หยิ่งนักลองมารักกันหน่อยไหม [Yaoi] นิยาย บท 8

ตอนที่7

#หยิ่งนักลองมารักกันหน่อยไหม

หลังจากวันนั้นมาคินรู้สึกว่าภูทำตัวดีกับเขามากขึ้นกว่าเดิม จะเรียกแบบนั้นก็คงไม่ถูกแต่เพียงแค่อีกคนไม่ได้ตามแกล้งแล้วหาเรื่องเขาอย่างไร้เหตุผลแล้วก็เท่านั้น จะเรียกว่าสนิทกันแล้วก็คงไม่ได้เพราะในแต่ละวันก็นับคำที่คุยกันได้เลย เลิกเรียนมาซ้อมตามปกติซึ่งในช่วงนี้ภูสามารถกลับมาคุ้มซ้อมตามเดิมได้เพราะอีกคนจะคอยจัดการเวลาว่าเมื่อคุมพวกเขาซ้อมเสร็จก็จะรีบกลับไปหาแม่ของตัวเอง แต่ทางหมอไม่อนุญาตให้นอนพักเพราะฉะนั้นเพียงแค่สี่ทุ่มภูก็ต้องกลับไปนอนบ้านตัวเองอยู่ดี เช่นเดียวกับพวกเขาที่ถ้าหากวันไหนเลิกซ้อมเร็วหรือไม่มีซ้อมก็จะไปเยี่ยมแม่ของภู

เช่นเดียวกับในวันนี้เช่นกัน ที่นั่งอยู่ด้วยกันภายในโรงพยาบาลอีกแล้ว

“คืนนี้พวกกูว่าจะไปนอนห้องไอ้ภูกัน มึงจะไปด้วยกันไหม” คำถามนี้ถูกส่งมาและคินมองเหล่าสมาชิกที่ยืนอยู่

“ไปทำอะไรกันหรอครับ” คินถามกลับไปก่อนซึ่งคนที่ตอบยังคงเป็นแบงค์

“เอ้า นั่งเล่นสิวะ…พรุ่งนี้วันหยุดแต่มีซ้อมก็จะได้ตื่นออกไปซ้อมพร้อมกันเลย”

“มีใครไปบ้าง” ถามต่ออีกซึ่งคนถูกถามยกนิ้วนับ

“ก็เนี่ยที่อยู่ๆกัน” เป็นเพราะวันนี้มีคนมาเยี่ยมแม่ของภูไม่มากเท่าไหร่ จะว่าไม่มากก็ไม่ได้เพราะถ้ารวมเขากับภูเข้าไปก็คือเจ็ดคนเลยทีเดียว คินไม่ได้ว่าอะไรนะ แต่ว่าห้องของภูเขาเคยเห็นมาแล้วแถมคือห้องอยู่ติดกันแบบนั้นด้วย แล้วถ้าพวกเขาขนไปกันขนาดนี้จะไม่ไปเสียงดังรบกวนคนอื่นหรอ คินลังเล หันไปมองภูที่เป็นเจ้าของห้อง

“จะมาก็มา อย่าลีลา” กระทั่งที่ภูพูดสวนมาแบบนี้คินถึงได้พยักหน้ารับ

“ไปก็ได้ครับ” เพราะถ้าลองบอกว่าไม่ไปดูสิ มีหวังได้โดนหาว่าทำตัวแตกแยกอีกแน่ ตอนนี้สี่ทุ่มแล้วหมดเวลาเข้าเยี่ยมดังนั้นถึงได้พากันเดินออกมาโดยที่ภูกำลังยืนลาแม่ตัวเองอยู่ ใช้เวลาพอสมควรเหมือนกันซึ่งคินมองอยู่ตรงนี้แต่สิ่งที่รับรู้ได้ก็คือภูดูรักแม่ของตัวเองมาก ก็ไมได้แปลกอะไรแต่แค่อุปนิสัยตรงนี้กับท่าทางภายนอกของอีกคนดูขัดกันไปหน่อยเท่านั้น

