บัลลังก์ชายาหมอเทวดา นิยาย บท 345

ดังนั้นทุกคนจึงพากันจับตามองการกลั่นโอสถของเย่จายซิงด้วยความตั้งอกตั้งใจ

ไม่กี่วันที่ผ่านมานั้น พวกเขาสงสัยมาโดยตลอดว่าเย่จายซิงเป็นอาจารย์กลั่นยาขั้นเจ็ดจริง ๆ หรือไม่

นามของเย่จายซิง โด่งดังขึ้นจากเมืองยวี่หลัว ผู้คนล้วนรับรู้โดยทั่วกันว่า มีปรมาจารย์กลั่นยาที่มีพรสวรรค์เป็นเลิศได้ถือกำเนิดขึ้นที่นี่ ไม่เพียงแต่นางจะมีรูปโฉมที่งดงามแล้วนั้น แต่ยังเป็นผู้ฝึกตนที่ไม่มีผู้ใดหาญกล้าเทียบเคียงนางได้

ขอเพียงแค่นางสามารถกลั่นโอสถขั้นเจ็ดในวันนี้ได้สำเร็จแล้วนั้น นั่นเป็นการพิสูจน์ความสามารถของนางว่าเป็นอาจารย์กลั่นยาขั้นเจ็ดโดยแท้จริง

ทั้งยังเป็นอาจารย์กลั่นยาขั้นเจ็ดที่อายุน้อยมากที่สุดในแผ่นดินหลิงเซียวอีกด้วย!

การกลั่นโอสถขั้นเจ็ดนับว่าใช้เวลานานเป็นอย่างมาก ทว่า สำหรับเย่จายซิงแล้วนั้น ใช้เวลาน้อยกว่าคนอื่นเป็นเท่าตัว

แม้จะเป็นเพียงการกลั่นวัตถุดิบทำโอสถ นางก็ยังใช้เวลาน้อยกว่าปรมาจารย์ท่านอื่นยิ่งนัก

ผู้คนที่ยืนอยู่รอบด้านพลันปากต่อปากเรียกเพื่อนฝูงมาดูความตื่นตาตื่นใจนี้ในทันที มาถึงได้ไม่นานนัก เย่จายซิงก็พลันกลั่นโอสถไปได้ครึ่งหนึ่งแล้ว

เมื่อเวลาผ่านไปได้หนึ่งชั่วยามกว่า ก็พลันได้กลิ่นโอสถโชคออกมาจากเตากลั่นโอสถในทันที

ทันใด ทั่วฟ้าพลันปรากฏเมฆหมอกสีดำลอยมา พร้อมด้วยเสียงฟ้าร้องที่โหมกระหน่ำ

“ทัณฑ์โอสถมาแล้ว!”

“แม่เจ้า! ไวยิ่งนัก!”

“มิใช่ว่า การกลั่นโอสถขั้นเจ็ดจักต้องใช้เวลาอย่างน้อยหนึ่งวันเต็มเลยหรือ?”

“รีบหนีเร็ว!ระวังทัณฑ์โอสถจ่าผ่าลงหัวของเจ้า!”

ทุกคนพลันกุลีกุจอหลบไปด้านข้าง ทัณฑ์โอสถของโอสถขั้นเจ็ดนั้น หากใช่เรื่องเล่นๆ ไม่ อันตรายไม่แพ้กับทัณฑ์อสุนีบาตของการเลื่อนขั้นแดนแดนราชาทิพย์เลย

เย่จายซิงขมวดคิ้วลงไปด้วยความสงสัย

เตากลั่นโอสถหม้อนี้ นับว่าเป็นของที่แพงมากที่สุดในเมืองยวี่หลัวแล้ว ไม่คิดเลยว่า เพียงแค่นางใช้มันในการฝึกกลั่นโอสถได้เพียงแค่สามวัน มันก็ไม่อาจอดทนได้อีกต่อไปแล้ว

ทว่า การกลั่นโอสถขั้นหกในไม่กี่ครั้งที่ผ่านมานั้น ก็เกิดปรากฏการณ์ทัณฑ์โอสถออกมาเช่นกัน เนื่องด้วยคุณภาพของเตากลั่นโอสถที่มิได้ดีมากนัก แต่นางก็มิมีทางเลือกอื่นใดอีก

