บัลลังก์หมอยาเซียน นิยาย บท 1636

พอถึงตอนเที่ยง แม่นมสี่ก็ออกจากวัง อะซี่กลับไปเลี้ยงลูก หยวนชิงหลิงกำลังตัดสินใจว่าจะไปที่ห้องทดลอง มู่หรูกงกงก็วิ่งกระหืดกระหอบกลับมาในสภาพเหงื่อท่วมตัว เมื่อเห็นว่าหยวนชิงหลิงกำลังจะออกไปแล้ว เขาก็รีบเข้ามาหยุดไว้ทันที “ฮองเฮา โปรดช้าก่อนพ่ะย่ะค่ะ ข้าน้อยมีเรื่องจะกราบทูล”

หยวนชิงหลิงเห็นท่าทางร้อนอกร้อนใจของเขา ก็ถามว่า "เป็นอะไรไป? เกิดอะไรขึ้นในห้องทรงพระอักษรอย่างนั้นรึ?"

“ไม่พ่ะย่ะค่ะ ไม่ใช่” มู่หรูกงกงยืนให้มั่น จากนั้นก็เหลียวหลังกลับไปมอง เห็นลู่หยากับฉี่หลอยืนอยู่นอกตำหนัก จึงโบกมือสั่งให้พวกนางถอยออกไป “พวกเจ้าไปทำงานอย่างอื่นก่อน ข้ามีเรื่องจะคุยกับฮองเฮา”

ลู่หยากับฉี่หลอรู้ความ พวกนางรู้ทันทีว่าเรื่องที่จะพูดต้องเป็นเรื่องสำคัญแน่ จึงค้อมกายแล้วถอยออกไป

เมื่อเห็นว่าเขามีสีหน้าจริงจังมาก หยวนชิงหลิงก็อดเป็นการเป็นงานไปด้วยไม่ได้ เรียกให้เขาเข้าไปนั่งในตำหนัก ค่อยถามว่า "กงกงพูดมาเถอะ ว่ามันเกิดอะไรขึ้น?"

หลังจากมู่หรูกงกงตามเสด็จไปประชุมราชการเช้า ก็เอาแต่กังวลกับเรื่องนี้ ร้อนรนกระวนกระวายไปหมด พอเวลานี้ฝ่าบาทกำลังร่วมเสวยพระกระยาหารกับบรรดาขุนนางอยู่ในห้องทรงพระอักษร จึงสั่งให้คนอื่นไปคอยรับใช้ ตัวเองรีบวิ่งกลับมาหาฮองเฮา

พอเข้าไปในตำหนักได้ เขายังไม่ทันพักหายใจหายคอก็พูดขึ้นทันทีว่า "ฮองเฮา วันนี้ราว ๆ ยามโฉ่วข้าน้อยตื่นขึ้นมา ตั้งใจจะมาถวายการรับใช้ก่อนเข้าประชุมราชการเช้า กลับเห็นฝ่าบาทกำลังพูดกับองค์เองอยู่นอกตำหนัก ทั้งยังเรียกชื่อเล่นขององค์หญิงสองสามครั้งด้วย ไม่รู้ว่าเพราะทรงคิดถึงองค์หญิงมากเกินไปหรือไม่ จึงทำให้สติเลอะเลือน ข้าน้อยไม่กล้าถามฝ่าบาท จึงได้มากราบทูลฮองเฮาแทน เพื่อจะดูว่าท่านจะทรงให้ยาอะไรแก่ฝ่าบาทได้หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”

“เขาพูดกับตัวเองอยู่ข้างนอกอย่างนั้นรึ?” หยวนชิงหลิงตกตะลึง เมื่อคืนนางนอนหลับสนิท ด้วยความที่หลายวันมานี้ต้องวิ่งวุ่นไป ๆ มา ๆ ไม่หยุด บวกกับ LR แล้วก็เรื่องของฮ่องเต้น้อย มีเรื่องให้ต้องขบคิดมากมายจนเหนื่อยล้าไปหมด

“ พ่ะย่ะค่ะ เรียกชื่อเล่นขององค์หญิงอยู่หลายครั้งทีเดียว” มู่หรูกงกงกลัวว่านางจะไม่เข้าใจสถานการณ์ในตอนนั้นได้กระจ่างชัด เขาจึงเลียนแบบลักษณะท่าทางน่าสงสัยของเจ้าห้า ด้วยการเอียงหัวไปข้างหน้า แล้วกระซิบเสียงแผ่วเบาว่า “กวาเอ๋อ กวาเอ๋อ เจ้านอนหลับแล้วหรือไม่? ท่าทางเป็นแบบนี้พ่ะย่ะค่ะ ข้าน้อยเลียนแบบได้ไม่มีตกหล่นแม้แต่น้อยนิด”

หยวนชิงหลิงถึงกับหลุดหัวเราะ ไม่ใช่ว่าเจ้าห้าคิดไปเองว่า พอมีความสามารถในการควบคุมน้ำ ก็จะสามารถสื่อสารทางจิตได้แบบพวกเขาหรอกนะ?

