Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ นิยาย บท 1226

ซากปรักหักพังแถบหนึ่งทรุดโทรมเสื่อมถอยถ้วนทั่ว

ราวกับว่านานมาแล้วที่นี่เคยเกิดการต่อสู้สะเทือนใต้หล้ามาก่อน ทำให้กลายเป็นเศษซากโบราณสถานที่หลงเหลือมาจนทุกวันนี้

และตอนนี้บนซากปรักหักพังนี่ก็มีตำหนักสีดำหลังหนึ่งตั้งตระหง่าน ปกคลุมด้วยกลิ่นอายเวิ้งว้างที่เดี๋ยวปรากฏเดี่ยวเลือนราง

มันไม่ได้สูงใหญ่ แต่กลับมีลักษณะพลังที่ทำให้รู้สึกสูงส่งสง่างาม ประหนึ่งตั้งตระหง่านอยู่ตรงนั้นมานับแต่โบราณ ไม่เคยเคลื่อนย้ายเพียงเสี้ยว

นี่คงเป็นตำหนักนรกเทพโดยไม่ต้องสงสัย!

เมื่อหลินสวินมาถึงก็ทยอยมีผู้ฝึกปราณเร่งตามมาทีละคน

เห็นได้ชัดว่าเป็นผู้ฝึกปราณที่โชคดีรอดจากมหาเคราะห์นั้นมาได้เหมือนกับหลินสวิน จำนวนไม่ได้มาก

ประตูใหญ่ของตำหนักนรกเทพเปิดออกแล้ว ภายในมืดมิดไร้ขอบเขต มองเห็นอะไรไม่ชัด

แต่นี่กลับไม่อาจขวางหนทางของเหล่าผู้แข็งแกร่งที่อยากเข้าไปข้างในได้

เหตุผลนั้นง่ายมาก นี่เป็นถึงศุภโชคเย้ยฟ้าที่ผนึกมาหมื่นสมัย!

ต่อให้รู้ดีว่ามีอันตรายพลิกฟ้าซ่อนอยู่ แต่ใครเล่าจะยอมแพ้

ยิ่งไปกว่านั้นผู้แข็งแกร่งที่สามารถรอดมาจนถึงที่นี่ได้ ไม่มีสักคนที่เป็นคนธรรมดา!

คนไม่น้อยสังเกตเห็นหลินสวินแล้วทำหน้าระแวดระวัง

และเมื่อเห็นว่าหลินสวินแค่ยืนอยู่ตรงนั้นไม่เข้าไปในตำหนักนรกเทพ ก็ทำให้พวกเขานอกจากจะระวังตัวแล้วยังอดสงสัยไม่ได้

แต่ไม่ช้าพวกเขาก็ไม่สนใจสิ่งเหล่านี้ พุ่งเข้าไปในตำหนักนรกเทพ

‘ทำไมพวกเจ้าคางคกยังไม่ปรากฏตัว หรือจะเข้าไปในตำหนักก่อนที่ข้าจะมาถึงแล้ว’

หลินสวินรออยู่นานก็ไม่เห็นร่องรอยของพวกเจ้าคางคกจึงอดไม่ได้ที่จะสงสัยอยู่บ้าง

ใคร่ครวญครู่หนึ่งเขาก็มาอยู่หน้าหินผาที่แตกหัก นิ้วมือเฉือนลงบนนั้นสลักข้อความไว้บรรทัดหนึ่ง ก่อนฝังมันลงบนพื้นข้างตำหนัก

จากนั้นเขาสูดหายใจลึก ก้าวเข้าไปในตำหนักนรกเทพ

ในประตูตำหนักมืดสนิท ยื่นมือมองไม่เห็นนิ้วทั้งห้า

แต่เมื่อเข้าไปข้างในกลับมีอีกโลกหนึ่ง ปรากฏเป็นโบราณสถานที่ทรุดโทรม

ภายในมีศาลา พลับพลา แท่นบูชา ทางระเบียงโค้ง และมีสวนโอสถ โรงเลี้ยงสัตว์ แปลงดอกไม้…

แต่ทั้งหมดล้วนผุพัง เงียบสงัดราวป่าช้า กลายเป็นซากปรักหักพัง

อีกทั้งทุกหนแห่งยังทิ้งร่องรอยการต่อสู้ มีรอยฝ่ามือ รอยดาบ คราบเลือดที่เกรอะกรัง ไม่ดับสลายตามการกัดกร่อนของกาลเวลาไร้สิ้นสุด เห็นได้ว่าน่าอัศจรรย์ยิ่งนัก

หลินสวินกวาดสายตามองยังไม่ทันครบ คลื่นลมรุนแรงหนึ่งก็จู่โจมเข้ามา!

ฟุ่บ!

นี่คือมีดบินเล่มหนึ่ง ลักษณะคล้ายกระสวย ดำสนิทตลอดเล่ม ดุดันราวสายฟ้าสีดำ เร็วจนคาดไม่ถึง

ดวงตาของหลินสวินพลันหรี่ลง เพียงดีดนิ้วเบาๆ มีดบินก็แตกละเอียดเสียงดังปัง

แต่เหนือความคาดหมายของหลินสวิน ชั่วพริบตารอบตำแหน่งที่เขายืนอยู่ก็ปรากฏดาบศึกหนึ่งเล่ม กระถางสมบัติหยกขาวหนึ่งใบ กระบี่เทพหนึ่งเล่ม ตีขนาบเข้ามาพร้อมกัน!

