บัลลังก์หมอยาเซียน นิยาย บท 1297

พี่ชายหยวนรู้ว่าทางนี้ยังไม่จัดงานแต่งงาน ก็ค่อนข้างผิดหวัง แต่ก็รู้ว่าจะจัดงานแต่งงานทั้งที ไม่สามารถที่จะเตรียมงานเสร็จภายในไม่กี่วันแน่ เวลาของเขาก็ไม่อำนวย และหากเขาไม่สามารถอยู่ร่วมงาน เขาก็จะเสียดายอย่างมาก

ดังนั้นเขาก็กลับมาพูดปลอบหยู่เหวินเห้าว่า “ไม่เป็นไร รอพวกเจ้ากลับไป พวกเราค่อยจัดงานแต่งงานอย่างใหญ่โตอีกครั้ง”

ตอนนี้การศึกสงบลงแล้ว ในใจหยู่เหวินเห้า การจัดงานแต่งงานกลายเป็นสิ่งเดียวที่เขาคาดหวัง

เมื่อทุกคนกลับมาถึงเมืองหลวงแล้ว มีเหล่าขุนนางรอต้อนรับอยู่หน้าประตูเมือง ผู้คนต่างพากันแห่มาชมการกลับมาอย่างชัยชนะขององค์ชายรัชทายาทด้วยตาตนเอง ทันใดนั้น ประตูเมืองถูกล้อมไว้อย่างแน่นหนา เสียงร้องชื่นชมยินดีดังก้องยิ่งๆขึ้น ม่านหน้าต่างรถม้าเปิดออก คนข้างในยิ้มหัวเราะจนแก้มแทบปริ หรงเยว่เอามือปิดหูไว้ พร้อมตะโกนใส่เจ้าหกที่อยู่ด้านข้างว่า “หูของข้าจะหนวกแล้ว”

เจ้าหกเอื้อมมือเช็ดหางตา เขาโตมาจนขนาดนี้ ยังไม่เคยทุกคนมากมายขนาดนี้ชื่นชอบ ร้องชื่นชมยินดี ถึงแม้เค้าจะไม่ใช่บุคคลหลัก แต่เขารู้สึกเป็นเกียรติที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการทำศึกครั้งนี้

พี่ชายหยวนก็พอใจอย่างมาก เขาพูดกับฟางหวูว่า “หยู่เหวินเห้าเป็นวีระบุรุษ น้องสาวได้แต่งงานกับเขา ถือเป็นความโชคดีจริงๆ”

“ไม่ต่างกัน องค์ชายรัชทายาทมีวันนี้ได้ ดอกเตอร์หยวนก็มีส่วนช่วยอย่างมาก” ฟางหวูพูดขึ้น

พี่ชายหยวนไม่รู้ว่าน้องสาวกับหยู่เหวินเห้าผ่านเรื่องอะไรมาด้วยกันบ้าง แต่ก่อนหน้านี้ก็เคยได้ยินฟางหวู เล่าให้ฟังอยู่บ้าง รู้สึกว่าพวกเขาสองสามีภรรยานั้นไม่ง่ายเลยจริงๆ

มองดูพวกเขาเข้าไปในเมืองที่รายล้อมไปด้วยเหล่าขุนนางและประชาชน นอกจากตื่นเต้นดีใจแล้ว ก็ยังตื่นเต้นดีใจอีก เพราะเขาจะได้เจอท่านยายในเร็วๆนี้แล้ว

ท่ามกลางฝูงคนมากมาย ในที่สุดอะซี่กับลู่หยาฉี่หลอ ก็สามารถเบียดออกมาได้ ตะโกนร้องเรียกมาที่รถม้า สวีอีได้ยินเสียงอะซี่ จึงลุกขึ้นมามองดูรอบๆ แล้วก็มองเห็นภรรยาสุดที่รักท่ามกลางฝูงชน กระโดดลอยบินขึ้น ตรงไปหาตรงหน้าอะซี่ ไม่สนใจว่าด้านข้างจะมีคนมากมายขนาดไหน ตรงเข้าไปโอบกอดนางแนบกาย

“สวีอี” อะซี่ตื่นเต้นดีใจจนน้ำตาไหล กอดเขาไว้แน่นพร้อมพูดขึ้นว่า “ในที่สุดเจ้าก็กลับมา ข้าคิดถึงเจ้าใจแย่แล้ว”

“ข้าก็เช่นกัน ข้าก็คิดถึงเจ้า” สวีอีโอบกอดนางไว้ คนรอบข้างเบียดเข้ามาตลอด จนเขาโกรธตะโกนพูดขึ้นว่า “อย่าเบียดภรรยาของข้า ภรรยาของข้ากำลังตั้งครรภ์อยู่”

ทุกคนต่างก็หัวเราะขึ้นมา มีคนที่รู้จักพวกเขาพูดล้อขึ้นว่า “แม่ทัพสวี ท่านกำลังจะได้เป็นพ่อคนแล้ว ถึงตอนนั้นต้องเลี้ยงเหล้าพวกเรานะ”

ทุกคนต่างหัวเราะขึ้นมา ต่างก็พูดขอให้แม่ทัพสวีเลี้ยงเหล้า

สวีอีมองดูคนพวกนี้ ดูมีชื่อเสียงมีอำนาจ หากเลี้ยงเหล้าเขาจะต้องจนแน่ จึงรีบดึงอะซี่แล้วจากไป

หยู่เหวินเห้าไปอีกเส้นทางหนึ่ง พร้อมกับเหล่าขุนนาง เขาจะกลับจวนไปทันทีไม่ได้ จะต้องเข้าวังไปเข้าเฝ้าก่อน ดังนั้น หยวนชิงหลิงจึงพาคนที่เหลือกลับไปที่จวนอ๋องก่อน

เดิมหนานเปียนเค่อกับคนในยุทธภพคิดว่า หลังจากส่งพวกเขากลับถึงจวนแล้วก็จากไป แต่ทังหยางกับสวีอีรั้งไว้ ขอให้อยู่ร่วมงานเลี้ยงด้วยกันสักมื้อก่อน ดื่มกันจนเมา ไม่พูดถึงเรื่องเศร้าเช่นการจากลา

ตลอดการเดินทางทุกคนต่างเหนื่อยล้ายากลำบาก ทุกอย่างลำบากอย่างที่สุด สามารถพูดได้ว่าระหว่างทางยังไม่เคยได้ดื่มเหล้าดีๆสักมื้อ ตอนนี้ที่สวีอีพูดรั้งไว้ คำพูดอื่นต่างไม่ได้ผล มีเพียงดื่มกันจนเมา ไม่พูดถึงเรื่องเศร้าเช่นการจากลา ประโยคนี้ถูกใจทุกคนอย่างมาก จึงต่างก็ยอมอยู่ต่อก่อน

ส่วนหนานเปียนเค่อไปจากจวนก่อน บอกว่าตอนค่ำๆจะพาลูกศิษย์มา ทุกคนต่างแปลกใจ ลูกศิษย์ของเขาเป็นใครกันแน่ เขาหัวเราะอย่างเล่นรับ เดี๋ยวตอนกลางคืนก็รู้

เด็กๆพาท่านย่าทวดรออยู่แล้ว เห็นหยวนชิงหลิงกับลุงใหญ่กลับมา ทันใดนั้นเด็กทั้งห้าก็วิ่งกระโจนไปหา พี่ชายหยวนอ้าแขนกอดเด็กๆไว้ แต่ชะตาที่ต้องล้มลงกับพื้นก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์หมอยาเซียน