มหายุทธ์ สะท้านภพ นิยาย บท 152

นางยกมือเรียวสวยขึ้น เปลวเพลิงปะทุ กลายเป็นดาบเพลิงขนาดใหญ่ราวสามร้อยเมตร และตัดเข้าไปในกรงเปลวไฟ

ฉึก!

เลือดพุ่งกระฉูดราวกับธนู หัวมหึมาตกลงมาจากกลางอากาศ เลือดอสูรกายสีม่วงกระเซ็นก็เหมือนกับน้ำ ร่างไร้วิญญาณของมังกรเจียวเขาเดียวเกล็ดม่วง กระแทกลงบนพื้นอย่างแรง ละอองฝุ่นดินกระจายฟุ้งขึ้นเต็มท้องฟ้า

เมื่อเห็นมังกรเจียวเขาเดียวเกล็ดม่วงถูกฆ่าตายแล้ว ในที่สุดหลัวซิวก็สามารถหายใจได้เต็มปอด แอบคิดอยู่ในใจว่าตนไม่นั้นไม่ต้องตายแล้ว ในเวลาเดียวกันเขาก็รู้สึกประหลาดใจไม่น้อย ที่เหยียนเยว่เอ๋อร์ใช้เวลาเพียงชั่วครู่ แต่กลับสามารถฟื้นฟูพลังได้มากขนาดนี้

แต่ความคิดนั้นเพิ่งผุดขึ้นมาได้ไม่นาน เหยียนเยว่เอ๋อร์ที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาก็พลันอ่อนแรง ล้มลงบนร่างของเขา

ใบหน้าของนางซีดขาวราวกับกระดาษ ผิวที่ขาวราวกับหิมะของนางแตกออกและมีเลือดไหลออกมาไม่หยุด

ถึงแม้ว่าตนแทบจะไม่มีแม้แต่แรงขยับนิ้ว แต่หลัวซิวกลับใช้ลูกแก้วความเป็นตาย เพื่อให้รู้สึกได้ว่าพลังของเหยียนเยว่เอ๋อร์กำลังทรุดตัวลงอย่างต่อเนื่อง

เห็นได้ชัดว่า พลังของนางนั้นไม่ได้ถูกฟื้นฟู แต่เป็นการฝืนร่างกายที่บาดเจ็บสาหัส ฆ่ามังกรเจียวเขาเดียวเกล็ดม่วง โดยไม่คำนึงถึงผลที่ตามมา

“เพียงเพราะช่วยข้าหรือ?”

หลัวซิวจิตใจสั่นไหวเล็กน้อย

ความคิดที่ดูเหมือนจะบ้าๆ บอๆ ผุดขึ้นในใจ หลัวซิวฝืนความบาดเจ็บบนร่างกายที่ให้แทบจะขาดใจไว้ เขาอุ้มเหยียนเยว่เอ๋อร์ขึ้น และออกไปจากที่นี่อย่างรวดเร็ว

ที่นี่มีการต่อสู้เกิดขึ้น อาจจะทำให้เหล่าอสูรกายฝึกจิตตัวอื่น ๆ ที่อยู่ในแดนใกล้เคียงตื่นตะหนก แค่ถูกข่มขู่โดยความดุร้ายของ มังกรเจียวเขาเดียวเกล็ดม่วง แม้จะปลอดภัยไปสักระยะ แต่ก็ไม่ใช่วิธีแก้ปัญหาระยะยาว

หลัวซิวที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสเป็นทุนเดิม กับความคิดบ้า ๆ เหมือนหวนคืนสู่แสงสว่าง ฝืนอุ้มอีกร่างที่บาดเจ็บหนีออกมาก แต่กลับได้หนีไปไกลสักเท่าไร ก็เกิดกระอักเลือดขึ้นมา ดวงตาทั้งสองพลันมืดมัวและล้มลงบนพื้น

บาดแผลนั้นรุนแรงมากขึ้น อีกทั้งผลการฝึกตนถูกใช้จนหมดสิ้น เป็นไปไม่ได้ที่จะใช้พลังแห่งชีวิตเพื่อซ่อมแซมเส้นชีวิตที่เสียหาย

