จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ นิยาย บท 94

บทที่ 93 ผู้ป่วยคนแรก

หลังจากนั้น 5-6 นาที ฝั่งฉินโจวทั้งสามคนกลับไปที่นั่งของตนเอง เริ่มเขียนผลการวินิจฉัยโรค

หลังจากที่เขียนเสร็จ หยูหมิงวั่งพูดกับโม่หัวถิงว่า “คุณโม่ เชิญครับ!”

โม่หัวถิงพยักหน้าด้วยสีหน้าไม่ยินดีนัก พร้อมหันไปพูดกับซูชิงเหยียนว่า “ถึงตาเราแล้ว”

จากนั้น สายตาของโม่หัวถิงก็หันไปทางหลินหยุน เดิมทีเหมือนจะพูดอะไรสักอย่าง แต่สีหน้าเกิดแสดงความร้ายกาจออกมา สุดท้ายก็ไม่ได้พูดอะไร

แม้ว่าหลินหยุนจะยืนยันอย่างแน่ชัดว่า การแข่งขันครั้งนี้ชนะแน่นอน แต่โม่หัวถิงและซูชิงเหยียนต่างก็ไม่มีใครเชื่อเขาสักคน

จางเฟยหยู่และเพื่อนคนอื่นเองก็ไม่มีใครเชื่อเขา ต่างก็พากันคิดว่าเขาเพียงแค่อวดเก่งก็เท่านั้น

โม่หัวถิงและซูชิงเหยียนเดินไปข้างๆ ผู้ป่วย เริ่มทำการสังเกตอาการอย่างจริงจัง

ปัจจุบันการแพทย์แผนจีนเริ่มเสื่อมถอยลง การตรวจรักษาด้วยการสำรวจร่างกาย สังเกตเสียง ถามอาการและใช้มือตรวจบริเวณท้องของผู้ป่วยในวิธีของแพทย์แผนจีนนั้น แพทย์ที่สามารถใช้วิธีนี้ได้ไม่เยอะมากนัก

เพราะฉะนั้น หากอยากที่จะไม่พึ่งเครื่องวัดการเต้นของหัวใจแล้วทำการวินิจฉัย สำหรับแพทย์ในปัจจุบันเป็นเรื่องที่ค่อนข้างยาก

แน่นอนว่า ในจำนวนแพทย์เหล่านั้น ก็ยังมีแพทย์ที่มีความสามารถสูง ที่สามารถใช้วิธีการสำรวจร่างกายของผู้ป่วย ก็สามารถวินิจฉัยโรคได้ตรงเกือบทุกจุด

โม่หัวถิงและซูชิงเหยียนพากันยืนสังเกตรอบตัวผู้ป่วยไปครึ่งชั่วโมงเต็มๆ ในขณะนั้นทั้งวัดชีพจร ทั้งให้ผู้ป่วยอ้าปากเพื่อตรวจฝ้าที่ลิ้น ทำอยู่แบบนั้นอยู่นานทีเดียว

แต่หลินหยุน ตั้งแต่เริ่มแรกก็ไม่ได้ลุกจากที่นั่งไปไหนเลย

ด้านล่างของเวที พวกจางเหยียนเมื่อเห็นว่าหลินหยุนไม่แสดงปฏิกิริยาใดๆ บางคนก็เริ่มพากันหัวเราะเยาะ

“เห็นไหม หลินหยุนไม่ได้ไปตรวจดูผู้ป่วยเลย ดูท่าเขาคงเตรียมจะยอมสละสิทธิ์ไปเลยแล้วล่ะ!”

จางเหยียนพูดด้วยสีท่าท่าทางเย้ยหยัน “เหอะ ฉันบอกตั้งนานแล้ว ไอ้คนไม่ได้เรื่องที่เกาะคนอื่น จะเป็นแพทย์วิเศษได้ยังไง ผู้อำนวยการโจวโดนหลอกแล้วล่ะ!”

