The king of War นิยาย บท 228

เมื่อมู่เจิ้นกล่าวคำเหล่านี้ โลกทั้งใบก็ดูเงียบไปหมด

การแสดงออกบนใบหน้าของเฉินอิงเหานั้นวิเศษมากจนเขาไม่คิดว่าเขาจะเสแสร้งแกล้งทำเป็นไปถึงตัวของมู่ตงเฟิงไม่น่าถึงมีผู้นำตระกูลร่ำรวยในเมืองโจวเฉิงติดตามมากมาย เพราะเขาคือมู่ตงเฟิงนี่เอง!

ในเวลานี้ ทุกคนต่างจับจ้องมาที่เขา ราวกับกำลังมองดูคนโง่เขลา

เมื่อกี้พวกคุณชายใหญ่ของตระกูลร่ำรวยยังมีความหวังเล็กน้อย เมื่อพวกเขารู้ว่าชายวัยกลางคนที่ล้อมรอบด้วยพ่อของพวกเขาคือมู่ตงเฟิง ใบหน้าของพวกเหมือนขี้เถ้าที่ตายแล้ว

เจิ้งเหม่ยหลิงที่อยู่ข้างๆเฉินอิงเหาหน้าซีดไปหมด

“ตัน!ตัน!ตัน……”

ท่อเหล็กในมือของมู่เจิ้นยังคงเคาะอยู่บนโต๊ะอาหาร เขายิ้มและมองไปที่เฉิน อิงเหา และพูดว่า “มานี่ บอกข้าอีกครั้งว่าสมาชิกแพลตตินั่มของคุณ ใครเป็นคนให้แก่เจ้านะ?”

เฉินอิงเหาหน้าแดงและพูดอะไรไม่ออก

ไม่ใช่ว่าเขาไม่อยากพูด แต่หลังจากที่รู้ว่ามู่เจิ้นเป็นลูกชายของมู่ตงเฟิงนั้น เขาก็รู้สึกกลัวในใจ เพราะกลัวว่าจะพูดอะไรผิด และทำให้รุกรานถึงตระกูลมู่จนตาย

"ปัง!"

มู่เจิ้นโบกมืออย่างสุดเดือด และท่อเหล็กก็กระแทกที่กระจกนิรภัยที่อยู่บนกลางโต๊ะอาหารอย่างแรง ด้วยเสียงที่ดัง แผ่นรองกระจกนิรภัยก็แตกในทันที

“แม่ง มึงลองบอกกูสิ!”มู่เจิ้นตะโกนด้วยความโกรธ

ทุกคนต่างก็ตกตะลึง

เฉินอิงเหาที่อยู่ข้างๆมู่เจิ้น ยิ่งหวาดกลัวมากขึ้นไปอีก

“ข้า ข้า ข้าผิดไปแล้ว!”

เฉินอิงเหาตัวสั่นไปทั้งตัว และเดินผ่านใต้ตาของทุกคน เดินตรงไปที่มู่ตงเฟิงและคุกเข่าลงพร้อมกับเสียง "ตู่ม"

“ผู้นำมู่ ข้าผิดไปแล้ว ข้าไม่ควรยืมชื่อเสียงคุณ บัตรสมาชิกแพลตตินั่มของข้าเป็นของปลอม! แค่เอามาเพื่อสร้างฉากเฉยๆ แต่ทุกครั้งที่มาเลี้ยงข้าว ข้าไม่ได้ใช้บัตรปลอมนั้นนะ”

หน้าผากของเฉินอิงเหาเต็มไปด้วยเหงื่อเม็ดใหญ่เท่าถั่วที่ไหลลงมาแบบไม่หยุด ร่างกายของเขาสั่นอย่างรุนแรง

“บูม!”

มู่ตงเฟิงเตะเฉินอิงเหาออกไป และจ้องมองตาด้วยความคำราม: "แม่ง มึงเป็นคนพิเศษอะไร?มึงกล้าที่จะใช้ชื่อเสียงของกู?ไม่ต้องพูดถึงว่าเป็นมึง ถึงแม้เฉินซิงไห่มาแล้ว ยังไม่กล้าที่จะใช้ชื่อเสียงของกูเลย!”

“ข้าผิดไปแล้ว!ข้าสำนึกผิดไปแล้ว!ได้โปรดท่านผู้นำมู่ให้โอกาสข้าอีกครั้ง! ข้าสำนึกผิดแล้วจริงๆ!”

เฉินอิงเหาร้องไห้ คือแบบร้องไห้จริงๆ น้ำตานองใบหน้า

ปกติเขามักจะดูเหมือนสุภาพบุรุษ และในที่สุดก็รู้ว่าเขากลัว

สไตล์ของมู่ตงเฟิงนั้นแข็งแกร่งและโหดเหี้ยมคือโด่งดังมาก แม้ว่าตระกูลมู่จะไม่ใช่ผู้ร่ำรวยอันดับต้น ๆ ในเมืองเอก เพราะมีตระกูลหานเป็นแบ๊ค ถึงจะเป็นตระกูลที่เข้มแข็งในเมืองเอกเหมือนกัน

ตอนนี้ที่เฉินอิงเหา แสแสร้งทำเป็นอยู่บนหัวของมู่ตงเฟิงเขารู้ว่าผลที่ตามมานั้นร้ายแรงเพียงใด

“โทรหาคุณปู่ของมึง ให้เวลาเขาสิบนาที มาที่นี่ ไม่อย่างนั้น รอเก็บศพของมึงเลย!”มู่ตงเฟิงพูดขึ้นทันใด

เฉินอิงเหากล้าพูดว่า "ไม่" สักที่ไหน เขารีบหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาแล้วโทรหาเฉินซิงไห่

ดวงตาของมู่ตงเฟิงเต็มไปด้วยความเฉยเมย ที่เขามาเมืองโจวเฉิงในครั้งนี้ เพื่อขยายอิทธิพลของตระกูลมู่ในเมืองอื่น ๆ ดังนั้นเขาจึงเชิญผู้นำของแต่ละตระกูลผู้ร่ำรวยของเมืองโจวเฉิงมารวมตัวกัน

สาเหตุที่ไม่เชิญตระกูลเฉินและตระกูลหยวน ก็เพราะทั้งสองตระกูลนี้ครอบครองครึ่งหนึ่งของเมืองโจวเฉิง

ถึงแม้ตระกูลมู่จะแข็งแกร่งกว่าสองตระกูลนี้ ถ้าสองตระกูลนี้มาอยู่ภายใต้ของเขา ก็บังคับได้ยาก

ดังนั้นเขาจึงยิงจากตระกูลอันดับแรกและอันดับสองของเมืองโจวเฉิง โดยไม่คาดคิดว่าเฉินอิงเหาจะมายั่วยุเขา แล้วก็มีเหตุผลถูกต้องที่จะเรียกร้องให้ตระกูลเฉิน จ่ายค่าชดเชยจำนวนมากมาก่อน

“ลูกชาย ทุบต่อเลย! เมื่อกี้มีใครบ้างได้ทุบตีเจ้า ไม่ต้องปล่อยเขาไปสักคน!”

มู่ตงเฟิงพูดกับมู่เจิ้นอีกครั้ง

มู่เจิ้นทำเสียงเยาะเย้ย ถือท่อเหล็กและเดินไปหาอีกคน

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: The king of War