บัลลังก์หมอยาเซียน นิยาย บท 1367

คุณย่าหยุดไปครู่หนึ่ง แล้วถามหยวนชิงหลิงด้วยท่าทางแฝงความสงสัยว่า “ไท่ซ่างหวงค่อนข้างแปลกนะ เขามักจะเรียกย่าว่า พี่จูตี้ตลอดเลย ชื่อเรียกนี้มันคืออะไรน่ะ? คำว่าจูตี้ หมายถึงอะไรในราชวงศ์เป่ยถังเหรอ?”

หยวนชิงหลิงพูดอย่างกระอักกระอ่วนว่า “เขาเรียกคุณย่าว่าพี่จูตี้เหรอคะ?” * ( เป็นการเล่นคำจากคำด่าของจีน จูตี้จื่อ ซึ่งความหมายตามอักษรคือกีบเท้าหมู ส่วนใหญ่มักใช้ด่าผู้ชายเจ้าชู้หรือใช้แขวะผู้ชายทึ่ม ๆ ที่ไม่มีความโรแมนติก ไม่เข้าใจว่าอีกฝ่ายต้องการอะไร ประเภทเอาใจคนไม่เป็นด้วยก็ได้)

คุณย่าหยวนพูดว่า "ถ้าในแง่ของอายุ ไม่นับสถานะชนชั้น ย่าก็เหมาะกับคำว่าพี่สาวของเขาอยู่หรอก แต่คำว่าจูตี้มันหมายความว่ายังไงกัน?"

หยวนชิงหลิงอ้อมแอ้ม ก่อนจะเล่าความหมายที่แท้จริงให้ฟัง คุณย่าหยวนถึงกับหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออกไปเลยทีเดียว "ที่แท้ก็เป็นอย่างนี้นี่เอง นี่ออกจะน่ากระอักกระอ่วนเกินไปจริงๆ นั่นแหล่ะ เป็นชื่อที่น่าเกลียดน่าดูเลยนะ"

หยวนชิงหลิงพูดปลอบ "ไม่เป็นไรหรอกค่ะ คุณย่าก็ถือซะว่าคุณย่ามีชื่อภาษาอังกฤษเพิ่มมาอีกชื่อว่าจูดี้ก็ได้นี่คะ!"

คุณย่าหยวนหัวเราะชอบใจพลางตบไหล่หลานสาว “ใจกล้าดีจริง ๆ หลานฉัน ถึงกับกล้าตั้งชื่อให้ย่าเลยเหรอ?”

หยวนชิงหลิงหัวเราะอย่างซุกซน “หนูผิดไปแล้วค่า!”

สองคนย่าหลานหัวเราะเฮฮากันอยู่ครู่หนึ่ง คุณย่าเอื้อมมือไปลูบท้องแล้วพูดด้วยความผ่อนคลายว่า “ตอนนี้ ย่าแค่ตั้งตารอเด็กคนนี้เกิดแล้วล่ะ หวังว่าคงจะเป็นเด็กผู้หญิงสักคน จะได้สมความปรารถนาของรัชทายาทเสียที!"

เด็กในท้องก็ช่างรู้ความ เคลื่อนไหวตามมือไปด้วยหลายครั้ง ราวกับว่าหนูน้อยเคลื่อนไปตามฝ่ามือที่ลูบ ๆ อยู่ของคุณย่าหยวน

คุณย่าหยวนหัวเราะด้วยความประหลาดใจ “น่ากลัวว่าจะเป็นเด็กผู้หญิงจริง ๆแล้วล่ะ!”

เจ้าห้าใจจดใจจ่ออยู่กับการมีลูกสาวมาก เพราะทุกวันหลังจากกลับมา เขาจะต้องไปดูถังกั่วเอ๋อก่อนจนใคร ๆ ก็รู้กันหมด

ทุกวันแม่นมต้องอุ้มถังกั่วเอ๋อไปที่ห้องโถงเล็กของเรือนหลัก เพื่อให้เขาได้อุ้มนางสักครั้งจนถือเป็นเรื่องปกติ

เขามักจะพูดเสมอ ๆ ว่าสวีอีโชคดีนัก ไม่ต้องใช้ความพยายามอะไร ก็ได้ลูกสาวมาคนหนึ่งแล้ว ช่างทำให้คนอื่นอิจฉาเสียจริง

หยวนชิงหลิงยากจะเข้าใจเขาได้จริง ๆ "ทำไมเจ้าถึงไม่พิสมัยลูกชายมากขนาดนี้ล่ะ? พวกเขาต่างก็เป็นลูกแท้ ๆ ของเจ้านะ ต้องรักทุกคนเท่ากันหมดสิถึงจะถูกต้อง"

หยู่เหวินเห้าพ่นลมหายใจพรวด "คำพูดนี้เจ้าอย่าได้พูดเสียงดังเกินไปเชียว ถ้าเด็ก ๆ มาได้ยินเข้ามันจะไม่ดี"

“ เจ้าเคยพูดว่า วันข้างหน้าเจ้าจะไม่ลำเอียงรักลูกไม่เท่ากัน ” หยวนชิงหลิงจ้องเขาพลางเอ่ยเตือนอย่างเคร่งขรึม

