บ่วงแค้นแสนรัก นิยาย บท 248

“ถ้าไม่ใช่เพื่อตัวของแก เพื่อตระกูลลู่ หรือว่าฉันจะเป็นคนเลวที่คิดทำแบบนี้งั้นเหรอ”

นายท่านลู่มองไปที่ลู่จิ้นยวนด้วยดวงตาที่มีประกายไฟแห่งความโกรธคุกรุ่นอยู่ “ถ้าวันนี้แกคิดอยากจะไป งั้นก็จงไปแล้วไปลับไม่ต้องกลับมา ตระกูลลู่ไม่ต้องการแก ไอ้หลานที่อกตัญญูแบบนี้! ”

ขณะที่พูดนายท่านลู่ก็ได้ไอไปด้วย เนื่องด้วยอายุที่มากแล้ว เมื่อถูกกระตุ้นให้ตื่นเต้นอย่างไม่ทันตั้งตัว ร่างกายก็ยากที่จะรับไหว

ลู่จิ้นยวนรีบเดินขึ้นหน้าไปช่วยพยุงทันที “ท่านปู่ อย่าอารมณ์ร้อนเกินไปสิครับ ผมไม่ได้.....ไม่ได้หมายความว่าแบบนั้น”

“ฉันก็พูดมาเสียขนาดนี้แล้ว การหมั้นในครั้งนี้เป็นเรื่องใหญ่หลวงนัก เกี่ยวพันธ์กับชื่อเสียงหน้าตาของตระกูลลู่ ถ้าแกคิดจะไป ก็ให้ไปเสียตั้งแต่ตอนนี้ ฉันจะไม่ขัดขวางแกอีก แต่ว่านับจากนี้ต่อไป ถือว่าฉันไม่มีหลานแบบแกอีก และตัวแกเองก็ห้ามพูดอีกต่อไปว่าเป็นคนของตระกูลลู่”

ลู่จิ้นยวนไม่เคยนึกคิดมาก่อนเลยว่า ท่านปู่ที่ทะนุถนอมตัวเขาราวกับเป็นแก้วตาดวงใจ ท่านปู่ที่รักและเอ็นดูเข้าจะพูดออกมาเช่นนี้ มือของเขาชะงักค้างนิ่งไป ปรากฏภาพต่างๆ นานามากมาย

มีภาพที่อยู่กับเวินหนิงอย่างหอมหวานสงบสุข และยังมีภาพที่อยู่ข้างหลังท่านปู่คอยศึกษาเก็บเกี่ยวจนหมดแรงกาย ทั้งหมดนี้ ล้วนแต่เป็นสิ่งที่เขาจะปล่อยมือละทิ้งไปไม่ได้

ไม่ว่าจะเป็นสิ่งไหนก็ตาม ต่างก็เป็นสมบัติล้ำค่าที่ประเมิณค่าไม่ได้

“คิดเสร็จแล้วก็กลับไปกับฉัน”

นายท่านลู่ไอออกมาอีกหลายที เขาดันมือของลู่จิ้นยวนที่ช่วยพยุงตัวเองไว้ออก เดินจากไปอย่างช้าๆ และมั่นคง

ลู่จิ้นยวนจึงพึ่งสังเกตว่า ท่านปู่ที่เป็นแบบอย่างให้เขามาโดยตลอดนั้นได้แก่ตัวลงมากถึงเพียงนี้แล้ว แม้ว่าตัวเขาจะปฏิเสธในเรื่องของความแก่ชรา แต่เพราะแผ่นหลังที่โค้งงอและผมสีดอกเลานั้น ทำให้คนได้รับรู้ถึงความโหดร้ายของสิ่งที่เรียกว่าอายุ

“ท่านปู่......”

