หวังจิ่นหลิงดึงเข็มขัดที่ใช้แทนสายบังเหียนด้วยมือทั้งสองอย่างแน่นๆ นิ้วมือทั้งสิบที่เรียวยาวของเขามีเลือดไหลหยดไม่อยู่ และดวงตาของเขาที่ดูยิ้มแย้มตลอดเวลานั้น เวลานี้ดูหม่นหมองอย่างมาก
เขาคิดอยู่หลายครั้งว่าอยากกลับไปหาเฟิ่งชิงเฉิน พาเฟิ่งชิงเฉินหนีไปด้วยกัน แต่สติของเขาเตือนตัวเองว่า เขาหันกลับไปมิได้ เพราะเมื่อหันกลับไป ทั้งสองก็จะตาย
แผนที่สำคัญที่สุดคือการไปหาซู่ชินอ๋องมาช่วย มีเพียงเช่นนี้เท่านั้นจึงสามารถรับประกันว่าเขาและชิงเฉินจะปลอดภัย
เฟิ่งชิงเฉินอยู่เผชิญหน้ากับมือสังหารเพียงลำพังก็เพื่อเขา ฉะนั้นเขาจะต้องไม่ทำให้เฟิ่งชิงเฉินผิดหวัง และจะไม่สร้างปัญหาให้กับเฟิ่งชิงเฉิน หลังจากที่เขากลับไปแล้ว เฟิ่งชิงเฉินยังต้องปกป้องเขา
"สิ่งที่ไร้ประโยชน์ที่สุดคือคนที่เรียนหนังสือ ข้าไร้ประโยชน์เสียจริง!" หวังจิ่นหลิงเกลียดตัวเองที่ไร้ความสามารถ และยิ่งเกลียดตัวเองที่เป็นลูกผู้ชายแต่กลับต้องให้ผู้หญิงตัวเล็กๆอย่างเฟิ่งชิงเฉินมาปกป้องตน
"เฟิ่งชิงเฉิน เจ้าต้องอดทนไว้ ข้าจะพาคนมาช่วยเจ้าอย่างแน่นอน เจ้าต้องรอข้า รอข้า!" น้ำตาที่เย็นเยียบไหลลงมาจากหางตาของหวังจิ่นหลิง ข้างหลังมีเสียงร้องของมือสังหารดังขึ้น หวังจิ่นหลิงกลับทำเหมือนว่าไม่ได้ยิน มือทั้งสองของเขาที่เดิมใช้หยิบพู่กัน ใช้เล่นขิมจีน ตอนนี้กำลังตบไปที่หลังม้าอย่างแรง
"เร็วเข้า เร็วเข้า ชิงเฉินยังคงรอให้ข้าไปช่วยนางอยู่ นางกำลังรอข้าอยู่" หวังจิ่นหลิงเชื่อว่าเฟิ่งชิงเฉินสามารถรอจนกว่าเขาพาคนมาช่วยได้อย่างแน่นอน เพราะนางคือเฟิ่งชิงเฉินไงล่ะ!
"เร็วเข้า หวังจิ่นหลิงกำลังจะหนีไปแล้ว รีบตามเขาไป เขาไม่มีวิชาศิลปะการต่อสู้ หากว่าเราตามเขาไปได้เช่นนั้นภารกิจก็สำเร็จแล้ว" มือสังหารที่อยู่ข้างหลังกังวลเมื่อเห็นว่าหวังจิ่นหลิงอยู่ไกลจากพวกเขามากขึ้น
น่าเสียดายที่ไม่ว่าพวกเขาจะกังวลแค่ไหนก็ไม่มีประโยชน์ เพราะม้าของหวังจิ่นหลิงดีดอย่างมาก ไม่มีท่าทีว่าจะลดความเร็วลงเลย หากหวังจิ่นหลิงขี่ม้าไม่เก่ง เขาคงจะตกลงจากหลังม้านี้ไปนานแล้ว
แต่เพราะเช่นนี้ ต้นขาฝั่งในของหวังจิ่นหลิงเกิดการเสียดสีจนเลือดออก เลือดสีแดงเข้มเปื้อนหลังม้าและไหลลงมาจากหลังม้า แต่หวังจิ่นหลิงกลับไม่รู้สึกเจ็บเลยสักนิด เขาเอาแต่วิ่งไปข้างหน้าอย่าสุดชีวิต.......