“มีใครจะไปรถผมไหม” เพราะบางคนมารถเมล์เพราะฉะนั้นคินเลยส่งเสียงถาม

“เดี๋ยวแบ่งมารถกูแล้วก็ไปนั่งรถไอ้คินกันด้วยแล้วกัน จะได้ไปกันหมด” แบงค์คือคนเดียวที่มีรถยนต์แถมดูมีฐานะเพราะคินสังเกตได้ตั้งแต่ยี่ห้อเสื้อผ้ารวมไปถึงรถที่ขับด้วย แบ่งกันแล้วเรียบร้อยว่าใครจะไปรถใคร ส่วนภูแน่นอนว่าก็ไปมอเตอร์ไซค์ของตัวเองซึ่งตอนนี้ขับนำหน้าของพวกเขาอยู่ คินสนใจอยู่กับการขับรถในขณะที่รุ่นพี่ที่เข้ามานั่งด้วยสามคนกำลังส่งเสียงตื่นเต้นกับภายในรถของเขา คินยิ้มนิดหน่อย

“ทำไมมึงรวยจังวะไอ้คิน อายุแค่นี้แม่มึงซื้อรถแพงขนาดนี้ให้ขับเลยหรอ”

“พอดีสอบติดคณะที่เขาอยากให้เข้าได้ แม่ก็เลยซื้อให้น่ะครับ” คินตอบไปตามความจริง

“โหดีว่ะส่วนของกูแม่บอกว่าถ้าเรียนไม่ติดเอฟถึงจะซื้อให้”

“อ้าวงั้นก็ง่ายเลยสิครับ”

“ง่ายกับผี กูติดเอฟทุมเทอมไอ่เวร!” สบถประโยคนี้ที่ทำให้คินถึงขั้นหลุดเสียงหัวเราะกับสิ่งที่ได้ยิน มองไปเบื้องหน้าเห็นแผ่นหลังคุ้นเคยของภูที่กำลังคร่อมอยู่บนมอเตอร์ไซค์และขับนำอยู่ ใช้เวลาพอสมควรกว่าจะมาถึงซอยทางเข้าสำหรับอพาร์ตเม้นท์ที่ภูพักอาศัย ทางเข้าแคบมากคินเลยเลือกที่จะจอดรถไว้ข้างนอกซึ่งพอไว้วางใจได้ว่าจะไม่หายเพราะแบงค์เองก็หยุดรถจอดที่ตรงนี้เหมือนกัน

…ปึก… ปิดประตูรถเดินลงมาเจอเข้ากับรุ่นพี่คนสนิทอย่างแบงค์ที่ยืนรออยู่

“ปะ ไอ้ภูมันไปรอบนห้องแล้ว” คินพยักหน้ารับ เดินตามเหล่ารุ่นพี่เข้าไปยังอพาร์ตเม้นที่ภูพักอาศัย เดินมาถึงชั้นสามซึ่งคือชั้นที่ภูพักอยู่ เดินผ่านหลายห้องเห็นหลายครอบครัวมีทั้งเด็กเล็กเด็กน้อยที่กำลังนอนดูการ์ตูนอยู่บ้างหรืออ่านหนังสืออยู่ก็มี มาจนถึงห้องริมสุดที่กลุ่มเพื่อนของภูหยุดอยู่หน้าประตู

…แกร๊กกกก… เสียงเปิดประตูดังขึ้น คินมองเข้าไปด้านในก่อนเป็นอันดับแรกว่าสภาพห้องเป็นแบบไหนเพราะที่ผ่านห้องของคนอื่นมาคือดูแบบไม่มีอะไรเลย แต่ห้องของภูดูแตกต่าง มีเฟอร์นิเจอร์ครบ มีเครื่องปรับอากาศรวมไปถึงสีภายในห้องที่เหมือนทาขึ้นใหม่และพื้นกระเบื้องสีดำขลับเงาวับที่เขาเหยียบอยู่ เอาเป็นว่า สรุปง่ายๆว่าสภาพภายในห้องเหมือนคอนโดที่ถูกยกมาตั้งไว้ในอพาร์ตเม้น มองเลยไปที่โซฟาตัวใหญ่ปลายเตียงมีภูที่นอนเล่นโทรศัพท์อยู่

