ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่ นิยาย บท 372

ฮวาอวี่เฟยตายแล้ว

แต่ เรื่องนี้มันไม่เหมือนกับที่เกาเหลียงคิดไว้เลย ไม่อาจเผยแพร่เรื่องนี้ให้คนในยุทธภพรู้ได้ ยิ่งไม่มีใครรับรู้ถึงลูกรักของสวรรค์อย่างเย่เทียนที่ค่อยๆ รุ่งโรจน์ขึ้นหรอก

ไม่ใช่อะไร เป็นเพราะต่งเจ๋อเชาสั่งคนให้บอกกับผู้โชคดีที่มาอยู่ตรงนั้น ว่าห้ามเผยแพร่สิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนสู่โลกภายนอกเด็ดขาด ต่อให้เป็นปู่แท้ๆ ของตน ก็ห้ามเด็ดขาด!

คนที่ฝ่าฝืนจะถูกลงโทษหากบฏ

ภายใต้คำสั่งที่เคร่งครัดนี่ ข้อมูลนี้จึงไม่ได้ถูกแพร่งพรายออกไปมาก เกาเหลียงถึงขั้นนอกจากหัวหน้าสำนักแล้วก็ไม่กล้าบอกให้ใครรู้อีกเลย

คนที่เป็นถึงระดับหัวกะทิของสำนักกุยอีนั้น ต้องรู้ดีอยู่แล้วว่าสิ่งที่หน่วยเดอะคิงที่ยิ่งใหญ่ทั้งสามขาดแคลนที่สุดก็คือนักบู๊ระดับดำ ไม่ใช่แค่เขาที่เป็นนักบู๊ระดับเหลืองเลย ต่อให้เป็นทั้งสำนักกุยอีก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้แน่นอน

แม้แต่เกาเหลียงที่เป็นนักบู๊ตกอยู่ในสภาพนี้ ก็ไม่ต้องพูดถึงคนอื่นๆแล้ว ต่างก็พากันตบอกรับปาก ว่าจะไม่เอาไปพูดต่อแม้แต่คำเดียว

ในใจของทุกคนต่างก็รู้ดี ว่าเรื่องนี้มันส่งผลกระทบที่มากเกินไป มันอาจทำให้เกิดความแตกตื่นไปทั่วทั้งประเทศก็เป็นได้

และสถานการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืน ก็ถูกต่งเจ๋อเชาสั่งให้กลบเกลื่อนว่าเป็นการเกิดแผ่นดินไหว จึงถือว่ายังพอสามารถกดเรื่องนี้เอาไว้ได้

แน่นอนว่า ตอนที่ต่งเจ๋อเชาปรากฏตัวออกมา เขาก็แสดงเจตจำนงว่าอยากให้เย่เทียนมาเป็นกำลังให้กับประเทศชาติทันที

จนเย่เทียนบอกว่าจะไปเข้าร่วมการคัดเลือกกองทีมสายฟ้าที่เยี่ยนจิง ต่งเจ๋อเชาถึงยอมปล่อยเขาไป

ส่วนเรื่องกรรมสิทธิ์ของเหมืองหินหยกนั้นก็เป็นไปตามคาด มันได้ตกมาอยู่ในมือของตระกูลฮั่วกับตระกูลซูที่เย่เทียนที่เป็นตัวแทนอยู่

หยางหย่งซินถูกฮวาอวี่เฟยฆ่าตาย หลี่เฉียนคุนถูกลูกหลงจากกระสุนยิ่งตาย ส่วนตู้เฉี่ยวเฉี่ยวก็ตกใจจนหนีกลับเจียงหนันไปตั้งแต่เมื่อคืน นอกจากเย่เทียนก็ไม่มีตัวเลือกอื่นอีกแล้ว

แต่ ณ ตอนนี้ เรื่องนี้มันก็ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับเย่เทียน เขาในตอนนี้ กำลังหรี่ตาและนั่งอยู่บนที่นั่งของเครื่องบิน บินตรงสู่เจียงหนัน

เมื่อคืนหลังได้รับข้อมูลของเจียงหนันจากจี้เหยียนหรันแล้ว เย่เทียนก็พูดกับพวกฮั่วเยี่ยนจือไปนิดหน่อย และไม่ได้กล่าวลากับซูเหมยด้วยตนเองด้วยซ้ำ ก็ต้องนั่งเครื่องกลับเจียงหนันตั้งแต่ตอนตีสองเลย

