คืนวิวาห์ไร้ใจ นิยาย บท 13

Chapter 13 ตรวจร่างกาย

“นั่นอย่างไรเล่า เจ้าจึงได้เป็นลมล้มพับไป เด็กคนนี้นี่น่าตีนักเชียว”

ผู้เป็นมารดาของสามีสะบัดพัดคู่ใจไปมาแล้วส่ายหน้า เมื่อเห็นสีหน้าสำนึกผิดของอีกฝ่ายก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจพรืดแล้วยื่นมือไปลูบที่ศีรษะของฉานอิงด้วยความเอ็นดู

“เด็กดื้อ เจ้ารู้ใช่หรือไม่ว่าป้ารักเจ้าราวกับเลือดเนื้อเชื้อไขในอกแท้ๆ ป้าเห็นเจ้ามาตั้งแต่เจ้ายังอยู่ในครรภ์มารดา เฝ้าดูเจ้าเติบใหญ่จนเป็นสาวงามพรั่งพร้อม ไม่ว่าเจ้าจะทุกข์หรือสุข ก็ขอให้เจ้าเชื่อใจป้าคนนี้ เชื่อว่าป้าคนนี้มีแต่ความรักและความหวังดีให้เจ้าเสมอมา”

ฉานอิงน้ำตาคลอ ขยับกายแล้ววางศีรษะลงบนตักอบอุ่นของหญิงสูงวัยด้วยความรัก นางกำพร้ามารดาตั้งแต่เล็ก นับตั้งแต่จำความได้ก็มีท่านป้าจงอิงที่คอยห่วงใยถามไถ่ทุกข์สุขเรื่อยมา

“และป้าคนนี้ยังเฝ้ารอด้วยความหวัง ที่จะได้ยินเจ้าเรียกข้าว่า ‘แม่’ จะรอจนกว่าเจ้าจะพร้อม”

เพียงได้ยินเท่านั้นฉานอิงก็น้ำตาไหล รู้สึกราวกับมีก้อนแข็งแล่นขึ้นมาจุกที่ลำคอ สองแขนเล็กเลื่อนไปโอบรอบเอวของหญิงสูงวัยเอาไว้แน่น

“เด็กขี้แย โตเป็นสาวจนออกเรือนแล้วยังจะร้องไห้อยู่อีก” ประมุขหญิงสกุลโจวหัวเราะออกมาด้วยความเอ็นดู แสร้งทำเป็นตำหนิอย่างไม่จริงจังนัก ก่อนจะโน้มตัวลงไปโอบกอดเด็กสาวเอาไว้ด้วยความรัก

อู่ฉานอิงไม่ได้ตอบสิ่งใด แต่กลับซุกหน้าลงกับตักอุ่นแล้วปล่อยให้น้ำตารินไหลเป็นสาย

การแต่งงานที่นางตั้งแง่เดียดฉันท์นั้น ใช่ว่าจะเลวร้ายไปเสียทุกอย่าง ด้วยนางรู้แจ้งแก่ใจว่าท่านป้าจงอิงและท่านลุงห้าวยุ่นนั้นเป็นคนดี

โจวห้าวยุ่นแม้จะเคยเป็นอดีตเพื่อนรักกับบิดาของนางก็จริง แต่สองคนนี้กลับมีนิสัยแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง บิดาของนางนั้นเป็นคนร่าเริง มุทะลุ และเอาแต่ใจ ทว่าห้าวยุ่นเป็นชายสูงวัยที่พูดน้อย ชอบอ่านตำรา ไม่ใคร่สุงสิงกับผู้ใดมากนัก

จึงทำให้เป็นที่ประหลาดใจมาโดยตลอดว่า อดีตสองเพื่อนรักแตกคอกันด้วยเรื่องใด ตัวนางเองจากที่ไม่เคยสงสัยเพราะมีอคติกับโจวจือหยวนเป็นทุนเดิม ทว่าเมื่อย่างเท้าเข้ามาเป็นสะใภ้สกุลโจวก็อดไม่ได้ที่จะฉุกใจสงสัย

“อะแฮ่ม...อะไรกัน นี่ข้าถูกแย่งมารดาไปแล้วหรือ”

เสียงทุ้มยียวนแทรกขัดจังหวะจนทำให้คนตัวเล็กรีบใช้หลังมือเช็ดหยาดน้ำตา แล้วลุกขึ้นจากการนอนหนุนตักท่านป้าจงอิงทันที

“จะเข้ามาควรจะเคาะประตูก่อน นี่ลูกชายของข้ากลายเป็นคนไร้มารยาทไปได้อย่างไร”

จงอิงแสร้งหน้าตึงเอ็ดบุตรชายเสียงเขียว ซึ่งนั่นทำให้ลูกสะใภ้ถึงกับยิ้มกว้างจนตาเล็กหยีด้วยความพอใจ ยิ่งเห็นคนตัวโตโดนมารดาดุจนใบหน้าเปลี่ยนสี นางก็ถึงกับหัวเราะคิกออกมาอย่างกลั้นเอาไว้ไม่อยู่

“โถ่...ท่านแม่ขอรับ”

‘สม! น้ำ! หน้า!’

พอได้ทีฉานอิงก็ขยับริมฝีปากค่อนแคะผู้เป็นสามีโดยไม่ออกเสียง คนตัวโตกว่าเห็นท่าทางทะเล้นของภรรยาก็ถึงกับอมยิ้ม เพราะนั่นแสดงว่าอาการปวดศีรษะของนางคงหายไปจนหมดสิ้นแล้ว จึงได้เริ่มสำแดงเดชเช่นนี้

“มาก็ดีแล้ว เดี๋ยวแม่จะเข้าครัวไปเตรียมแกงร้อนๆ มาให้ เจ้าต้องอยู่ดูแลอิงเอ๋อร์ให้ดี”

“อะ...เอ่อ” หญิงสาวกำลังจะร้องห้าม ทว่าผู้เป็นสามีกลับขานรับขึ้นมาทันควันด้วยใบหน้ากรุ้มกริ่ม

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: คืนวิวาห์ไร้ใจ