บัลลังก์หมอยาเซียน นิยาย บท 1622

อ๋องเว่ยเลิกคิ้ว “นี่เจ้ากำลังแก้แค้นอยู่ใช่หรือไม่?”

“ไม่ใช่แก้แค้น แค่พูดเรื่องจริง” อ๋องอานท่าทางลำพอง ใครใช้ให้เขาเลี่ยงความรับผิดชอบแล้วปล่อยให้เขารับมือกับเรื่องพวกนั้นคนเดียวล่ะ สมควรจิกกัดเขาสักดอกให้ได้รู้เสียบ้าง

อ๋องเว่ยพ่นลมหายใจฮึดฮัด "ถ้าอย่างนั้นเจ้าก็คิดหาวิธีอธิบายให้เจ้าห้าฟังเอาเองแล้วกัน ในฐานะที่หนังสือแสดงสมบัติเล่มนี้ยังอยู่ในมือเจ้า"

อ๋องอานยังคงถือหนังสือแสดงสมบัติเล่มหนาปึ๊กไว้ในมือ ของสิ่งนี้ จะโยนทิ้งก็ทำไม่ได้ จะถือไว้ก็ร้อนลวกมือสิ้นดี

นี่มันกับดักชัด ๆ ถ้ารู้อย่างนี้แต่แรกน่าจะแกล้งทำเป็นป่วย แล้วให้เจ้าสามมาคนเดียวเสียก็ดี

พวกเขาต่างกลับห้องไปอาบน้ำ เพิ่งจะเอนตัวนอนลงบนเตียง ก็ได้ยินว่าเจ๋อหลานมาแล้ว ทั้งสองคนดีดตัวลุกจากเตียงทันที แล้วรีบดึงประตูเปิดออกไปพบเจ๋อหลานอย่างรวดเร็ว

เดิมทีอ๋องอานหยิบหนังสือแสดงสมบัติไปด้วย แต่คิดว่ามันไม่ดีถ้าจะส่งไปให้เจ๋อหลาน ถ้านางรับไป จะไม่เท่ากับว่านางยอมรับว่าตัวเองเป็นฮองเฮาแห่งแคว้นจินหรอกรึ ไม่ได้ ไม่ได้

อย่างน้อย ฮ่องเต้น้อยก็ยังไม่ผ่านด่านของเขา

หลังจากที่ทักทายท่านลุงทั้งสองคนแล้ว เจ๋อหลานก็นั่งลงแล้วพูดว่า “ท่านลุง เรื่องที่เกิดขึ้นในคืนนี้ โปรดอย่าบอกพ่อของข้าเลยนะ”

อ๋องอานแทบจะไม่ต้องร้องขอ รีบพูดขึ้นอย่างรวดเร็วว่า “ลุงก็คิดอย่างนี้เช่นกัน คงต้องปิดบังพ่อของเจ้าไว้ก่อน ไม่อย่างนั้น พวกเราก็ไม่รู้เลยว่าเขาจะทำอะไรลงไปบ้าง”

“ใช่แล้ว ข้าก็กังวลเช่นกัน” ความกังวลที่หนักหนาที่สุดของเจ๋อหลาน มาจากปัญหาที่อาจจะเกิดจากพ่อของนางนี่ล่ะ

“ฮ่องเต้น้อยนี่ก็จริง ๆ เลย คำสัญญาของเด็ก ๆ ก็เอามาถือเป็นจริงเป็นจังไปได้ ต่อให้เขาสัญญาว่าจะแต่งงานกับเจ้า แต่เจ้าก็ไม่เคยรับปากเสียหน่อย ” อ๋องอานพูด

เจ๋อหลานลังเลอยู่ครู่หนึ่ง “ตอนนั้นข้ารับปากไปแล้วน่ะสิ” แต่เอาจริง ๆ ก็เพื่อจะปลอบใจเขา กลัวว่าบาดแผลของเขาจะรุนแรงจนรับไม่ไหว

“รับปากแล้วรึ?” อ๋องอานกับอ๋องเว่ยหันมามองหน้ากันทันที ทำไมถึงรับปากไปแล้วล่ะ?

