จอมนางข้ามพิภพ นิยาย บท 683

หยุนถิงชำเลืองไปทางขันทีน้อยคนนั้นครู่หนึ่ง “เมื่อเป็นเช่นนี้ ก็รบกวนกงกงท่านนี้ลองชิมสุราเถอะ”

โม่เหลิ่งเหยียนมองดูหยุนถิงครู่หนึ่ง ไม่ได้พูดอะไร ก็คือเห็นด้วยโดยปริยาย

สีหน้าของฮ่องเต้แคว้นเทียนจิ่วเย็นชาจนดำมืด ได้แต่ตอบตกลงเท่านั้น “เจ้าไปเถอะ”

มู่เซียวเซียวเดินเข้ามา หยุนถิงยกถ้วยสุราของตัวเองขึ้นมา แต่กลับไม่ได้ยื่นให้นาง

“ในเมื่อเจ้าคือคนที่ปรนนิบัติรับใช้ฝ่าบาท เหตุใดข้าถึงไม่เคยพบเจ้าที่พระราชวังมาก่อน?”

ขุนนางคนอื่นๆต่างพากันมองมา พวกเขาเข้าวังบ่อยๆ ไม่เคยเห็นขันทีน้อยคนนี้มาก่อนจริงๆ รู้สึกสงสัยขึ้นมาทันที

มู่เซียวเซียวตัวแข็งทื่อ หรือว่าหยุนถิงจะจำตัวเองได้?

“ซื่อจื่อเฟย นี่คือขันทีน้อยที่ข้าเลื่อนตำแหน่งขึ้นมาใหม่ เห็นว่ามีไหวพริบก็เลยเก็บเอาไว้ปรนนิบัติรับใช้อยู่ข้างกาย หลิ่วกงกงคนก่อนหน้านี้อายุมากแล้ว ทำงานไม่ถูกใจข้า ก็เลยเปลี่ยนคน หรือว่าข้าเปลี่ยนขันทีมาปรนนิบัติรับใช้ยังจำเป็นต้องรายงานซื่อจื่อเฟย!” ฮ่องเต้กล่าวด้วยสีหน้ามืดมน

ขุนนางคนอื่นๆละทิ้งความคิดไปในทันที พากันดูแคลนอยู่ในใจ ซื่อจื่อเฟยผู้นี้จะยุ่งเกินไปหน่อยแล้ว อย่าว่าแต่ขันทีน้อยคนหนึ่งเลย ทั่วทั้งแคว้นเทียนจิ่วล้วนเป็นของฝ่าบาท ฝ่าบาทต้องการใช้งานใคร ใครก็ไม่มีสิทธิ์มายุ่ง

“ฝ่าบาทตรัสถูกต้องแล้ว ซื่อจื่อเฟยให้เขาลองชิมสุรา!” โม่เหลิ่งเหยียนที่ปลอมตัวเป็นจวินหย่วนโยวเอ่ยปากขึ้นมา

“ตกลง!” หยุนถิงถึงได้ยื่นถ้วยสุรามาให้

มู่เซียวเซียวรับสุราถ้วยนั้นมา และเงยหน้าขึ้นมาดื่ม

หยุนถิงเห็นนางไม่เป็นอะไรจริงๆ ถึงได้วางใจลง “ในเมื่อกงกงท่านนี้ไม่เป็นอะไร ข้าก็คิดมากไปเอง ฝ่าบาทข้าลงโทษตัวเองด้วยการดื่มหนึ่งจอก!”

