มหายุทธ์ สะท้านภพ นิยาย บท 2768

ในบรรดาอัจฉริยะผู้แข็งแกร่งจำนวนมากที่เข้ามาในหอคอยฮวง หงบูเป็นคู่ต่อสู้แข็งแกร่งที่สามารถถูกจัดอยู่ในอันดับหนึ่งในสามได้อย่างแน่นอน

เขามีเส้นปราณหวนบรรพของตระกูลหง ทันทีที่ปลดปล่อยพลังสายเลือดออกมาโดยสิ้นเชิง ศักยภาพจะได้รับการยกระดับที่น่าสยดสยองอย่างยิ่ง

“การที่สหายหงบูสามารถเดินขึ้นมาถึงขั้นนี้ได้นั้น ก็ทำให้ข้ารู้สึกตะลึงมากเช่นกัน”

หลัวซิวก็กำลังเพ่งมองหงบูด้วย เขาเข้าใจดีมาก ๆ ว่าสาเหตุที่ตัวเองสามารถขึ้นมาถึงชั้นห้าของหอคอยฮวงได้นั้น เป็นเพราะอาศัยวิถีไร้ลักษณ์รวมไปถึงประสบการณ์การฝึกตนของชาติปางก่อน

แต่หงบูกลับแตกต่างกัน เขาไม่ใช่ร่างที่ผู้แข็งแกร่งกลับชาติมาเกิด แต่เขาอาศัยสติปัญญาและความพยายามของตนเอง จนเดินขึ้นมาถึงขั้นนี้!

“สหายหลัว ณ ที่แห่งนี้ไม่มีบุคคลที่สาม ไยเราจึงไม่ประลองกันล่วงหน้าเล่า?”

เสี้ยววินาทีที่เห็นหลัวซิว ก็มีปณิธานรบที่มากมายมหาศาลระเบิดออกมาจากตัวหงบู เขาดูเหมือนเป็นการสอบถาม แต่กลับลงมือโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง ร่างกายเคลื่อนไหวทีหนึ่ง กำปั้นก็ม้วนซัดไปทางหลัวซิวจนเสียงดังสะเทือนเลื่อนลั่นแล้ว

กำปั้นของเขากลายเป็นเตาเพลิงที่แผดเผาฟ้าดิน พลานุภาพมากล้นจนไม่อาจเทียบเคียง

“สหายหงอดใจรอแทบไม่ไหวเช่นนี้ ข้าก็อยากรู้เช่นกันว่าสหายหงตระหนักรู้ธรรมเวชกาลร้างได้ถึงระดับใด”

เมื่อเผชิญหน้ากับพลังโจมตีอันดุดันของหงบู หลัวซิวไม่ได้หลบหลีกเลยแม้แต่น้อย ง้างมือแล้วปล่อยฝ่ามือออกไปต้านรับ

ตู้มม!

กำปั้นและฝ่ามือพุ่งชนกัน ปริภูมิในชั้นห้าของหอคอยฮวงสั่นสะเทือน คลื่นพลังที่ระเบิดออกมาจากการประมือของหลัวซิวและหงบู น่ากลัวกว่าเทพมารระดับเก้าสองคนประมือกันเสียอีก แต่ทว่าต่อให้คลื่นพลังที่พวกเขาทั้งสองคนประมือกันจักรุนแรงมากเพียงใด ก็ไม่มีทางทำให้พื้นที่ภายในหอคอยฮวงสะทกสะท้าน

หลัวซิวก้าวออกไปหนึ่งก้าว ก่อนจะปรากฏตรงหน้าหงบูภายในพริบตา อาศัยการปลุกเสกจากเกณฑ์ปริมภูมิและความเร็ว เขาเป็นฝ่ายโจมตีทีหลังแต่กลับเป็นฝ่ายได้เปรียบโดยสิ้นเชิง เป็นฝ่ายรุกของการต่อสู้ในครั้งนี้ และเป็นผู้ควบคุมจังหวะในการต่อสู้

เขาใช้ฝ่ามือเป็นดาบ ผ่าสนามปราณที่หงบูผนึกรวมออกมาทิ้งทันที ดาบฝ่ามือที่ดูเรียบง่ายนี้ แท้จริงแล้วมีความล้ำลึกของวิชาทะยานเซียนแฝงซ่อนอยู่ด้วย

“ดีมาก! สหายหาย ศักยภาพของเจ้ายิ่งแข็งแกร่งมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งทำให้ข้าตื่นเต้นดีใจมากเท่านั้น!”

หงบูแหงนหน้าขึ้นฟ้าหัวเราะดังลั่น เส้นผมยาวปลิวลอย เห็นเพียงพลังเวทย์ที่อยู่บนตัวเขาเดือดพล่าน แล้วกลายเป็นไฟที่ลุกโหมไปทั่วท้องฟ้า มีเปลวไฟที่ไร้ขอบเขตลุกโชนออกมาจากเตาเพลิง เหมือนดั่งพระอาทิตย์หนึ่งดวง!

“ทะเลไฟอวตาร!”

เตาเพลิงเปิดออก อัคคีเทพที่ไร้ขอบเขตพรั่งพรูลุกลามออกมา เปลวไฟประเภทนี้ไม่ใช่เปลวไฟจากเกณฑ์อัคคีเทพทั่วไป แต่เป็นอัคคีเต๋าที่ฝึกออกมาจากธรรมเวชกาลล้น

“ธรรมเวชกาลล้นหรือ?”

