บัลลังก์หมอยาเซียน นิยาย บท 492

หยวนชิงหลิงมีความคิดในเสี้ยววินาทีหนึ่ง ที่อยากจะฆ่าเขาเสียจริงๆ

เจ้าพระยาจิ้งมองแววตาที่ขุ่นเคืองของหยวนชิงหลิง น้ำเสียงสูงขึ้นเล็กน้อย อธิบายว่า “เจ้าใช้สายตาเช่นนี้มองข้าทำไมกัน ข้าไม่ได้ต้องการเด็กคนนี้ ล้วนเป็นกับดักที่กู้จือกับอ๋องอันวางเอาไว้ ทำไมต้องให้ข้ารับผิดชอบด้วย เจ้ามีปัญญาก็ไปหาอ๋องอันซิ”

หยวนชิงหลิงอดกลั้นต่อแรงกระตุ้นที่จะทำให้กระอักเลือดออกมา ชี้ไปที่ประตู เอ่ยเสียงดุว่า “ไสหัวไป”

เจ้าพระยาจิ้งรอที่จะไปจากที่นี่แทบจะไม่ไหวแล้ว ได้ยินคำพูดนี้ ก็รีบลุกขึ้นเดินไปที่ประตู ชะงักไปชั่วครู่ ราวกับนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ หันกลับไปมองหยวนชิงหลิง “เมื่อครู่ที่เจ้าบอกว่าข้าจะทำให้ท่านย่าของเจ้าตรอมใจตาย เจ้าอย่าได้เอาไปพูดข้างนอกเชียว จะเป็นการทำลายชื่อเสียงข้า”

“ให้ตายเถอะนี่ท่านยังมีชื่อเสียงอะไรอีก”ในที่สุดหยวนชิงหลิงก็ทนไม่ไหวแล้ว กระทืบเท้าลุกขึ้นมาชี้ไปที่เขาตำหนิเสียงดุ“ถ้าท่านไม่อายละก็ ลองออกไปเดินฟังดูซิว่าคนทั่วทั้งเมืองเขาพูดถึงชื่อเสียงและการวางตัวของเจ้าพระยาจิ้งอย่างท่านเช่นไร คนข้างนอกต่างพูดกันว่าท่านเป็นลูกตระกูลผู้ดีที่ไร้ประโยชน์ ขายลูกสาวเพื่อให้ได้มาซึ่งเกียรติยศ ไม่รู้จักมียางอาย ไร้ซึ่งคุณธรรม ท่านยังมีหน้าพูดเรื่องชื่อเสียงต่อหน้าข้า ท่านจะไสหัวไปหรือไม่ ท่านไม่ไปข้าจะให้คนตีขาท่านให้หักทั้งสองข้างเดี๋ยวนี้เลย”

เจ้าพระยาจิ้งเห็นท่าทีโมโหดุดันจนน่ากลัวของหยวนชิงหลิง ไหนเลยจะมีเวลามาสนใจเรื่องความน่าเกรงขามของคนเป็นพ่อ รีบเปิดประตูหนีออกไปแบบไร้เงาอย่างรวดเร็ว

หยวนชิงหลิงโมโหจนกระเพาะเป็นตะคริว คำรามอย่างเจ็บปวดหนึ่งเสียง การคำรามของนางครั้งนี้ทำเอาเส้นเสียงของนางแตก นางค่อยๆนั่งลงบนเก้าอี้ มองทังหยางที่เดินเข้ามาจากข้างนอก เอ่ยด้วยเสียงเศร้าว่า “ทำไมจึงมีคนเช่นนี้อยู่ ทำไมจึงมีคนเช่นนี้อยู่ด้วย”

ทังหยางเดินเข้าไปปลอบเสียงเบาว่า “พระชายารัชทายาทอย่าโมโหจนกระทบกับร่างกาย ไม่คุ้มค่า ช่างเถอะ อย่าโมโหเลย เกรงว่าบ่าวรับใช้ที่อยู่ข้างนอกได้ยินเข้าจะเอาไปพูดมาก”

