วันนี้เป็นวันแรกของการเปิดโรงพยาบาลเพื่อประชาชน ซุนซือสิงเตรียมยาที่จะใช้เอาไว้แต่เนิ่นๆ และตรวจสอบกล่องยาครั้งแล้วครั้งเล่าเพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่มีปัญหาใด
หมอที่ตระกูลหยุนส่งมาก็เดินทางมาถึงจวนเฟิ่งก่อนเวลาเช่นกัน ทงจือและทงเหยาได้ไปจัดเตรียมที่โรงพยาบาลเพื่อประชาชนเมื่อวานนี้ และได้ประชาสัมพันธ์เพื่อทุกคนจะได้ให้ความร่วมมือกับเฟิ่งชิงเฉิน
ก่อนรุ่งสาง คนรับใช้ของจวนเฟิ่งได้ออกไปรักษาความสงบเรียบร้อยรออยู่ที่นั่น จำแนกผู้ป่วยตามที่เฟิ่งชิงเฉินกล่าว: รุนแรง เร่งด่วน เบาและรอได้ ทันทีที่เฟิ่งชิงเฉินปรากฏตัว โรงพยาบาลเพื่อประชาชนก็จะได้เริ่มทำงานทันที
เมื่อเห็นว่าทุกอย่างเข้าที่เข้าทาง เหลือเพียงแค่ให้นางเดินทางไป เฟิ่งชิงเฉินจึงตระหนักว่านางจอมปลอม อะไรคือความแตกต่างระหว่างการกระทำของนางกับการกระทำของคุณหนูทั่วไปเล่า?
เพียงคำสั่ง คนรับใช้ก็จัดเตรียมทุกอย่างเรียบร้อย นางเพียงแค่เดินทางไปเข้าร่วม บางทีความแตกต่างเพียงอย่างเดียวคือนางไม่ได้ไปในนามเท่านั้น นางไปที่โรงพยาบาลเพื่อประชาชนและรักษาคนไข้จริงๆ
แต่ถึงกระนั้น คนที่นางสามารถช่วยได้ก็มีจำกัด หมอมีมือเพียงคู่เดียว นางสามารถช่วยชีวิตคนได้ แต่ไม่สามารถกอบกู้โชคชะตาของใครได้
สำหรับคนที่ไม่มีเงินหาหมอและรักษาอยู่ที่โรงพยาบาลหวาเซี่ย ตั้งแต่โบราณมาไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ
เฟิ่งชิงเฉินถอนหายใจออกมา นางพยายามหาข้ออ้างในความเห็นแก่ตัวของตนเอง การมีจิตใจอันเป็นกุศลน่ะหรือ ดูเหมือนว่านางจะไม่มีเลย ดังนั้น......อย่าได้ฝืนตัวเองไปเลย ควรเป็นอย่างไรก็ให้มันเป็นอย่างนั้น จะให้นางอดตายเพื่อไปช่วยคนอื่นอย่างนั้นนางก็ทำไม่ได้
หลังจากที่รับประทานอาหารเข้าไปอย่างเร่งรีบสองสามคำ เฟิ่งชิงเฉินก็ยื่นแก้วเก็บความร้อนไปให้ทงจือและทงเหยา ตอนที่เดินทางออกไปก็ยื่นให้กับซุนซือสิงแก้วหนึ่งด้วย “น้ำร้อนสามารถเก็บอุณหภูมิได้หกชั่วโมง คนเป็นหมอจะต้องดูแลตนเองให้ดี”
“ขอบคุณท่านอาจารย์” แววตาของซุนซือสิงเป็นประกาย แก้มของเขาเป็นสีชมพูเล็กน้อยน่ามองยิ่งนัก ดูเหมือนเขาจะให้ความคาดหวังกับการออกรักษาในวันนี้มาก เฟิ่งชิงเฉินเหลือบมองไปทางซุนซือสิงและไม่ได้โจมตีเรื่องของความกระตือรือร้นของเขา
ผู้ที่เคยไปบริการเพื่อประชาชนมาแล้วครั้งหนึ่ง โดยมากมักจะไม่อยากไปอีกเนื่องจากสภาพจิตใจอาจรับไม่ได้
หากว่าได้เห็นผู้ป่วยจริงๆ ที่ไม่มีแม้แต่เงินจะรักษา ความรู้สึกที่มีนั้นคงไม่ได้ดีใจเพราะสามารถรักษาได้ แต่กลับคิดว่าต้องมีกี่คนบนโลกนี้เป็นดั่งคนไข้เหล่านั้นที่ใกล้จะตายและนางจะช่วยได้อีกสักกี่คน
ใครก็ตามที่เคยมาร่วมงานในโรงพยาบาลเพื่อประชาชนนี้ และเห็นสิ่งที่แต่ละครอบครัวต้องเผชิญเพราะความเจ็บป่วย ก็คงจะไม่คาดหวังเรื่องการรักษาเท่าไรนัก เนื่องจากว่า......
ฉากเหล่านั้นน่ากลัวเหลือเกิน
จิตอาสาคือการทดสอบมโนธรรมอย่างแท้จริง และนางก็ไม่ชื่นชอบความรู้สึกเช่นนั้นเลย ทุกครั้งที่รู้สึกเช่นนี้ราวกับว่ามีก้อนหินนับพันก้อนถาโถมทับอยู่ในจิตใจ มันช่างหนักอึ้ง นางต้องการจะช่วยเหลือทุกคนที่ป่วยบนโลกใบนี้แต่ว่า......
