อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ นิยาย บท 98

“อะไรนะ”

ฉินซื่อเสวียชะงักไปครู่หนึ่ง เห็นได้ชัดว่าไม่เข้าใจ ว่าโม่เยว่หมายความว่าอย่างไรกันแน่

ต้มตุ๋นคืออะไร

“เจ้ากับพี่สามไม่มีความสุขกับชีวิตคู่สามีภรรยา เลยมาต้มตุ๋นข้า บอกทั้งหมดล้วนแน่เพราะข้า เพราะเคยหมั้นหมาย กับข้างั้นรึ”

โม่เยว่ถามต่อ

อยู่กับหยุนหว่านหนิงมานานแล้ว พวกคำศัพท์ใหม่ ๆ เหล่านี้ เขาก็เรียนรู้ไปไม่น้อย

ตอนนี้ได้เรียนแล้วใช้งานจริงพอดี

“ข้า...”

ในใจฉินซื่อเสวียพยักหน้าอย่างบ้าคลั่ง

แต่ได้ยินเขาถามเช่นนี้ กลับกันนางก็รู้สึกลำบากใจที่จะตอบ ได้แต่พยักหน้าเล็กน้อยแล้วพูดเสียงเบาเหมือนยุ่งบิน “น่าจะเป็นเพราะเหตุผลนั้น”

“น่าจะ?”

เหมือนโม่เยว่จะหัวเราะเสียงต่ำออกมา “เหอะ...”

“เหตุผลนั้นเจ้าไม่แม้แต่จะกระจ่างชัด แล้วจะมาต้มตุ๋ยต่อหน้าข้า ไม่ใช่ว่าจะใส่ร้ายกันหรือไร”

ทิศทางของโครงเรื่อง ทำไมไม่เหมือนกับที่นางคิดไว้เล่า

ฉินซื่อเสวียตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง

ที่นางคิดไว้ หลายปีมานี้โม่เยว่ยังถือว่าอ่อนโยนต่อนางอยู่

อย่างน้อย ท่าทีที่มีต่อนางกับสตรีชนชั้นสูงอื่น ๆ ไม่เหมือนกันอย่างสิ้นเชิง

ในใจเขาน่าจะมีนางอยู่บ้าง

ได้ยินคำร้องทุกข์ของนาง ก็ไม่ควรจะปลอบใจนาง สงสารนาง เอาความรับผิดชอบมาใส่ไว้บนหัวเขา คิดว่าล้วนเป็นเพราะเขาทำให้นางลำบากจริง ๆ หรือ

“สะใภ้สามหากเจ้าต้องการจะต้มตุ๋นข้า พวกเราก็ไปทูลต่อหน้าเสด็จพ่อเสด็จแม่ให้กระจ่างแจ้ง”

โม่เยว่กล่าวอย่างเย็นชา

ฉินซื่อเสวีย “...”

“ไม่เอานะ!”

นางอธิบายอย่างร้อนรน “ท่านพี่เยว่ ข้าไม่ได้วางแผนจะต้มตุ๋นท่าน!”

“เพียงแต่ช่วงไม่กี่ปีมานี้ข้าใช้ชีวิตอย่างยากลำบากมาก ท่านพี่เยว่ก็น่าจะรู้นี่ ท่านอ๋องบ้านข้าเขา เขากับคุณหนูรองหยุนแห่งจวนยิ่งกั๋วกงแอบคบหากันมานานแล้ว”

เมื่อยกเรื่องนี้มาพูด ฉินซื่อเสวียก็หลั่งน้ำตาออกมาจากใจจริง

นางไม่เต็มใจ

ไม่ง่ายเลยที่นางจะแต่งกับโม่หุยเฟิง กระทั่งสี่ปีนี้ก็ให้กำเนิดลูกสาวสองคนแก่เขา

เดิมทีคิดว่าสามารถมัดใจเขาได้ ใครจะไปรู่ว่าจะมัดได้แต่ตัวของเขาเท่านั้น

ตอนนี้นังคนชั้นต่ำหยุนธิงหลานเริ่มร้ายกาจขึ้นเรื่อย ๆ คราที่แล้วก็ให้ตัวเองกินยาพิษอย่างไม่ลังเลเพื่อใส่ความนาง

เป็นผลให้นางถูกโม่หุยเฟิงด่าทอ ทุบตี และสุดท้ายยังกักบริเวณไปหลายเดือน ดึงอำนาจที่ดูแลจวนในมือทั้งหมดกลับคืนไป

ภายหลังยังเป็นหยุนธิงหลานที่ “พูด” แทนนาง

บอกว่านางไม่เป็นอะไรแล้ว อย่าลงโทษพระชายาหยิงอีกเลย

เพราะการ “ร้องขอความเมตตา” ของนาง โม่หุยเฟิงถึงได้ปล่อยฉินซื่อเสวียไป

แต่ทัศนคติของเขาที่มีต่อนางก็เย็นชายิ่งขึ้น กลับกันเขาก็อ่อนโยนต่อหยุนธิงหลานมากขึ้น คิดว่านางเป็นสตรีที่ดีงามทั้งกายใจ ก็ตีความว่าเป็นนางสวรรค์ที่ดีเลิศที่สุด!

ในทางกลับกันแง่มุมที่มองนาง...

เพียงนางอธิบาย ก็กล่าวว่านางเล่นลิ้น

เพียงนางบอกว่าหยุนธิงหลานครึ่งคำว่าไม่ใช่ ก็กล่าวว่านางเป็นสตรีขี้หึง ริษยาหยุนธิงหลาน กินบนเรือนขี้บนหลังคา

เพียงนางนิ่งเฉย ก็กล่าวอีกว่านางกินปูนร้อนท้อง ยอมรับโดยปริยายว่ายาพิษเป็นนางที่วาง

กล่าวโดยสรุป ฉินซื่อเสวียจะทำอะไรก็ล้วนไม่ถูกต้อง!

คนหนึ่งนั้นมีอคติต่ออีกคนหนึ่ง หากมันหยั่งรากลึกลงไปในหัวใจแล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องอธิบาย ยิ่งไปอธิบายยุ่งเหยิง ก็จะเป็นการหาเหาใส่หัว

ฉินซื่อเสวียก็เป็นดังสถานการณ์ในตอนนี้

นางหัวเราะอย่างขมขื่น “คุณหนูรองหยุนผู้นั้นเป็นคนร้ายกาจ ข้ายังไม่ใช่คู่มือของนางด้วยซ้ำ”

“ท่านพี่เยว่ก็รู้ว่า ข้าไม่ชอบโต้เถียงกับผู้อื่นอยู่เสมอ”

โม่เยว่ตอบกลับอย่างเงียบเฉย

“ดังนั้นหลังท่านอ๋องกลับมาจากชายแดน เกรงว่าตำแหน่งพระชายาหยิงของข้า...ก็คงจะส่งมอบให้คุณหนูรองหยุนแล้ว”

ตอนนั้นเอง โม่เยว่ถึงเปิดปาก “เจ้าพูดเรื่องนี้กับข้าหมายความว่าอย่างไร”

“ข้าเพียงแต่ต้องการความเมตตาของท่านพี่เยว่ก็พอแล้ว”

ฉินซื่อเสวียเริ่มร้องครวญคราง

“ความหมายของเจ้าคือ หลังพี่สามกลับมาจากชายแดนจะหย่ากับเจ้า แล้วแต่งกับหยุนธิงหลานหรือ”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: อนงค์ใจพระชายาราชสีห์