หยวนชิงหลิงนั้นไม่อยากจะโมโหเลย แต่ไฟโมโหกลับพุ่งตรงขึ้นไปจนเกิดเป็นควันพวยพุ่งบนศีรษะแล้ว นางแทบจะแผดเผาตัวนางเองให้ตายไปแล้ว

กลางคืน ตอนที่หยู่เหวินเห้ากลับมาได้ยินทังหยายที่รายงานถึงเรื่องในจวนว่ามีน้องสะใภ้ของเขามาด้วยเสียงเบา เขายังคงนึกว่าเป็นหยวนชิงผิง

แต่ว่า พอเห็นเจ้าหนูตัวน้อยที่อยู่ในห่อผ้า เขาเองก็นิ่งอึ้งไป มองอยู่ชั่วครู่ พูดอย่างรังเกียจว่า “ทำไมจึงเหมือนกับพ่อตาของข้า”

ทังหยางเหลือบมอง กดเสียงลงต่ำพูดว่า “ไม่ค่อยเหมือนเท่าไหร่ เหมือนแค่ที่ดวงตา ”

“ใช่ที่ไหนกัน มองไปแวบเดียว เค้าหน้าอะไรก็เหมือนกันหมด”หยู่เหวินเห้าพูด

“เด็กยังเล็กมากขนาดนี้ จะมองอะไรออก บางทีหลังจากเต็มเดือนแล้วก็เปลี่ยนไป ไม่เหมือนแล้ว”ทังหยางเอ่ยขึ้นอย่างมีความหวังในใจ

หยู่เหวินเห้ารู้สึกว่าทังหยางนั้นหลับหูหลับตามองโลกในแง่ดี

“ท่านกลับไปโน้มน้าวพระชายารัชทายาทก่อนเถอะ นางโมโหแทบทนไม่ได้แล้ว”ทังหยางเอ่ยพลางถอนหายใจ

หยู่เหวินเห้าได้ยิน ก็รีบเดินเข้าไปในห้องนอน

หยวนชิงหลิงกำลังรอให้เขากลับมา ปรึกษากันเรื่องของฉองเอ๋อ

หยู่เหวินเห้าเห็นสีหน้าของนางซีดขาว แม่นมสี่บอกว่านางโมโหจนปวดกระเพาะ กินไม่ลง

หยู่เหวินเห้าให้คนไปต้มโจ๊กข้าวฟ่างมา จากนั้นก็นั่งอยู่ข้างกายหยวนชิงหลิง “ปะทะคารมกับเขาหรือ เขามันตัวอะไร ไม่คุ้มค่าเลย”

หยวนชิงหลิงพิงอยู่กับไหล่ของเขาอย่างเหนื่อยล้า “รู้ว่าไม่คุ้มค่า แต่ก็อดไม่ได้ ใส่ใจมากเกินไป แม้ข้าจะไม่ใช่ลูกสาวแท้ๆของเขา แต่ก็ต้องแบกรับชื่อเสียงฐานะนี้เอาไว้ หวังว่าอย่างน้อยเขาจะสามารถมีชีวิตอยู่เหมือนคนคนหนึ่ง เจ้าห้า เด็กคนนี้ถูกกำหนดว่าไร้แม่แน่แล้ว แม้แต่พ่อก็ไม่มี ช่างน่าสงสารมากนัก”

หยู่เหวินเห้าเป็นพ่อคนครั้งแรก ก็รู้ซึ้งถึงจิตใจในส่วนนี้ของหยวนชิงหลิง เขาเองก็รู้สึกผิดหวังในตัวเจ้าพระยาจิ้งมาก “เด็กไม่มีแม่ แต่ยังมีพี่ชายพี่ชายมิใช่หรือ พวกเราหาทางจัดการให้ดีก็พอ ถ้าเจ้าต้องการให้นางอยู่ที่จวนอ๋อง เช่นนั้นก็ให้อยู่เถอะ ”

“เรื่องนี้ไม่รีบร้อน รอดูก่อนว่าทางจวิ้นจู่จิ้งเหอจะว่าอย่างไร ”หยวนชิงหลิงพูด

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์หมอยาเซียน