ลู่จิ้นยวนเดินเข้าไปหา สุดท้ายแล้วเขาก็ไม่อาจที่จะทนเห็นภาพของท่านปู่ที่เดียวดายแบบนี้ไปได้ วีรบุรุษที่จำต้องเดินออกหลังม่านไปในช่วงบั้นปลายชีวิต ความรู้สึกนี้ทำให้คนรู้สึกปวดใจ

“รู้ว่าต้องกลับมาก็ดีแล้ว ไปเที่ยวเล่นข้างนอกมาเสียนาน ก็จำเอาไว้ด้วยว่าต้องกลับมาบ้านด้วย จิ้นยวน อย่าทำให้ฉันผิดหวังล่ะ! ”

นายท่านลู่คว้าท่อนแขนของลู่จิ้นยวนเอาไว้ เพื่อตัวเขาแล้ว ปู่คนนี้ก็ไม่ต้องการที่จะเก็บศักดิ์ศรีเหี่ยวๆ แก่ๆ แบบนี้ไว้หรอก ได้ส่งมอบเรื่องของตระกูลลู่ไปให้ตระกูลหลินจัดการดูแล และตอนนี้ถึงขนาดที่ว่ายอมใช้วิธีขมขู่เสียด้วยซ้ำ

แต่ว่า เขาเองก็ไม่มีทางเลือกอื่น ขอเพียงให้ลู่จิ้นยวนนั้นสงบจิตสงบใจได้ เขาก็คิดว่าสิ่งเหล่านี้ที่ทำลงไปนั้นคุ้มค่าพอแล้ว

“ผม.........ผมเข้าใจแล้วครับ”

ลู่จิ้นยวนหลุบตามองลงต่ำ ตอนนี้ยั่วอารมณ์โกรธของท่านปู่ไปก็ดูจะไม่ใช่ทางเลือกที่ฉลาดนัก อีกด้านหนึ่ง ตอนนี้คุณแม่ของเวินหนิงก็ยังคงอยู่ภายใต้การควบคุมของตระกูลหลิน ถ้าหากว่าเวินหนิงหายตัวไปล่ะก็ ไป๋หลินยวี่เองก็คงมีปัญหาแล้ว และเขาคงต้องรับความผิดนี้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้แล้วจริงๆ

“ดี งั้นพวกเราไปกันเถอะ”

นายท่านลู่พยักหน้า ลู่จิ้นยวนไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก ช่วยพยุงท่านปู่เดินออกไปจาก ณ ที่แห่งนั้น

………….

หลังจากที่เวินหนิงพลิกตัวไปมานอนไม่หลับอยู่ทั้งคืน ที่ด้านนอกก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นมา

เธอเดินไปเปิดประตูออก ก็เห็นเย่หวานจิ้งยืนอยู่หน้าประตู เมื่อนำมาเปรียบเทียบกับเวินหนิง ณ ตอนนี้ที่เบ้าตาลึกโหลช้ำจนหมองคล้ำ ร่างทั้งร่างดูอ่อนโรยหน้าซีดเผือด ซ้ำยังกระเซอะกระเซิง เย่หวานจิ้งจึงดูสง่างามมากกว่า

เธอแทบจะไม่มีความรู้สึกผิด ละอายแก่ใจที่ได้ลักพาตัวหญิงท้องแก่มาเลยแม้แต่น้อย เห็นว่าเวินหนิงเดินออกมาเปิดประตูให้ ก็ถึงขั้นที่ว่ายิ้มออกมาให้เสียด้วย “ดูจากสีหน้าเธอแล้วก็ดูไม่ได้เป็นอะไรนะ แล้วก็สบายใจได้ ฉันไม่ทำอะไรเธอหรอก ไม่จำเป็นที่จะต้องพลิกตัวไปมานอนไม่หลับหรอกนะ”

คำพูดคำจาฉลาดหลักแหลม ในใจเวินหนิงแค่นยิ้มเย็นออกมา ท่าทีที่แสดงออกยังคงเย็นชา

ถือว่าเธอนั้นดูเย่หวานจิ้งออกทะลุปรุโปร่ง นอกจากคนจากตระกูลลู่แล้ว และก็บรรดาคนที่มีตำแหน่งอำนาจที่ควรค่าแก่การเคารพ คนอื่นนอกเหนือจากนี้ก็เป็นได้เพียงแค่มดปลวดเท่านั้น

เย่หวานจิ้งเดิมทีก็ไม่ต้องการให้ผู้อื่นรู้สึกเกรงกลัวอะไรนัก อีกทั้งยังไม่มีใครที่สามารถพอที่จะต่อกรอำนาจของเธอได้ ดังนั้นเมื่อประสงค์สิ่งใดก็จักต้องได้สิ่งนั้น

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บ่วงแค้นแสนรัก