ถ้าอย่างนั้น ดูเหมือนว่าเรื่องนี้จะโทษแค่ฮ่องเต้น้อยฝ่ายเดียวทั้งหมดไม่ได้แล้วสิ

“ แต่ตอนนั้น เจ้าเพิ่งอายุได้แปดเก้าขวบเองนะ มันก็แค่คำพูดของเด็ก ๆ ที่รับปากเขาไป มันเอามาถือเป็นจริงเป็นจังได้ด้วยรึ ? ” อ๋องเว่ยรีบหาข้อแก้ตัวทันที

เจ๋อหลานก็กังวลเช่นกัน ทำไมเขาถึงได้คิดเป็นจริงเป็นจังขนาดนี้นะ?

เป็นเพราะเขาจริงจังมาก แต่นางกลับไม่ได้คิดจริงจังอะไรกับมันเลยมาตลอดสามปี ดังนั้นตอนที่อยู่ในวัง นางจึงไม่สามารถยกเรื่องนี้มาถกกับเขาได้ เพราะนางไม่ได้ทุ่มเทอะไรเลยสักอย่าง

กระทั่งตอนที่รู้ว่า เขาพูดว่าจะแต่งงานกับพี่สาวของอะหลัน นางก็ยังเคยรู้สึกผิดหวัง รู้สึกว่าเขาโง่มาก

แต่ชั่วขณะที่ได้เข้าวังไปพบหน้าเขา ในใจกลับรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย เป็นความตื่นเต้นที่ไม่อาจบอกเหตุผลได้ ลมหายใจก็กระชั้นถี่ขึ้นมาทันที

สามปีที่ไม่ได้เจอกัน ดูเหมือนว่าเป็นเรื่องยากสำหรับนาง ที่จะหาร่องรอยของฮ่องเต้น้อยองค์นั้นที่เขาเคยเป็น เขาเติบโตขึ้นแล้ว หนักแน่นและใจเย็นมากกว่าแต่ก่อน เมื่อมองดูทุกสิ่งที่เขาทำตั้งแต่ขึ้นครองราชย์ ก็สามารถเล็งเห็นความเก่งกาจในด้านการปกครองประเทศของเขาได้เป็นอย่างดี

เขามีความสามารถพอที่จะกลายเป็นฮ่องเต้ผู้ทรงปราดเปรื่ององค์หนึ่ง

เจ๋อหลานไม่เคยสงสัยในจุดนี้เลยแม้แต่น้อย

“เจ๋อหลาน?” อ๋องอานเห็นนางเหม่อลอย จึงร้องเรียกขึ้นเสียงหนึ่ง “เจ้าตกใจมากเลยสินะ?”

“ไม่ใช่!” เจ๋อหลานถอนหายใจแล้วส่ายหน้า “ไม่ใช่ว่าข้าตกใจ แค่รู้สึกว่าข้ายังเด็กเกินไป ยังไม่ควรพูดเรื่องพวกนี้”

“ใช่ เจ้าไม่ต้องคิดอะไรทั้งนั้น ลืมทุกอย่างที่เกิดขึ้นที่นี่ ทำเหมือนว่าเจ้าไม่เคยรู้จักเขามาก่อน” อ๋องอานพยักหน้ารับ

แม้ว่าฮ่องเต้น้อยจะมีความสามารถโดดเด่นแค่ไหน แต่ถ้ารู้จักวางแผนดึงเขาไปตกหลุมพราง ก็ถือว่าไม่ใช่คนดีอะไรนักหรอก

เจ๋อหลานพูดว่า "พรุ่งนี้ข้ายังต้องเข้าวังไปหารือเรื่องขุดเหมืองกับเขาอีก ดังนั้น มันไม่มีความจำเป็นที่จะต้องแสร้งทำเป็นว่าไม่เคยรู้จักเขามาก่อน ได้รู้จักเขาก็เป็นผลดีมากเช่นกัน อย่างน้อย เขาก็ให้เงื่อนไขเรื่องความร่วมมือในการทำงานที่ดีมาก ๆ กับพวกเราได้”

“จริงรึ? ถ้าอย่างนั้นก็ดี ดีมาก ๆ เลย” อ๋องเว่ยยิ้มแย้มแจ่มใส จิตใจเบิกบานดั่งได้รับสายลมโชยในฤดูใบไม้ผลิ ถ้าการขุดเหมืองประสบผลสำเร็จ มันจะเป็นประโยชน์ต่อเมืองโร่ตูอย่างมาก

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์หมอยาเซียน