แววตาของหลัวซิวเป็นประกายขึ้น ๆ ลง ๆ ตั้งแต่ตระหนักรู้ความล้ำลึกของธรรมเวชกาลร้างที่นี่เป็นต้นมา เขาก็รู้สึกสนใจธรรมดั้งเดิมอีกเจ็ดประเภทที่เหลือมากยิ่งขึ้น วินาทีนี้เมื่อเห็นธรรมอีกประเภทหนึ่งนอกจากธรรมเวชกาลร้างแล้ว จึงรู้สึกอยากรู้อยากลองอย่างอดไม่ได้

หากบอกว่าธรรมเวชกาลร้างเป็นสัญลักษณ์ขั้นสูงสุดของวิถีแห่งการกลั่นร่างเนื้อ เช่นนั้นธรรมเวชกาลล้นก็เป็นสัญลักษณ์ของการกลั่นแปร!

เมื่อฝึกธรรมเวชกาลล้นจนขึ้นไปถึงแดนบริบูรณ์ขั้นสูงสุด ก็จะสามารถกลั่นแปรทุกสรรพสิ่ง และยิ่งสามารถกลั่นแปรดาราจักรวาลให้ละลายได้ด้วย!

ซึ่งอัญสมบัติแห่งโลกท่วมท้นก็คือเตาเพลิงธรรมหนึ่งเตา! มีตำนานเล่าขานกันว่าเตาเพลิงธรรมเคยกลั่นแปรห้วงดาราแห่งหนึ่ง และโลกท่วมท้นที่บรรพบุรุษตระกูลหงบุกเบิกออกมานั้น ก็อาศัยพลังแห่งเตาเพลิงนี่แหละ!

“แสงเทวไร้มลทิน!”

หลัวซิวใช้วิถีไร้ลักษณ์วิวัฒนาการ มีแสงเทวเปล่งปลั่งอยู่รอบกาย ดูแล้วเหมือนมีพลานุภาพของร่างเทวไร้มลทินที่สวีเซิ่งเจี๋ยใช้ สรรพวิชาไม่อาจทำอะไรได้

ซึ่งในความเป็นจริงสิ่งที่เขาใช้คือสรรพวิถีล้วนว้าง อัคคีเต๋านับไม่ถ้วนที่ม้วนซัดมาล้วนถูกแสงเทวต้านทานอยู่ภายนอก ไม่สามารถประชิดใกล้ร่าง

แม้ร่างเนื้อจะบรรลุถึงร่างราชาเทพระดับเก้าช่วงปลาย หลัวซิวก็ไม่มั่นใจว่าจะสามารถต้านทานการแผดเผาของอัคคีเต๋าอหังการของหงบูได้

“ทะยานเซียน!”

หลัวซิวง้างมือคว้ากระบี่ร่องฟ้าขึ้นมา แสงกระบี่ดวงหนึ่งพุ่งทะลวงทุกสรรพสิ่ง ฉีกกระชากอนัตตา และยิ่งเฉือนสับจนเกิดเป็นเพลาไหลรวย ทุกสรรพสิ่งล้วนนิ่ง

“อำนาจล้นเต๋า!”

อัคคีเต๋าที่ไร้ขอบเขตโคจร แล้วกลายเป็นระลอกคลื่น แสงกระบี่ของทะยานเซียนสับลงบนระลอกคลื่น ไม่นึกเลยว่าจะสร้างความเสียหายไม่ได้เลยแม้แต่น้อย เสียงเตี๊ยงดังขึ้น ก่อนจะถูกดีดจนกระเด็นออกไป

“หลัวซิว หากศักยภาพของเจ้ามีเพียงแค่นี้ละก็ เจ้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของข้า!”

หงบูเดินตรงมาอยู่บนกลางอากาศที่ว่างเปล่า มีอัคคีเต๋าลอยวนเป็นเกลียวอยู่รอบกาย บนฝ่ามือรองเตาเพลิงหนึ่งเตา เห็นได้ชัดเจนเลยว่าเป็นของเลียนแบบที่กลั่นโดยอ้างอิงจากอัญสมบัติเตาเพลิง แต่ก็แตกต่างจากเตาเพลิงที่แท้จริงอยู่ ซึ่งมีความเข้าใจและการตระหนักรู้ในวิถียุทธ์ของตัวหงบูเองแฝงอยู่ภายใน

ไม่เพียงแค่นี้เท่านั้น หงบูยังหลอมรวมผสมผสานธรรมเวชกาลล้นเข้ากับธรรมเวชกาลร้างที่เขาตระหนักรู้ได้ในหอคอยฮวงด้วย

“หงฮวง(ล้นร้าง)!”

เตาเพลิงเตาหนึ่งกดอัดไปทางหลัวซิว จากนั้นก็มีหอคอยฮวงปรากฏอีกหนึ่งหลัง มีธรรมดั้งเดิมอย่างหงและฮวงสองประเภทปะปนอยู่ พลังรุนแรงมากมายมหาศาล

“สหายหงเป็นอัจฉริยะปรีชาสามารถจริง ๆ ด้วย ผสมผสานธรรมอย่างหงและฮวงสองประเภทเข้าด้วยกัน สามารถพูดได้เลยว่าเป็นสิ่งที่ไม่เคยมีมาก่อน”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