แต่ในสถานการณ์ที่สิ้นหวังนี้ ในสภาพจิตใจที่เหนื่อยล้าของหลัวซิว แต่กลับไม่หยุดที่จะสร้างภาพดั้งเดิมทั้งเก้าของวงล้อชีวิตแห่งเหล่าเทวเทพ

สติที่ง่วงซึมรู้สึกถึงกระแสลึกลับที่ไม่รู้จบ วงล้อชีวิตแห่งเหล่าเทวเทพได้เงียบและหยุดลงเนื่องจากความอ่อนล้าของผลการฝึกตนถูกใช้จนหมดสิ้น ทันใดนั้นท่ามกลางจุดตันเถียนก็เกิดไหลเวียนขึ้นมา พ่นพลังแห่งชีวิตและความตายที่บริสุทธิ์ออกมา!

ความตายที่ดีที่สุด คือการมีชีวิตต่อ!

ในขณะที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสและกำลังจะตายนั้น ตราบใดที่ความคิดหนึ่งยังไม่ตาย ก็จะสามารถร้องขอชีวิตให้โลกหลังความตาย แตกสลายและยืนหยัดขึ้นได้!

“ผู้สืบทอดที่อ่อนแอ ปลุกพลังอมตะเหนือธรรมชาติ?”

ในลูกแก้วความเป็นตาย ความตกใจปรากฏขึ้นในน้ำเสียงของเทพแห่งวัฏจักรชีวิต เดิมทีมักจะไม่แยแสต่อคนทั่วไป แต่กลับแสดงอารมณ์ออกมา

“สามารถปลุกพลังเหนือธรรมชาติลำดับหนึ่งที่แดนพรสวรรค์ได้ นับเป็นโอกาสที่ดีทีเดียว” เทพแห่งวัฏจักรชีวิตพึมพำกับตัวเอง จากนั้นจึงได้กลับมานิ่งเฉยเหมือนดังเก่า

ผู้สืบทอดทุกคนที่เขาได้ประสบพบเจอ ต่างได้ปลุกพลังแห่งความเป็นอมตะขึ้น แต่ที่เทพแห่งวัฏจักรชีวิตตกใจนั้น คือผู้สืบทอดรุ่นนี้สามารถปลุกความสามารถนี้ได้ที่แดนพรสวรรค์

ผู้สืบทอดคนก่อน ๆ คนที่เก่งกาจที่สุด ก็สามารถปลุกพลังอมตะที่แดนจักพรรดิยุทธ์ได้

พลังเหนือธรรมชาติ พลังจิต! กักเก็บความลึกลับที่คนธรรมดาไม่เข้าใจ เป็นปริศนา!

พลังอมตะที่เรียกว่า ตราบใดที่ยังมีลมหายใจ ก็จะไม่มีวันตาย อีกทั้งวงล้อชีวิตแห่งเหล่าเทวเทพจะทำงานด้วยตัวเอง เพื่อฟื้นฟูจากอาการบาดเจ็บ สามารถแตกสลายและยืนหยัดขึ้นใหม่ พลังก็จะแข็งแกร่งยิ่งขึ้น

แต่หากผู้สืบทอดของลูกแก้วความเป็นตายต้องการปลุกพลังอมตะเหนือธรรมชาตินี้ จำเป็นต้องยอมรับเงื่อนไขสองข้อ

ประการแรกคือสถานการณ์ใกล้ตาย ประการที่สอง มีจิตตานุภาพที่แข็งแกร่ง สามารถปลดปล่อยศักยภาพจากภายใน ด้วยวิธีนี้เท่านั้นที่สามารถบรรลุเงื่อนไขสำหรับการปลุกพลังอมตะเหนือธรรมชาติ

ก่อนนี้หลัวซิวเกิดความคิดบ้าระห่ำ เจตจำนงที่จะบังคับร่างที่บาดเจ็บให้ออกจากลานต่อสู้ ทำให้สามารถบรรลุเงื่อนไขสองประการได้โดยไม่ตั้งใจ

การหมดสติ เป็นการป้องกันตนเองจากจิตใต้สำนึกเมื่อได้รับบาดเจ็บสาหัส

วงล้อชีวิตแห่งเหล่าเทวเทพทำงานด้วยตัวเองภายในจุดตันเถียน อาการบาดเจ็บของเขาจึงเริ่มฟื้นฟูขึ้นด้วยความรวดเร็ว

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