หลินไป๋หลัน นิยาย บท 73

หลายวันผ่านมาพรุ่งนี้ก็จะถึงวันเดินทางไปสำนักเซียนโอสถแล้ว และต้องออกเดินทางกันแต่เช้ามืด เพื่อจะได้ทันเวลางานเริ่มตอนเย็น โชคดีที่สำนักเซียนตั้งอยู่ในแคว้นหนานเช่นเดียวกับสำนักเหลียงซาน แต่อยู่กันคนละทิศ สำนักเหลียงซานตั้งอยู่ทางทิศใต้ ส่วนสำนักเซียนโอสถตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของแคว้น

ในค่ำคืนนี้ที่จวนสกุลหลินจึงจัดงานเลี้ยงเล็ก ๆ ภายในครอบครัว เพื่อเลี้ยงส่งไป๋หลันและมีมี่ เป็นการกินอาหารปิ้งย่างร่วมกันเหมือนเช่นเคย

งานเลี้ยงดำเนินไปอย่างชื่นมื่น ไป๋หลันจัดอาหารและเครื่องดื่มเตรียมเอาไว้มากมาย แม่ครัวลูกน้องท่านพ่อและพนักงานที่ร้านหอมหมื่นลี้ทั้งหมดต่างก็มาร่วมกินอาหารด้วยกัน

ถึงงานเลี้ยงจะคึกครื้นสักเพียงใด แต่ภายในใจของทุกคนนั้นคงไม่อยากแยกจากกัน แต่เนื่องจากต้องศึกษาหาความรู้ เพื่อนำมาใช้ประโยชน์อย่างน้อยที่นางเลือกเข้าสำนักเซียนโอสถก็เพื่อเป็นการเบิกทางที่เคยตั้งใจเอาไว้ ว่าอยากนำความรู้ความสามารถที่ท่านปู่เทพมอบให้มาใช้ให้เกิดประโยชน์แก่คนทุกข์ยากให้มากที่สุด

ยามไห่(21.00-22.59) มีมี่ที่ตอนนี้เดินวนเวียนอยู่ในห้องของตัวเองหลังจากจบงานเลี้ยงเรียบร้อย นางกำลังร้อนใจเพราะหลายวันมาแล้วที่พี่ชายบุญธรรมไม่ค่อยพูดคุยกับนาง จริง ๆ ก็อยากสอบถามมาหลายวันแล้วแต่งานมันยุ่งจนไม่ค่อยมีเวลามาสนใจเรื่องอื่นเลย

'พี่หยางเป็นอะไรปกติก็ไม่เห็นเป็นแบบนี้ นางพูดอะไรไม่เข้าหูเขาหรือเปล่านะ' มีมี่คิดในใจด้วยความกระวนกระวาย

"โอ้ย...ทนไม่ไหวแล้วโว๊ย" มีมี่ตะโกนเสียงดัง นางจะไม่ทนมันต้องเคลียร์วันนี้ ตอนนี้ไม่เช่นนั้นนางคงไม่สบายใจเป็นแน่ เพราะพรุ่งนี้จะต้องเดินทางแล้ว คิดได้เช่นนั้นก็พรวดพลาดออกจากห้องไปทันที

ก๊อก ๆ ๆ เสียงเคาะประตูดังขึ้น เฉินหยางที่นั่งดื่มไวน์อยู่ เมื่อได้ยินเสียงเคาะประตูจึงลุกขึ้นไปเปิด เพราะคิดว่าคงจะเป็นน้องสาวของเขาแต่เมื่อประตูเปิดออกก็ตกใจเล็กน้อยที่เห็นว่าเป็นผู้ใด

"พี่หยาง!!" มีมี่เอ่ยเรียกเสียงดัง พลางก้าวเท้าเข้ามาในห้องแล้วปิดประตูลงกลอนทันที เพราะกลัวว่าพี่หยางของตนจะเดินหนีออกไปด้านนอกและไม่ยอมพูดจาดี ๆ

"มี่เอ๋อร์เจ้ามีธุระอันใดกับพี่หรือ?" เฉินหยางเอ่ยเสียงราบเรียบไม่แสดงอารมณ์ใด ๆ ออกมา

