนางยิ่งนัก เย่วซินยิ้มชื่นชมอยู่ได้ไม่นานก็ต้องนิ่วหน้าเพราะรู้สึกเจ็บแปลบที่บริเวณแก้มซ้ายของตนเองจนต้องยกมือขึ้นลูบเบาๆ

“โอ๊ย..ซี๊ด..” เย่วซินร้องเบาๆเมื่อมือของตนจับโดนเข้ากับบริเวณที่รู้สึก และเมื่อมองมือของตัวเองก็พบว่ามีเลือดติดมาด้วยเล็กน้อย เย่วซินขมวดคิ้วด้วยความสงสัยเพราะไม่รู้ตัวว่าไปโดนอะไรตอนไหน แต่มันก็แค่เล็กน้อยประเดี๋ยวก็คงหาย

เย่วซินร่างกายสามารถต้านพิษได้เลยไม่มีผลกระทบกับอวัยวะภายในจึงไม่ได้รับรู้ว่ามีสิ่งผิดปกติ แต่ถ้าพิษนั้นมีผลกระทบกับภายนอกด้วยและยังไร้กลิ่นยากสัมผัสจนไม่อาจรับรู้ได้นับว่าอันตรายไม่น้อย

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: คู่แฝดคู่ป่วน