“เข้ามา ปิดประตูด้วย” กระทั่งที่เสียงจากภูดัง คนที่ยืนอยู่หน้าประตูอย่างคินสะดุ้งนิดหน่อย

“ผมนั่งตรงไหนได้” ถึงตอนนี้ปิดประตูห้องแล้วแต่เกิดปัญหาใหม่ที่คินส่งคำถามมา ภูขมวดคิ้ว

“มึงจะนั่งตรงไหนก็นั่งหรืออยากนั่งบนหลังคามั้ยหละ”

“ไม่เอาร้อน” โดนถามกลับมาแบบนี้คินเลยพึมพำประโยคนี้ตอบกลับไป ตัดสินใจเดินไปนั่งรวมกับเพื่อนของภูบางส่วนที่กำลังนอนเกลือกกลิ้งอยู่บนเตียง ไอแพดสองเครื่องที่วางอยู่บนหัวเตียงถูกหยิบไปเล่นโดยเพื่อนของอีกคนเช่นเดียวกับแบงค์ในตอนนี้ที่กำลังจดจ่ออยู่กับการเล่นเกมในคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะที่อยู่มุมห้อง

ตอนนี้คินพอเข้าใจที่เพื่อนของภูต่างพากันลงมติว่าจะมาที่ห้องนี้

ตอนแรกคิดว่าจะไม่มีอะไรทำ ที่ไหนได้ มีอะไรให้เล่นตั้งเยอะแยะ

คินใช้สายตากวาดมองรอบห้อง พบว่าที่หน้าทางเข้าซึ่งมีชั้นรองเท้าตั้งอยู่มีรองเท้าหลายคู่ที่ถูกวางระเกะระกะ เยอะมากจนล้นกองกันไม่เป็นระเบียบ บางคู่ยังอยู่ในกล่องไม่ได้ถูกแกะแต่เขามองนิ่งอย่างพิจารณาเพราะมีแต่แบรนดังทั้งนั้น ไม่ใช่แบรนระดับกลางแต่เป็นแบรนเนมที่ราคาหลักห้าหน่วยขึ้นไป ขมวดคิ้วหันกลับมามองเจ้าของห้องจนภูรู้สึกตัวแล้วเลิกคิ้วมา คินถึงได้ส่ายหน้าเชิงตอบว่าไม่มีอะไร

“มีใครอยากลงไปซื้อข้าวไหม?” เสียงจากแบงค์ดังขึ้น ปากพูดแต่สายตาจดจ่ออยู่แต่กับจอคอม

“กูว่ามึงหิวข้าวนะไอ้ภู ลงไปซื้อมาดิเดี๋ยวกูฝากซื้อด้วย”

“กูไม่หิว อยากแดกก็ลงไปซื้อเอง” พอภูสวนไปแบบนี้แบงค์ทำเสียงน่าสงสาร

“เล่นเกมอยู่ว่างที่ไหน ไม่มีใครว่างเลยเนี่ย…เป็นกัปตันทีมก็ช่วยดูแลลูกทีมหน่อยสิครับ” สีหน้าของภูกำลังหงุดหงิดเพราะเจอประโยคที่ค่อนข้างยากจะปฏิเสธ คินที่รักสงบกว่าใคร

“เดี๋ยวผมลงไปซื้อให้ก็ได้ครับ” ถึงได้อาสาจะรับหน้าที่นี้เพราะยังไงในนี้เขาก็อายุน้อยที่สุด

“มึงรู้จักร้านหรือไง” เสียงจากภูค้านขึ้นมา

“ก็…ไม่มีในจีพีเอสหรอครับ”