ดูเหมือนว่านางจักต้องเปลี่ยนเตากลั่นโอสถใหม่เสียแล้ว

เมื่อผู้คนเห็นเตากลั่นโอสถที่ค่อย ๆ เกิดรอยร้าวขึ้นมานั้น ภายในใจของแต่ละคนบังเกิดความกังวลใจขึ้นมาไม่น้อย

หากว่าเตากลั่นโอสถเกิดถูกทัณฑ์โอสถฟาดแตกออกมาเป็นสองซีกนั้น โอสถที่อยู่ด้านใน ย่อมไร้ค่าไปในทันที

นั่นนับว่าน่าเสียดายยิ่งนัก

เย่จายซิงเพียงแค่ขมวดคิ้วเป็นปม ทว่าไม่นานสีหน้าก็กลับมาเป็นปกติตามเดิม นางจึงใช้เพลิงพิลึกในการแบ่งแยกไฟออกมาเป็นเส้น ๆ เพื่อหลอมเตากลั่นโอสถที่เกิดรอยร้าวขึ้นมาให้ประกบกันตามเดิม

เมื่อทุกคนเห็นว่าเย่จายซิงลงมือแก้ปัญหาเช่นนี้ ต่างก็ตกตะลึงไปตามๆ กัน

พวกเขาไม่คิดเลยว่า จะมีคนที่สามารถควบคุมเพลิงพิลึกได้ถึงขั้นนี้อีกด้วย!

หากรู้ว่า เย่จายซิงใช้มืออีกข้างหนี่งในการควบคุมอุณหภูมิความร้อนภายในเตากลั่นโอสถ และอีกมือหนึ่งในควบคุมเพลิงพิลึกนั้นทั้งยังสามารถแยกเพลิงพิลึกออกเป็นเส้นๆ ถี่เสียยิ่งกว่าเส้นบะหมี่เสียอีกด้วย

แม้แต่ราชาโอสถที่มีนามราชาโอสถป๋ายหลี่ เกรงว่าเขาก็ยังคงไม่มีทักษะการควบคุมไฟที่ละเอียดอ่อนได้เท่ากับนางเป็นแน่

ในที่สุดทัณฑ์โอสถที่น่าหวาดกลัวก็ได้จบลง!

เตาหลอมโอสถมิได้แตกออกมา กลิ่นความเข้มข้นของโอสถที่อยู่ด้านในพลันลอยคละคลุ้งออกมาในทันที

“สำเร็จอีกแล้ว ! นางทำสำเร็จอีกแล้ว!”

“ช่วงเวลาที่น่าตื่นเต้นกำลังมาถึงแล้ว!”

ทุกคนพลันชะเง้อคอเข้ามามองดูในทันที

ไม่นานนัก เตาหลอมโอสถก็พลันส่งเสียงดังออกมา เย่จายซิงทำขั้นตอนสุดท้ายสำเร็จแล้ว จากนั้นนางจึงเปิดฝาเตากลั่นโอสถออกมาในทันที

โอสถเม็ดสีม่วงพลันเปล่งแสงเป็นประกาย ราวกับอัญมณีสีม่วงสดใสอยู่ภายในเตากลั่นโอสถ

สีม่วง เป็นสีเฉพาะของโอสถขั้นเจ็ด

วินาทีนั้น ไม่มีผู้ใดกังหากับความสามารถของเย่จายซิงที่เป็นถึงอาจารย์กลั่นยาขั้นเจ็ดอีกต่อไป

ทุกคนล้วนแต่มองไปที่เย่จายซิงด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเคารพมากมาย

อาจารย์กลั่นยาขั้นเจ็ดที่อายุน้อยเช่นนี้ เกรงว่าใต้หล้าจะมีเพียงนาง!

“อัจฉริยะ! นางเก่งกาจเกินไปแล้ว!”

“ภาพนี้ราวกับข้ากำลังฝันไป การได้มาเห็นอาจารย์กลั่นยาขั้นเจ็ดกลั่นโอสถให้ดูอยู่ตรงหน้า ข้าก็สามารถเอาไปโอ้อวดได้ตลอดชีวิตแล้ว!”

“อาจารย์กลั่นยาขั้นเจ็ดที่อายุยังไม่ครบยี่สิบหนาว หากข่าวลือแพร่ออกไป เกรงว่าผู้คนที่ได้ยินย่อมอ้าปากค้างอย่างแน่นอน!”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์ชายาหมอเทวดา