กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ นิยาย บท 464

กู้ชูหน่วนยิ้มอย่าจำใจจนปัญญา นางยอมปล่อยให้เขาจับมือเล็ก ๆ ของนางไว้ จากนั้นพากันกลับด้วยสายตาที่อิจฉาและแปลกใจของคนมากมาย

ภายในจวนหานอ๋อง

เยี่ยจิ่งหานไม่รู้ว่าให้คนเตรียมโต๊ะอาหารอันโอชะไว้เมื่อใด กู้ชูหน่วนกวาดสายตามอง มีทั้งหมดยี่สิบแปดอย่าง และจานอาหารแต่ละชนิดล้วนเป็นอาหารจานโปรดของนาง ดูออกเลยว่าเยี่ยจิ่งหานใช้ใจ

ระหว่างการเดินทางที่ขรุขระเป็นหลุมเป็นบ่อ นางก็หิวจนท้องไส้ร้อง พอเห็นแบบนี้นางเลยหยิบตะเกียบขึ้นมากินคำใหญ่คำโตอย่างไม่สนใจสิ่งอื่นแล้ว

เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ที่รัดพัวพันอยู่บริเวณข้อมือได้กลิ่นความหอมหวลของเนื้อ มันจึงกระโดดขึ้นและมองดูโต๊ะที่เต็มไปด้วยอาหารอย่างตะกละตะกลาม

กู้ชูหน่วนเห็นปากของมัน หางยกขึ้นสะบัด จึงยกมันขึ้น กล่าวว่า“ข้ากินข้าว เจ้างูน้อยอย่าวอแวเข้ามา”

“ซือซือ…..นายท่าน ข้าหิวแล้ว”

“เจ้าควรบอกข้า มีวันไหนที่เจ้าไม่หิวบ้าง”

“เยอะขนาดนี้ ท่านก็กินไม่หมดหรอก ให้ข้ากินด้วยนะ ดูสายตาที่น่าสงสารของข้าสิ”

“ไปได้แล้ว แกล้งทำตัวน่าสงสารให้มันน้อยหน่อย”

กู้ชูหน่วนทิ้งมันออกไปทันที

ตั้งแต่ออกมาจากเผ่าหยก นางไม่ได้กินเนื้อสักคำ ทั้งหมดเติมเต็มในท้องมันหมด

นอกจากนี้ ตั๋วเงินที่นางนำมาได้ซื้อเนื้อให้มันทั้งหมด แม้กระทั่งเสื้อผ้าและเครื่องประดับของนางก็จำนำซื้ออาหารให้มัน ดังนั้นนางจึงใช้ตั๋วเงินไม่กี่ตำลึงเพื่อซื้อเสื้อผ้าเนื้อผ้าหยาบกร้านมาสวมใส่ เลยถูกคนลวนลามคิดว่านางเป็นลูกคนยากจน

เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ส่งเสียงซือซือปีนป่ายขึ้นมาอีกครั้ง มันเตรียมตัวจะแอบกินเนื้อตอนที่กู้ชูหน่วนเผลอไผล

แต่ทว่ากลับคิดไม่ถึงเลยว่า หางของมันจะถูกดึงยกขึ้นอีกครั้ง

ครั้งนี้คนที่ดึงมันไม่ใช่กู้ชูหน่วน แต่เป็นเยี่ยจิ่งหาน

เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์โมโหมาก จึงหันไปแยกเขี้ยวยิงฟันใส่เยี่ยจิ่งหาน

นายท่านของมันดึงหางก็ไม่เป็นไร แม้แต่คนโง่ไร้สติผู้นี้ก็กลั่นแกล้งมันด้วย

มันเป็นเจ้าแห่งสัตว์ร้าย ราชางูเชียวนะ

“ซือซือซือ……”

เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ดิ้นรนขัดขืน แต่ชายที่อยู่ตรงหน้าไม่รู้ว่ามีพละกำลังมาจากไหน เพียงแค่จับ ความแข็งแกร่งที่มีมาแต่ดั้งเดิมของมันยังไม่สามารถดิ้นหลุดออกมาได้เลย

เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์เดือดดาลเป็นที่สุด กำลังคิดที่จะเปลี่ยนเป็นงูเหลือมยักษ์ ทันใดนั้นได้ยินเยี่ยจิ่งหานกล่าวขึ้นว่า

“เจี้ยงเสวี่ย ไปเอาหมูย่างสิบตัวมาให้เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์กิน”

ใบหน้าที่ทุกข์ระทมของเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์เปลี่ยนเป็นยิ้มแย้มโดยทันใด

มันเปล่งเสียงซือซืออยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นกล่าวชื่นชมว่า“คนดี คนดีเสียจริง”

กู้ชูหน่วนเหลือบมองเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ ปากกล่าวออกมาว่า“ไม่มีจิตใจที่เข้มแข็งหยิ่งทรนง”

“ซือซือ…..นายท่าน ข้าเป็นงู ไม่ต้องมีจิตใจเข็มแข็งหยิ่งทรนงหรอก”

“เจ้าไปได้แล้ว ออกไปข้างนอกอย่าบอกว่ารู้จักข้า ข้าอายคน”

ซือซือซือ……

เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์กวัดแกว่งหางอย่างมีความสุข แล้วเลื้อยขึ้นบนร่างกายของเจี้ยงเสวี่ย เพื่อตามเขาไปกินหมูย่าง

ตอนที่กู้ชูหน่วนยังไม่กลับมา เยี่ยจิ่งหานเตรียมคำพูดไว้มากมาย แต่พอเห็นนางกินอาหารอย่าตะกละตะกลาม ท่าทางอิดโรย ก็ไม่รู้ว่านางไม่ได้กินดีอยู่ดีมากี่วันแล้ว เพราะฉะนั้นความโกรธเลยแปรเปลี่ยนเป็นเห็นอกเห็นใจ

เขากล่าวด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาว่า“กินช้าๆ ไม่มีผู้ใดแย่งหรอก”

ชิงเฟิงเกือบจะล้มลง

เขานึกว่าตนเองได้ยินผิด

ตอนที่พระชายายังไม่กลับมา นายท่านไม่ใช่พูดอยู่ตลอดว่าจะสับให้ละเอียดเป็นชิ้นๆเลยหรือ?

แม้ว่าการสับละเอียดเป็นชิ้นๆจะดูเกินจริงไปสักหน่อย

แต่ทว่านายท่านเดือดดาลมากเป็นเรื่องจริง

เขานึกว่า ตอนที่พระชายากลับมาจะต้องน่วมเละหมดสภาพแน่

แต่ตอนนี้…..

นี่คืออะไรกัน?

นายท่านแกะกุ้งให้พระชายาเองด้วย พร้อมกับเช็ดคราบนั่นนี่ที่ปากให้......

นี่ๆๆๆๆๆ…….

สรุปว่าผู้ใดคือนายท่าน?

เป็นอย่างนั้นจริงๆ ที่คนอื่นบอกว่าเมื่อชายหนุ่มมีภรรยาแล้วจะแปรเปลี่ยนไป คำกล่าวพูดนี้ไม่ผิดเลยสักนิดหนึ่ง

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์