“มันคงจะมีให้มึงหรอก ฉลาดจริงๆเลยเรื่องโง่เนี่ย” รอบนี้ภูบ่นแบบไม่จริงจังมากนัก

“งั้นพี่ก็ไปกับผมด้วยสิ” จนที่คินพูดประโยคนี้ขึ้นมาภูทำท่าจะปฏิเสธแต่เสียงเห็นด้วยจากเพื่อนที่โห่ร้องทำให้ภูไม่มีโอกาสแม้แต่จะได้พูดเลยว่าไม่อยากไป สุดท้ายก็เป็นอีกครั้งที่ต้องเดินหน้างอออกมาพร้อมกับไอ้เด็กที่เก่งแต่เรื่องเรียนแต่เรื่องการใช้ชีวิตจริงนี่โง่นัก ตอนนี้เกือบเที่ยงคืนแล้วรอบข้างเลยเงียบมากเพราะไม่ได้อยู่ติดถนนใหญ่ คินกลัวนิดหน่อยเพราะไม่ได้พักอาศัยที่นี่และไม่คุ้นชินกับโดยรอบในขณะที่ภูมีท่าทางปกติดี เดินออกมาจนถึงร้านหน้าปากซอย

“กระเพรารวมสิบกล่องครับป้า”

“แต่พวกเรามีไม่ถึงสิบนะครับ” คินรีบค้าน

“ไม่ใช่ทุกคนหรอกที่จะกินข้าวแค่กล่องเดียวแบบมึง โดยเฉพาะพวกเพื่อนกู” ได้ยินแบบนี้คินยิ้มรับ ลืมไปเลยว่าเหล่าเพื่อนของภูทานกันเยอะมาก ยืนรอนานพอสมควรเพราะคนเยอะจนที่ได้อาหารตามสั่งมาครบแล้วถึงได้ช่วยภูถือกลับมาที่ห้อง ระหว่างทางที่เดินกลับคินเงยมองบนท้องฟ้า เมฆแบบนี้ ลมแบบนี้ ถ้าตามที่เรียนมาเขาว่า

“ฝนริน” ยังไม่ทันจะคิดถึงไหนเลยเสียงจากภูดังขึ้นก่อน รีบวิ่งกลับไปที่ห้องแข่งกับฝนก่อนจะตกหนัก

ยังดีที่ไม่เปียกมาก

แต่ก็ถือว่าเปียกอยู่ดี…

กลับเข้ามาในห้องคินขมวดคิ้วอีกครั้งเมื่อพบว่าเหล่าเพื่อนของภูไม่อยู่กันซักคน ห้องว่างเปล่า

“มันอยู่ห้องแม่กูกัน”

“หืม ทำไมหละครับ” คินถามกลับไปอย่างสงสัย

“สงสัยไปดูหนังกันมั้ง ทีวีห้องแม่ใหญ่กว่านี้” ส่วนภูตอบมาพร้อมกับการที่กำลังถอดเสื้อผ้าที่เปียกของตัวเอง คินไม่ได้พูดอะไรแต่ยอมรับว่ารู้สึกแปลกพอสมควรที่ต้องมาอยู่ห้องสองต่อสองกับผู้ชาย แถมยังกำลังถอดเสื้อผ้าแล้วก็…

“เห้ยพี่ จะถอดกางเกงในเลยหรอ”

“เอ้าก็กูจะอาบน้ำ”

“ก็ ก็ไปในห้องน้ำสิครับ” ตะกุกตะกัก ถึงจะว่ายน้ำเหลือแต่กางเกงด้วยกันแต่ก็ไม่เคยแก้ผ้าต่อหน้าใครซักหน่อย

“ทำไม มึงเขินหรอ”

“ไม่”

“งั้นกูถอด”

“โอ้ยพี่ไม่ๆ” คินกำลังโวยวายหน้าตาจริงจัง ยกมือปิดหน้าในขณะที่คนอายุมากกว่ากำลังส่งเสียงหัวเราะ ภูเดินหายเข้าไปในห้องน้ำแล้วแถมคินได้ยินเสียงพึมพำจากอีกคนที่ดังลอยเข้าหูมาว่า

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หยิ่งนักลองมารักกันหน่อยไหม [Yaoi]