ดาบศึกดุจห้อทะยาน แสงมรรคพลุ่งพล่านทั่ว กระถางสมบัติเปล่งสัญลักษณ์เจิดจ้ากำราบทั่วทิศ กระบี่เทพเผยวิชาอัศจรรย์เฉียบคมหาใดเปรียบ

การจู่โจมกะทันหันเช่นนี้ประสานกันอย่างแนบสนิทไร้ช่องโหว่ ปิดทางหนีทั้งหมดของหลินสวิน!

ไม่จำเป็นต้องสงสัย คู่ต่อสู้ไม่ได้มีแค่คนเดียว อีกทั้งพลังต่อสู้ยังแข็งแกร่งยิ่ง ร่วมมือกันราวกับนัดแนะมาแล้ว

น่าเสียดาย พวกเขาประเมินความน่ากลัวของหลินสวินต่ำไป!

หลินสวินไม่หลบหลีก ยื่นมือออกไปคว้าดาบศึกที่พุ่งเข้ามาแล้วส่งแรงผ่านปลายนิ้ว ซัดพลังราวภูเขาถล่มทะเลคำรามออกไป

เปรี๊ยะ!

เสียงแตกหักดังขึ้น ดาบศึกเล่มนี้แม้ไม่ใช่ยอดศาสตรามรรคราชันทว่าก็ไม่ต่างกันเท่าไร แต่เวลานี้กลับถูกหลินสวินจับหักในคราเดียว

ในความมืดเสียงตกตะลึงดังขึ้น เงาร่างหนึ่งถอยร่นออกไปราวภูตผี

ตูม!

พร้อมกันนี้การจู่โจมอื่นก็บีบใกล้เข้ามา แต่ทั่วร่างหลินสวินแสงมรรคเจิดจ้าแถบหนึ่งไหลวน แปลงเป็นสัญลักษณ์อักษรเคราะห์ทีละตัวแล้วกระจายออกไปทันที

อันดับแรกเป็นกระถางสมบัติหยกขาวที่ถูกกำราบก่อน ส่งเสียงคร่ำครวญเสียดหูแล้วระเบิดกระจายกลายเป็นละอองแสงทั่วฟ้า

ต่อมาก็เป็นกระบี่เทพเล่มนั้นที่ถูกสะบั้นทีละชุ่น!

อีกทั้งสัญลักษณ์อักษรเคราะห์ยังแผ่พลังม้วนพัดออกไป เปี่ยมอานุภาพราวไม่มีสิ่งใดทำลายไม่ได้

ผู้แข็งแกร่งที่ซ่อนตัวอยู่ในความมืดพลันหน้าเปลี่ยนสี เบี่ยงตัวถอยร่นห่างออกไป

พวกเขาต่างรู้ว่าเจอของแข็งเข้าให้แล้ว!

นัยน์ตาดำหลินสวินราวอสนี ยื่นกรงเล็บผ่านอากาศสำแดงพลังผนึกป้าเซี่ยออกไป

“บัดซบ!”

ชายหนุ่มชุดเทาคนหนึ่งแข็งทื่อไปทั้งตัว ไม่อาจขยับเขยื้อนราวหนอนแมลงที่ติดอยู่ในใยแมงมุม ตกใจจนสบถออกมา

พรูด!

แต่ไม่นานร่างกายเขาก็ระเบิดออกกลายเป็นฝนโลหิตพร่างพรม

ตอนนี้พลังของผนึกป้าเซี่ยบรรลุถึงขั้น ‘แปลงมังกร’ แล้ว ทรงพลังกว่าแต่ก่อนไม่ใช่แค่เท่าตัว สังหารคู่ต่อสู้ธรรมดาแทบไม่ต้องเปลืองแรงเลย

“แย่แล้ว!”

ทิศทางอื่นยังมีเงาร่างอีกสามคนกำลังหลบหนี เมื่อสังเกตเห็นภาพนี้ก็หนาวเยือกไปทั้งใจ ตกใจจนวิญญาณแทบหลุดออกมา

ก่อนหน้านี้พวกเขาดักซุ่มอยู่ที่นี่ อาศัยการร่วมมืออย่างรู้ใจและพลังต่อสู้ที่กร้าวแกร่งลอบสังหารศัตรูไปไม่น้อย ใช้วิธีนี้กอบโกยทรัพย์หลังศึก

ใครจะคิดว่าตอนนี้พวกเขากลับพลาดท่า!

แม้อีกฝ่ายจะตัวคนเดียว แต่กลับแข็งแกร่งจนทำให้คนใจสั่น แค่ขยับมือวาดเท้าก็ทลายการซุ่มโจมตีของพวกเขาได้ ทั้งยังสังหารพวกพ้องของพวกเขาไปอีกคนด้วย!

“หนีเร็ว!”

“น่าชังนัก!”

ขณะตะโกนพวกเขาพุ่งหนีกันไปคนละทาง ความเร็วชวนตะลึงหาใดเปรียบ เผยให้เห็นถึงพลังของมกุฎราชัน

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์