"ข้านอนไม่หลับถ้าไม่ได้คุยกับพี่หยางให้รู้เรื่องคืนนี้" มีมี่เอ่ยเน้นคำด้วยสีหน้าจริงจัง

"เรื่องอะไรหรือ" เฉินหยางทำหน้าไม่รู้เรื่อง ทั้งที่เขารู้อยู่เต็มอก หลายวันมานี้เขาไม่ค่อยพูดจาหยอกล้อกับนางเหมือนเช่นเคย เขาได้มาคิดทบทวนว่ารู้สึกเช่นไรกับน้องสาวบุญธรรมผู้นี้ ความรู้สึกที่มีกับนางไม่เหมือนกับที่เขารู้สึกกับหลันเอ๋อร์ แต่มันมีบางอย่างที่มากกว่านั้น...

"พี่หยางไม่ยอมพูดคุยกับข้าเหมือนเดิม ท่านเป็นอะไรบอกข้ามาเดี๋ยวนี้เลย" มีมี่เอ่ยสั่งคนตรงหน้าด้วยใบหน้าจริงจัง

"พี่ไม่ได้เป็นอะไร" เฉินหยางเอ่ยเสียงราบเรียบพร้อมกับนั่งลงบนโซฟา แล้วยกแก้วไวน์ขึ้นดื่มอย่างสบายใจ

มีมี่ที่เห็นเช่นนั้นก็ฮึดฮัดยิ่งกว่าเดิม ฮึ่ย...ยุบหนอ...พองหนอ...มีมี่ข่มอารมณ์ในใจ พร้อมกับเดินไปนั่งข้าง ๆ พี่ชายบุญธรรม

"พี่หยางท่านจะพูดคุยกับข้าดี ๆ ไม่ได้หรือ ข้าจะไม่อยู่อีกนานเลยนะ" มีมี่เอ่ยเสียงอ่อนลงไม้แข็งไม่ได้ผลลองใช้ไม้อ่อนดูบ้างแล้วกัน

"พี่ก็พูดดี ๆ กับเจ้าอยู่ไม่ใช่หรือมี่เอ๋อร์" เฉินหยางหันหน้าไปพูดกับน้องสาวบุญธรรมเสียงอ่อนลง แต่ก็ยังเว้นระยะห่างเอาไว้

'นางมีคนที่ชอบอยู่แล้ว เขาต้องไม่สนิทกับนางมากไปกว่านี้’

"พี่หยางท่านอย่ามาเฉไฉข้ารู้ว่าท่านโกรธข้าเรื่องพี่เฉิงใช่หรือไม่" มีมี่เอ่ยถามตรง ๆ เพราะนางสังเกตเขาตั้งแต่วันนั้น แต่นางก็ไม่คิดว่าพี่หยางจะโกรธจริงโกรธนานขนาดนี้ ทีนางเองยังไม่เคยโกรธเขาเลยที่หลี่ฟางเซียนมาอ่อยเขาได้ทุกวี่ทุกวัน

พี่ไม่มีสิทธ์ไปโกรธเคืองเจ้าถ้าเจ้าจะชอบพอกับคุณชายเฉิง" เฉินหยางเอ่ยด้วยใบหน้าเรียบเฉยเช่นเดิม

"แล้วใครบอกว่าข้าชอบพี่เฉิง"

"เจ้าบอกว่าไม่เกลียด ก็แปลว่าชอบมิใช่หรือ”

"เฮ้อ…" มีมี่ถอนหายใจยาวออกมาเสียงดังพร้อมกับเอนหลังพิงพนักพิงโซฟาอย่างอ่อนใจ พร้อมกับเอ่ยเสียงแผ่วลงพอให้พี่ชายบุญธรรมได้ยิน

"ข้าชอบที่พี่เฉิงเป็นคนดีมีน้ำใจ ไม่ได้ชอบแบบคนรักเสียหน่อย" มีมี่เอ่ยขึ้นลอย ๆ แต่ก็พอให้คนข้าง ๆได้ยิน

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หลินไป๋หลัน