เรื่องสิทธิ์ในเหมืองหินหยกนั้นมันก็สำคัญ แต่เมื่อมาเทียบกับความปลอดภัยของเฉินหวั่นชิงแล้ว มันก็ไม่ใช่เรื่องที่สำคัญอะไรเลย

สำหรับเย่เทียนแล้ว เฉินหวั่นชิง ตระกูลเฉินถึงเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด เรื่องโหดเหี้ยมอย่างชาติที่แล้วเขาไม่มีทางให้เกิดขึ้นอีกเด็ดขาด

สิ่งสำคัญคือ การจากไปอย่างกะทันหันของหยางหย่งซินกับหลี่เฉียนคุนมันทำให้ทั้งสองตระกูลตกอยู่ในสภาวะที่วุ่นวายโดยสมบูรณ์ และทำให้ทั่วทั้งจ๊กกลางก็วุ่นวายตามไปด้วย

นี่จึงเป็นการทดสอบครั้งหนึ่งอย่างไม่ต้องสงสัย

แน่นอนว่า คนที่ถูกทดสอบในครั้งนี้ไม่ใช่ตระกูลซู แต่เป็นสาวมหัศจรรย์แห่งวงการธุรกิจอย่างฮั่วเยี่ยนจือต่างหาก!

ถ้าเธอสามารถใช้โอกาสนี้ทำให้ตระกูลฮั่วยิ่งใหญ่ขึ้น เย่เทียนก็ไม่รังเกียจที่จะเอ่ยปากรับเธอเป็นศิษย์ในนามถ่ายทอดเคล็ดลับพื้นฐานของการปรุงยาให้!

ส่วนเรื่องลูกศิษย์ที่แท้จริงอะไรนั่น ถ้าไม่มีสักสามถึงห้าสิบปีก็อย่าหวังเลย

ยังไงซะ เรื่องความซื่อสัตย์นั้นสำคัญมาก เย่เทียนนั้นไม่อยากเลี้ยงศิษย์ที่คิดไม่ซื่อหรอก!

ระหว่างที่คิดอะไรเรื่อยเปื่อยอยู่นั้น เย่เทียนก็สังเกตเห็นผู้หญิงคนหนึ่งที่อยู่อีกฟากของทางเดินจากทางหางตา

ไม่รู้ว่าผู้หญิงคนนี้ป่วยรึเปล่า แค่นั่งเครื่องบินยังต้องแต่งตัวมิดชิดขนาดนี้ ใส่แว่นดำอันใหญ่ไว้บนหน้า ทำให้มองไม่ออกว่าหน้าจริงเป็นยังไง

ถ้าไม่ใช่หน้าอกที่นูนออกมาของเธอ เย่เทียนก็คงคิดว่าเป็นพวกผิดเพศอีกแล้ว

แน่นอน ว่าสิ่งที่ดึงดูดความสนใจของเย่เทียน นอกจากการแต่งตัวที่มิดชิดนั่นแล้ว หลักๆ ก็คือชายใส่สูทสวมรองเท้าหนังที่นั่งอยู่ข้างเธอนั่นแหละ แค่มองแวบเดียวก็รู้แล้วว่าเขาเป็นบอดี้การ์ด

“มีแต่พวกมีตังค์นะ!”

เย่เทียนตัดพ้อในใจ ตำแหน่งที่นั่งเป็นชั้นเฟิร์สคลาสของเครื่อง ต่งเจ๋อเชาเป็นคนที่จองตั๋วให้ด้วยตนเอง นอกจากผู้หญิงคนนี้แล้ว ยังมีชายอีกหลายคนที่แต่งตัวเลิศหรู

จากผิวพรรณที่เผยออกมาของหญิงสาว เย่เทียนก็กล้ารับประกันได้เลยว่าเธอคนนี้อายุยังไม่น่าจะเยอะ อายุยังน้อยก็จ้างบอดี้การ์ดได้ แถมยังนั่งชั้นเฟิร์สคลาสอีกด้วย ไม่รู้ว่านำหน้าคนที่อายุไล่เลี่ยกันไปตั้งกี่เท่าแล้ว

แต่เย่เทียนกลับไม่ได้คิดดูดีๆ ว่าในวันนี้ ความสำเร็จของเขาก็นำหน้าคนรุ่นเดียวกันไปแล้วไม่ใช่รึไง?!

คนที่เคยนั่งเครื่องบินน่าจะรู้ดี ระหว่างที่บินอยู่เหนือเมฆ ทางเลือกที่ดีที่สุดก็คือการนอน

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่