เทพบุตรในคราบซาตาน นิยาย บท 4

หญิงสาวในชุดฟอร์มโรงงาน เดินออกมาจากห้องนอน ซึ่งเป็นบ้านเช่าหลังเล็กๆ ชั้นเดียว สองห้องนอนหนึ่งห้องน้ำ มีห้องครัวแยกออกมาพอที่จะประกอบอาหารและนั่งรับประในห้องเดียวกันได้ ค่าเช่าสี่พันบาทค่าน้ำค่าไฟต่างหาก บวกลบคูณหารแล้ว ในแต่ละเดือนแทบกระอักเลือด เมื่อใบบุญต้องหาเงินเข้าบ้านเพียงลำพัง แม้ว่าใบโพธิ์น้องชายคนรองจะหยิบยื่นให้บ้าง เดือนละพันสองพันเป็นค่าเช่าบ้าน

ชีวิตของใบบุญโชกโชนปากกักตีนถีบตั้งแต่บิดามารดาเสียชีวิตลงไป ความรับผิดชอบทั้งหมดภายในบ้านจึงตกเป็นของเธอ ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปกี่วัน กี่เดือน หรือกี่ปี จากหญิงสาวอายุสิบเจ็ด จวบจนกระทั่งวันนี้เธออายุครบยี่สิบสี่ปีแล้ว หน้าที่ที่เธอต้องแบกรับก็ยังคงมีเหมือนเดิม

หญิงสาวสู้ทนเรียนจนจบมัธยมปลายด้วยระบบการศึกษานอกโรงเรียน เพราะความพากเพียรเธอจึงพยายามกระเสือกกระสนส่งตัวเองเรียนวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.) ภาคเสาร์-อาทิตย์ ทำให้เธอมีความรู้ความสามารถพอที่จะสมัครงานในบริษัทแห่งหนึ่ง แต่ทว่าเศรษฐกิจแบบนี้ ทำให้การเงินที่บริษัทมีปัญหาและปิดตัวลง

ในที่สุดหญิงสาวจึงตัดสินใจเข้ามาสมัครงาน ในโรงงานแห่งนี้ เพราะที่นี่เป็นที่ลือชาเรื่องโบนัสตอนสิ้นปี บริษัทกวินชู (Gavin shoe) เธอทำงานที่นี่ได้หลายเดือนแล้ว ซึ่งตำแหน่งของใบบุญคือคิวซี เธอมีหน้าที่คัดกรองคุณภาพของสินค้า ให้เป็นไปตามมาตรฐานของโรงงาน ก่อนจะนำไปจัดส่งใส่บรรจุภัณฑ์ที่สวยงามให้กับลูกค้า ซึ่งจะมีอีกแผนกตามลำดับขั้นตอนของทางโรงงานที่จัดเอาไว้เป็นสัดส่วน แต่ละหมวดหมู่ คนละหน้าที่อย่างมีระบบระเบียบ

ถ้าสินค้าถูกตีกลับเพราะมีตำหนิ คิวซีจะต้องถูกต่อว่าอย่างหนัก ที่นี่ถึงขนาดหักเงินเดือนหรือถูกสั่งพักงานเลยทีเดียว ซึ่งจะส่งผลถึงโบนัสและเบี้ยขยันของพนักงานในช่วงสิ้นปีอีกด้วย งานที่จะออกไปจากคิวซีจึงต้องเนี้ยบทุกกระเบียดนิ้ว แต่ทว่าการทำงานในโรงงานนั้นไม่ได้สะดวกเหมือนงานเดิมที่บริษัท

เนื่องจากระบบของโรงงานนั้นต้องเข้ากะกลางวันและกะกลางคืน ซึ่งเธอรู้สึกเป็นห่วงใบบัวและใบพลูเป็นอย่างมาก ถึงกระนั้นก็ไม่สามารถที่จะหลีกเลี่ยงได้ เฉกเช่นในวันนี้ที่เธอต้องออกจากบ้านในตอนค่ำ

“พี่จะออกไปทำงานแล้วนะ อยู่กันสองคนห้ามออกจากบ้านเข้าใจไหม” หญิงสาวหันไปสั่งใบบัวกับใบพลูที่กำลังนั่งทำการบ้านอยู่บนโต๊ะเล็กๆ ตรงมุมห้อง

“ไม่ต้องห่วงฉันสองคนหรอกน่า พี่รีบไปเถอะเดี๋ยวก็ไม่ทันรถรับส่งพนักงานหรอก” ใบบัวเอ็ดพี่สาวออกไปเบาๆ จนทำให้เธอมองค้อนมาที่น้องสาวในชุดมัธยมปลายด้วยความหมั่นไส้ ซึ่งอีกไม่กี่เดือนน้องสาวคนเล็กของเธอก็จะเรียนจบมัธยมศึกษาตอนปลาย ซึ่งหญิงสาวต้องหาเงินก้อนใหญ่ไว้จ่ายค่าเทอมให้น้องสาว เมื่อใบบัวเข้าเรียนในระดับชั้นอุดมศึกษา

“พี่ไปแล้วนะ ปิดประตูลงกลอนให้ดีด้วย ใครเรียกก็ห้ามเปิด แม้แต่ใบโพธิ์ถ้ามันเรียกก็ไม่ต้องเปิด พี่กลัวว่ามันจะพาเพื่อนมาค้างด้วย” ใบบุญบอกน้องสาวออกไปด้วยความห่วงใย เพราะเวลาใบโพธิ์แวะมาที่นี่ เขามักจะหิ้วเอาเพื่อนผู้ชายมาด้วยเสมอ ซึ่งตอนนี้ใบบัวโตเป็นสาวแล้วเธอจึงรู้สึกเป็นห่วงความปลอดภัยของน้องสาว

“จ้าพี่ ไม่ต้องห่วงหรอก ฉันอยู่ได้เริ่มชินแล้ว”

“พี่ใบบุญขา...ใบพลูหิวแล้ว ขอกินข้าวก่อนค่อยมาทำการบ้านได้ไหม” เด็กหญิงตัวกลมใบหน้าสวยตั้งแต่เด็ก ผิวของเธอขาวราวกับไข่ปอก พูดออกมาด้วยน้ำเสียงอ้อน ทำให้ใบบุญถึงกับส่ายศีรษะให้กับความน่ารักของใบพลู

“ได้สิจ๊ะ ใบบัวพาใบพลูไปกินข้าวก่อนก็ได้ แล้วค่อยมาทำต่อ พี่ไปแล้วนะ” พูดจบประโยคใบบุญก็เปิดประตูเดินออกไปจากบ้าน จุดมุ่งหมายของเธอคือโรงงาน ที่จะสามารถทำให้เธอมีเงินเลี้ยงปากเลี้ยงท้องและน้องๆ ได้

“พี่ใบบุญไปแล้ว เราไปกินข้าวกันเถอะนะ” ใบพลูยังคงคะยั้นคะยอให้ใบบัวพาไปรับประทานมื้อเย็น เด็กหญิงวัยหกขวบกว่าคงวิ่งเล่นหลังเลิกเรียนจนหิว เพราะเธอไม่ได้แวะกินอะไรหลังเลิกเรียนเหมือนกับเพื่อนๆ วัยเดียวกัน

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เทพบุตรในคราบซาตาน