“ ฮองเฮา สถานการณ์ของฝ่าบาท หนักมากหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ? ” มู่หรูกงกงถามอย่างเป็นกังวล

หยวนชิงหลิงมองดูความกังวลและวิตกในดวงตาของเขา ก็รู้ว่าพฤติกรรมของเจ้าห้าคงทำให้เขาตกใจกลัวแทบแย่แล้ว จึงยิ้มแล้วพูดว่า “ไม่เป็นไร นี่ไม่ใช่อาการสติเลอะเลือนหรอก แล้วก็ไม่ใช่อาการป่วยไข้ด้วย มันเป็นอาการของคนเดินละเมอ เป็นความผิดปกติอย่างหนึ่งเวลานอนหลับ อาจเป็นเพราะเรื่องการทุจริตที่จี๋โจวเมื่อวานนี้ ไปกระตุ้นต่อมโมโหมากเข้าจนโกรธจัด จึงส่งผลให้เดินละเมอก็เท่านั้นเอง”

“เดินละเมอ?” มู่หรูกงกงมองหยวนชิงหลิงด้วยท่าทางตกตะลึง “ท่านพูดถึงอาการเดินละเมอระหว่างนอนหลับหรือพ่ะย่ะค่ะ?”

“ใช่ การเดินละเมอนั้น แท้ที่จริงก็คือความฝัน แต่เนื่องจากพลังปราณของโทสะที่ไปรบกวนตับนั้นรุนแรงเกินไป จึงส่งผลให้เขาลุกขึ้นมาเคลื่อนไหว ซึ่งตัวเขาเองระหว่างนั้นก็ไม่รู้สึกตัวหรอกนะ”

“อ๋อ ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้นี่เอง มิน่าเล่า ฝ่าบาทถึงได้ดูไม่เหมือนยามปกติ ที่แท้ก็กำลังฝันอยู่” มู่หรูกงกงรู้สึกวางใจลงมาก ถ้าเรื่องการเดินละเมอเขารู้จักมันดี ทั้งยังเคยเห็นมาแล้ว แต่แค่ไม่ได้คิดถึงพฤติกรรมของฝ่าบาทมาทางด้านนี้เฉย ๆ

เขารีบค้อมกายอย่างรวดเร็ว "ข้าน้อยต้องกลับไปรับใช้ฝ่าบาท ข้าน้อยขอทูลลาพ่ะย่ะค่ะ"

มู่หรูกงกงจากไปด้วยความวางใจ แต่ครั้งนี้ถึงคราวของหยวนชิงหลิงที่ต้องกังวลแทนแล้ว

เพิ่งจะบอกเขาเกี่ยวกับพลังเหนือธรรมชาติของเขาเมื่อคืนนี้ พอวันนี้กลับต้องหาวิธีบอกเขาว่าพลังเหนือธรรมชาติของเขา มันไม่สามารถสื่อสารกับเด็กๆ จากระยะไกลได้

นางจะพูดเรื่องนี้ได้อย่างไรกัน? เขาต้องผิดหวังสักแค่ไหน? เพราะท้ายที่สุดแล้ว สำหรับเขา พลังที่สามารถควบคุมน้ำ มันไม่ได้สำคัญกับเขามากไปกว่าการสื่อสารกับเด็ก ๆ ได้จากระยะทางไกล

นางครุ่นคิดไปมา ก็ตัดสินใจกลับไปที่ห้องทดลองก่อนเพื่อดูหนอนน้ำแข็ง

หนอนน้ำแข็งถูกแยกกันอยู่ในหลากหลายอุณหภูมิ มีตัวอย่างสามกลุ่มตัวอย่างถูกเผาด้วยไฟถ่านที่มีองศาและขนาดที่ต่างกัน มีส่วนหนึ่งอยู่ที่อุณหภูมิห้อง ส่วนหนึ่งอยู่ในขวดที่แช่แข็งในตู้แช่ ส่วนหนึ่งอยู่ในน้ำ และอีกส่วนหนึ่งถูกวางไว้ระหว่างหน้าหนังสือ อยู่ที่นี่ก็ทำได้แค่ใช้วิธีการดั้งเดิมเหล่านี้เท่านั้น

นางยังขอให้องครักษ์ลับผีไปที่ทะเลสาบจิ้ง เพื่อส่งหนอนน้ำแข็งส่วนหนึ่งกลับไปให้หยางหรูไห่ เพื่อให้เธอช่วยบ่มเพาะและสังเกตการณ์ในสถาบันวิจัย

ในวันแรก หนอนน้ำแข็งที่อยู่ในอุณหภูมิสูงสุดตายทั้งหมด ส่วนกลุ่มตัวอย่างอื่นๆ ที่มีอุณหภูมิสูงกว่าเล็กน้อยยังไม่ตาย แต่แค่ไม่ค่อยเคลื่อนไหวมากนัก กลุ่มที่อยู่ในขวดแช่แข็งนั้นกระตือรือร้นที่สุด ส่วนที่อยู่ในน้ำ อยู่ในหน้าหนังสือ อยู่ในอุณหภูมิห้อง ต่างไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง

จากนั้นก็ดูหนอนน้ำแข็งที่อยู่ในเลือดของเจ้าห้าอีกครั้ง กลับพบว่ากลุ่มที่อยู่ในน้ำมีความกระตือรือร้นมากที่สุด

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์หมอยาเซียน