หยู่เหวินเห้ากอดนาง “ข้าเคยพูดไว้ว่าจะไม่ลำเอียง แน่นอนว่าข้าย่อมไม่ลำเอียง ไม่ใช่ว่าจะไม่รักลูกชายหรอกนะ ต่างก็รักทุกคน แต่คนเป็นพ่อส่วนใหญ่ก็คงอยากจะมีลูกสาวกันทั้งนั้นล่ะ"

หยู่เหวินเห้ามุ่งมาดปรารถนาอยากจะมีลูกสาวมากจริง ๆ นับตั้งแต่แฝดสามเกิด จนมาถึงตอนนี้ เขาก็ยังไม่เปลี่ยนความคิด ถ้าถามเขาว่าทำไมเขาถึงอยากมีลูกสาวขนาดนั้น เขาก็คงจะให้เหตุผลได้เพียงเพราะว่า ลูกสาวคงจะเหมือนเจ้าหยวนมากเท่านั้น

แต่ในความเป็นจริง มันไม่ได้มีเหตุผลอะไรเลย เพราะต่อให้ลูกสาวที่เกิดมาจะหน้าตาน่าเกลียดจนดูไม่ได้ เขาก็ยังจะรักนางมากอยู่ดี

เขายังถึงกับฝันไปว่าเจ้าหยวนได้ให้กำเนิดลูกสาว เด็กหญิงตัวน้อยที่แสนน่ารักนุ่มนิ่ม ใช้น้ำเสียงเล็ก ๆ ที่น่ารักน่าใคร่เรียกเขาว่าพ่อ แม้ว่าจะเป็นแค่ในความฝัน หัวใจของเขาก็แทบจะละลายลงไปให้ได้แล้ว

ในตอนที่ถังกั่วเอ๋อครบเดือน ครรภ์ของหรงเยว่ก็เริ่มมีการเคลื่อนไหว

หลู่เฟยล่วงหน้าออกจากวังไปอยู่ที่จวนเรียบร้อยแล้ว แค่รอให้หรงเยว่คลอดเท่านั้น ในที่สุด เมื่อนางรู้สึกปวดตึงที่เอวและท้อง นางผดุงครรภ์ก็เข้ามาประจำที่ทันที บอกว่านางน่าจะได้เวลาคลอดแล้ว จวนอ๋องหวยทั้งจวนก็พร้อมสำหรับการรับศึกนี้ทันที

หยวนชิงหลิงกับย่าหยวนถูกเชิญมาทั้งหมด สาเหตุหลักเป็นเพราะว่า การคลอดฝาแฝดมีแนวโน้มที่จะเกิดสภาวะคลอดยากสูง ทั้งหลู่เฟยและอ๋องหวยต่างรู้สึกว่าการที่มีพระชายารัชทายาทอยู่ด้วย จะทำให้พวกเขาสบายใจได้มากกว่า ต่อให้นางจะเข้าไปไม่ได้ แค่ย้ายเก้าอี้มาให้นางนั่งประเมินอาการอยู่ที่หน้าประตู ก็ยังสร้างความรู้สึกวางใจลงไปได้ไม่น้อย

เพราะยังไม่คลอด อ๋องหวยเลยยังอยู่เป็นเพื่อนนางในห้องได้ อ๋องหวยดูกังวลอย่างเห็นได้ชัด เพราะหลู่เฟยเคยบอกเขาว่า ผู้หญิงเวลาคลอดลูก เท่ากับได้แหย่ขาข้างหนึ่งเข้าไปในประตูผีแล้ว มันเป็นอะไรที่ลำบากมาก โดยเฉพาะหรงเยว่ที่ท้องลูกแฝด ดังนั้นจึงต้องเตรียมการให้พร้อมที่สุด ถ้าเกิดอะไรขึ้นมาจริง ๆ ให้บอกตัวเองว่าอย่าตื่นตระหนก ต้องใจเย็นมั่นคงให้มาก

เมื่ออ๋องหวยได้ยินถ้อยคำเหล่านี้ หัวใจของเขาก็สั่นสะท้าน

หรงเยว่เริ่มรู้สึกปวดท้องเล็กน้อยตั้งแต่ช่วงเที่ยง ๆ แล้ว นางผดุงครรภ์บอกว่าช่องคลอดเพิ่งจะเปิดแค่นิ้วเดียว ไม่ต้องกังวล ท้องแรกนั้นอาจเป็นไปได้ว่าจะยังไม่คลอดภายในวันแรก คาดว่าอย่างเร็วที่สุดก็อาจต้องประมาณช่วงค่ำ ๆ ถึงจะคลอด ย่าหยวนก็ตรวจสอบด้วย และพบว่าเป็นตามนั้นจริง ๆ จึงบอกหรงเยว่ให้ผ่อนคลาย ถ้าถึงเวลากินก็กิน ถ้าอยากเดินเล่นก็เดินเล่น

แต่เมื่อถึงยามเซิน (ช่วงเวลา 15.00 น. – 17.00 น.)  ยังไม่ทันให้ยาออกซิโตซินเพื่อเร่งคลอด ปากมดลูกก็เปิดออกอย่างรวดเร็วมาก นางผดุงครรภ์ตรวจสอบแล้ว ก็รู้สึกกังวลขึ้นมา “เปิดออกเยอะมากแล้วเจ้าค่ะ ทำไมถึงเร็วขนาดนี้”

หลู่เฟยพูดอย่างกังวลใจ “ใกล้จะคลอดแล้วใช่หรือไม่?”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์หมอยาเซียน