เมื่อตี๋ตงหมิงถือคบเพลิงออกมา เขาเห็นหวังจิ่นหลิงพร้อมทั้งรอยเลือดที่อยู่ตรงขาของเขา ตี๋ตงหมิงยังไม่ทันได้ถามกระไร หวังจิ่นหลิงก็พูดอย่างร้อนรนว่า "ตงหมิง ข้าขอยืมทหารสามร้อยนาย ข้าจะไปช่วยเฟิ่งชิงเฉิน"
"ช่วยเฟิ่งชิงเฉินหรือ? เกิดอะไรขึ้นกับนาง?" ตี๋ตงหมิงผงะ เขาคิดว่าคนที่เกิดเรื่องคือหวังจิ่นหลิงเสียอีก
"ข้าและชิงเฉินถูกไล่ฆ่า ชิงเฉินคุ้มกันข้าก่อน นางอยู่ที่นั่นเพื่อสกัดมือสังหารเอาไว้ เรื่องรายละเอียดเราค่อยว่ากัน เจ้าเอาทหารมาให้ข้ายืมก่อน" หวังจิ่นหลิงรีบวิ่งตรงเข้าไปในจวนซู่ชินอ๋อง ตอนนี้เขาไม่มีความสง่าและใจเย็นของคุณชายใหญ่แล้ว
"เกิดอะไรขึ้นหรือ? พ่อหนุ่มตระกูลหวังเป็นกระไรไปหรือ?" ซู่ชินอ๋องก้าวเข้ามาและเห็นซู่ชินอ๋องที่กำลังตื่นตระหนก เขาตะลึงอย่างมาก
นี่คือหวังจิ่นหลิงผู้ที่ใจเย็นเสียจนแม้ภูเขาจะถล่มก็ไม่สะท้านหรือ?
ความไม่พอใจปรากฏบนสีหน้าของซู่ชินอ๋อง " พ่อหนุ่มตระกูลหวัง เจ้าไร้มารยาทอย่างมาก หากว่าคนตระกูลหวังเห็นเจ้าเป็นเช่นนี้ เจ้าคงจะโดนหนักอย่างแน่นอน"
ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น จะต้องไม่สะท้าน จะต้องใจเย็นและสง่า แม้ว่าจะมีเรื่องเร่งด่วนแค่ไหนอยู่ในใจ จะหวาดกลัวเพียงใดก็ห้ามแสดงสีหน้าใดๆออกมาทั้งสิ้น นี่เป็นสิ่งที่คุณชายตระกูลใหญ่ทุกคนจะต้องเรียนรู้
ในฐานะผู้ที่ได้รับการสั่งสอนดังหัวหน้าครอบครัวอย่างหวังจิ่นหลิง ไม่เพียงแต่จะต้องทำข้อดังกล่าวให้ได้ และยังต้องเก็บความรู้สึกของตนให้ได้ ห้ามให้ใครดูความรู้สึกหรือความคิดที่แท้จริงของตนออก
หวังจิ่นหลิงทำได้ดีมาตลอด นี่เป็นครั้งแรกที่ซู่ชินอ๋องเห็น หวังจิ่นหลิงเปิดเผยอารมณ์ที่แท้จริงของเขา
หวังจิ่นหลิงก็สะดุ้งและหยุดอยู่กับที่ ราวกับว่าถูกเตือนสติ
เขาให้ข้อยกเว้นกับเฟิ่งชิงเฉินมากเกินไป หากว่าคนตระกูลหวังรู้ว่าเขาเสียสมาธิเช่นนี้เพราะเฟิ่งชิงเฉิน เช่นนี้ตระกูลหวังจะไม่ปล่อยให้เฟิ่งชิงเฉินซึ่งเป็นคนที่ทำให้เขาเปิดเผยความรู้สึกของตนนั้นได้มีชีวิตอยู่ต่ออย่างแน่นอน
หวังจิ่นหลิงหลับตา หายใจเข้าและหายใจออกอย่างเงียบ ๆ พยายามทำให้ร่างกายที่เกรงผ่อนคลาย หลังจากนั้นไม่กี่วินาที หวังจิ่นหลิงลืมตา แววตาของเขาสงบด้วย มีรอยยิ้มที่เหมาะสมที่สุดปรากฏบนใบหน้าของเขา แม้เสื้อผ้าของเขาจะเปื้อนเลือด แต่ก็ไม่น่าอนาถ แต่กลับดูดีไปอีกแบบ
"นี่สิถึงจะเป็นคุณชายใหญ่" ซู่ชินอ๋องหยักหน้า ดวงตาของเขามองจ้องไปที่ตี๋ตงหมิงและคนในลานบ้านอย่างดุร้าย "เมื่อสักครู่ไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