“พี่เหยียนพูดถูก พี่เหยียนนี่สายตาแหลมคมจริงๆ!” มีเพื่อนหลายคนเริ่มพูดชื่นชมเอาใจจางเหยียน

จงเฟยหยู่มองไปบนเวที หลินหยุนที่สีหน้าไม่มีความรู้สึกใดๆ แสดงออกมา ใบหน้าที่สวยงามของจงเฟยหยู่ก็แสดงออกถึงความไม่แยแส “หลินหยุน จนถึงเวลานี้แล้ว นายยังใจเย็นอยู่ได้เหรอ?”

“ฉันอยากรู้จริงๆ เลยว่า นายมีที่อาศัยอะไรกันแน่ หรือว่าอยากมาทำท่าทางโอ้อวดที่นี่ก็เท่านั้น!”

เวลานี้ แม้แต่โจวชิงเหอก็เริ่มร้อนรนขึ้นมา “หมอเทพหลินเป็นอะไรไป? ทำไมเขาถึงไม่ไปดูผู้ป่วยเลย?”

“หรือว่าเขาจะโกรธโม่หัวถิง ตั้งใจทำให้โมโห? เขารับประกันเองว่าจะชนะได้แน่นอน ต่อให้เขาอยากทำให้โม่หัวถิงโมโห แต่จะมาทำแบบนั้นในเวลานี้ไม่ได้!”

ในที่สุดโม่หัวถิงและซูชิงเหยียนก็ดูเสร็จ เดินกลับไปที่ที่นั่งของตนเอง

เมื่อเห็นว่าหลินหยุนยังคงนั่งอยู่ที่เดิมไม่ไปไหน โม่หัวถิงก็ขมวดคิ้วขึ้นพร้อมถามขึ้นว่า “ทำไมนายไม่ไปตรวจคนไข้?”

หลินหยุนหันไปมองโม่หัวถิงแวบหนึ่ง พร้อมพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “แพทย์ที่มีความสามารถสูงจะสังเกตผู้ป่วย วิเคราะห์ผู้ป่วย ฟังเสียงผู้ป่วย ก็รู้เลยว่าในตัวมีโรคอะไรบ้าง ส่วนแพทย์ที่จำเป็นต้องใช้เครื่องวัดคลื่นหัวใจ เพื่อวัดชีพจรน่ะ เป็นแค่แพทย์ที่ไม่มีฝีมือในการรักษาเท่านั้น”

โม่หัวถิงจ้องเขม็งไปที่หลินหยุนแวบหนึ่ง พร้อมพูดด้วยความโมโหว่า “ไอ้นี่ ฉันอดทนกับแกมานานแล้ว เห็นแก่ผู้อำนวยการโจว ฉันถึงได้รับปากให้นายเข้าร่วมการแข่งขันระดับอาจารย์ที่ปรึกษา แต่ตอนนี้นายกลับมาพูดจาบ้าบออะไรพวกนี้!”

“วิเคราะห์ผู้ป่วย ฟังเสียงผู้ป่วยอะไรกัน...พูดจาซี๊ซั๊ว ไม่สมเหตุสมผลเอาเสียเลย! ถ้าอย่างที่นายพูด ทุกคนก็เป็นแพทย์ที่ไม่มีฝีมือในการรักษาน่ะสิ!”

ซูชิงเหยียนก็พูดด้วยเย้ยหยันว่า “เจ้าหนุ่ม ตอนนี้คนที่นั่งอยู่ตรงนี้ต่างก็คือแพทย์ที่มีชื่อเสียงของทั้งสองเมือง ถ้านายอยากจะใช้วิธีนักต้มตุ๋นนั่นที่นี่เพื่อให้ผ่านด่านไปได้ มันเป็นไปไม่ได้เลยสักนิด”

“ถ้านายมีความสามารถจริงๆ ก็ไปวินิจฉัยโรคให้ผู้ป่วยอย่างจริงๆ จังๆ ถ้าไม่มี ก็ยอมแพ้ไปซะ อย่ามาทำให้ฉันต้องเสียหน้าที่นี่!”

แม้แต่หยูหมิงวั่งคนของฝั่งฉินโจวก็พูดวิจารณ์ต่างๆ นานา

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์