นางกล่าวจบ ก็หยิบกาสุราขึ้นมารินสุราหนึ่งถ้วย ยังรินให้โม่เหลิ่งเหยียนอีกหนึ่งถ้วย ทั้งสองคนเงยหน้าขึ้นมาดื่มจนหมด

มู่เซียวเซียวมองดูพวกเขาดื่มสุรา จิตใจที่ตึงเครียดถึงได้ผ่อนคลายลง หันหลังกลับไปอยู่ข้างกายของฮ่องเต้

ผิงหนานอ๋องก็โล่งใจไปเปลาะหนึ่งเช่นนั้น ในสุรานั่นมีพิษอยู่จริงๆ และยังเป็นพิษร้ายแรง มู่เซียวเซียวคือคนที่เหมาะสมในการชิมสุราที่สุด

ในเมื่อทุกคนล้วนดื่มสุราแล้ว ผิงหนานอ๋องก็ไม่มีความอดทนในการรับมือกับพวกเขาอีก

“เสด็จพี่ พระองค์มีเรื่องจะประกาศให้ทุกคนทราบไม่ใช่หรือ?” ผิงหนานอ๋องกล่าวอย่างราบเรียบ

ฮ่องเต้เอ่ยปากทันที “ขุนนางทุกคนล้วนอยู่ที่นี่ วันนี้ข้ามีเรื่องจะประกาศ ตอนนี้เกิดเรื่องขึ้นกับบรรดาองค์ชาย ไท่จื่อก็หมดสติ เซ่อเจิ้งอ๋องป่วยติดเตียงตลอดปี เมื่อมองดูทั่วทั้งแคว้นเทียนจิ่ว มีเพียงผิงหนานอ๋องคนเดียวที่สามารถทำงานใหญ่นี้ได้ ดังนั้นข้าจึงตัดสินใจยกบัลลังก์ให้กับผิงหนานอ๋อง”

ทันทีที่คำพูดนี้ออกมา ทั่วทั้งพระตำหนักก็ฮือฮากันไปทั่ว

“ฝ่าบาท ทำเช่นนี้ได้อย่างไร พระองค์คือฝ่าบาท ยังทรงพระเยาว์ จะสละบัลลังก์ได้อย่างไร?” ขุนนางใหญ่คนหนึ่งคัดค้านขึ้นมาทันที

“ถึงแม้จะเกิดเรื่องขึ้นกับฝ่าบาท แต่ก็ไม่ได้สิ้นพระชนม์นี่นา ยิ่งไปกว่านั้นไท่จื่อแค่หมดสติเท่านั้น ฝ่าบาททำเช่นนี้ไม่เหมาะสมจริงๆ”

“กระหม่อมก็คัดค้านเช่นกัน ฝ่าบาทพระองค์คือผู้มีอำนาจสูงสุด ประการแรกผิงหนานอ๋องไม่ได้มีความชอบทางการทหาร ประการที่สองไม่เคยอุทิศคุณูปการใดๆต่อแคว้นเทียนจิ่ว ไม่เหมาะสมกับหลักเหตุผลจริงๆ”

ขุนนางใหญ่ทุกคนล้วนคัดค้านกันหมด อย่างไรเสียก่อนหน้านี้ผิงหนานอ๋องเป็นเพียงท่านอ๋องที่เอ้อระเหยลอยชายคนหนึ่ง ถูกองค์หญิงใหญ่กดขี่ ธรรมดาสามัญไม่มีอะไรพิเศษ บรรดาขุนนางย่อมไม่เห็นด้วยอยู่แล้ว

ผิงหนานอ๋องฟังคำคัดค้านของทุกคน สีหน้าสงบนิ่งราบเรียบ ไม่ได้รู้สึกโกรธเลยแม้แต่น้อย มือที่กำถ้วยสุราเอาไว้ขยับหมุนเล็กน้อย

“อ๊า ข้าปวดท้อง ทำไมถึง-----พู๊ด!” ขณะที่ขุนนางใหญ่คนหนึ่งกล่าวไป ก็กระอักเลือดสีดำออกมาคำหนึ่ง ยังไม่ทันได้รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ก็สิ้นลมล้มลงไปกับพื้นทันที

ขุนนางใหญ่คนอื่นๆล้วนตกใจแทบแย่ พากันหลบไปอยู่ด้านข้าง ขุนนางมากมายเริ่มรู้สึกไม่สบายขึ้นมา ล้วนล้มลงไปกับพื้น แต่ไม่ได้เสียชีวิตในทันที

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมนางข้ามพิภพ