ความสามารถของคนคนหนึ่งนั้นมีขีดจำกัด หมอคนหนึ่งต่อให้เก่งกาจขนาดไหนทั้งชีวิตนี้คนที่นางสามารถช่วยให้รอดพ้นจากอันตรายได้แท้จริงแล้วก็น้อยจนนับนิ้วได้ คนที่สามารถช่วยพวกเขาได้จริงๆนั่นก็คือพวกที่มีอำนาจหรือคนที่นั่งอยู่บนบัลลังค์แห่งนั้น น่าเสียดาย......
ก่อนที่จะได้ก้าวขึ้นไปบนบัลลังค์แห่งนั้น บางทีพวกเขาอาจจะยังมีจิตใจที่เป็นห่วงประชาชนอยู่บ้างเล็กน้อย แต่หลังจากที่ขึ้นไปนั่งบนบัลลังค์นั้นแล้ว สิ่งที่ต้องทำก็คือการต่อสู้เพื่ออำนาจและรวบรวมอำนาจเข้าด้วยกัน ไม่เช่นนั้นก็ไม่มีคุณสมบัติพอที่จะนั่งอยู่บนบัลลังค์ มีสักกี่คนเล่าที่สนใจชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน
เมื่อทุกอย่างเตรียมพร้อมเสร็จสรรพแล้ว ก่อนออกเดินทางก็ได้พบกับสิ่งไม่คาดฝันเล็กน้อย......เซวียนเส้าฉียืนรอนางอยู่ที่หน้าประตู เมื่อพบว่ามีหิมะเกาะอยู่บนบ่าของเขาก็รู้ได้ทันทีว่าเขาคงรออยู่นานแล้ว เฟิ่งชิงเฉินเอ่ยถามขึ้นอย่างไม่ได้แปลกใจว่า “นายท่านน้อย เหตุใดจึงมาอยู่ที่นี่”
แต่นางไม่ได้ขับไล่เขาออกไป ในจวนเฟิงนี้เขาจะอยู่ที่ไหนอย่างไรก็ย่อมได้ เพียงแค่อย่าได้เอ่ยปากเรื่องคู่หมั้นอะไรนั้นออกมาเป็นพอ
ทางด้านของเซวียนเส้าฉีเองก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี เขาไม่ได้หยิบยกเรื่องคู่หมั้นคู่หมายมาบีบบังคับเฟิ่งชิงเฉิน เมื่อพบว่าเฟิ่งชิงเฉินเดินถือกล่องยาออกมาจึงได้ก้าวเข้าไปเอื้อมมือมารับไว้พูดว่า “ข้าจะไปเป็นเพื่อนเจ้า”
ท่าทางอันดูเป็นธรรมชาติของเขาทำให้เฟิ่งชิงเฉินไม่อาจปฏิเสธได้เลย นางปล่อยมือออกโดยสัญชาตญาณ เมื่อนางได้สติกลับคืนมาอีกครั้งก่อนพบว่าเซวียนเส้าฉีเดินถือกล่องยาไปที่ข้างรถม้าเป็นที่เรียบร้อยแล้ว หึๆ การกระทำของเซวียนเส้าฉีดูเหมือนเป็นผู้ช่วยหมอผ่าตัดอย่างไรอย่างนั้น เอาเถอะ ถ้าไม่ใช้ประโยชน์ก็คงจะเสียเปล่า ก่อนหน้านี้เป็นซุนซือสิงที่คอยถือให้นาง แต่บัดนี้ซุนซือสิงก็มีกระเป๋ายาเป็นของตนเอง ดังนั้น......
เฟิ่งชิงเฉินรู้สึกอบอุ่นใจขึ้นมาทันที ไม่ว่าเซวียนเส้าฉีทำอย่างไรก็ไม่ปฏิเสธ และไม่ว่านางจะเห็นด้วยหรือไม่ เขาก็จะทำในสิ่งที่เขาคิด
เซวียนเส้าฉีพยุงเฟิ่งชิงเฉินขึ้นรถม้าไป ขณะที่เขากำลังจะตามไปติดๆ นั้น ซุนซือสิงก็โผล่ออกมาจากที่ใดสักแห่ง และยื่นมือเข้ามาอย่างรวดเร็ว “ท่านอาจารย์” เขาเข้ามาสอดแทรกระหว่างทั้งสองคนแล้วหันไปยิ้มเป็นการขอโทษให้กับเซวียนเส้าฉี จากนั้นรีบปีนขึ้นรถม้าไปอย่างรวดเร็ว “ท่านอาจารย์เรื่องของ......”
ซุนซือสิงแทรกตัวขึ้นไปบนรถม้า ท่าทางของเขาดูเร่งรีบราวกับมีเรื่องสำคัญต้องการเอ่ยถาม เซวียนเส้าฉียกมือขึ้นลูบคลำจมูกของตนเบาๆ ก่อนจะขึ้นรถติดตามไป
เหตุใดผู้ช่วยของเฟิ่งชิงเฉินจึงได้เป็นเช่นนี้ ทั้งๆ ที่เมื่อวานเขาก็ยินดีรับของขวัญจากตนไป วันนี้กลับมาสร้างความวุ่นวายเช่นนั้นได้ แต่การกระทำเหมือนเด็กๆ เช่นนี้เขาไม่อยากนำมาใส่ใจ
บนรถม้า ซุนซือสิงนั่งตรงกลางและปิดกั้นเฟิ่งชิงเฉินโดยไม่ให้เซวียนเส้าฉีมีโอกาสสนทนาเลย หลังของเขาบังเฟิ่งชิงเฉินไว้ เซวียนเส้าฉีจะแอบมองก็ไม่เห็น
เฟิ่งชิงเฉินเข้าใจความคิดของซุนซื่อสิงดีนางจึงยิ้มรับ เมื่อเห็นว่าซุนซือสิงหยิบยกเรื่องโรคที่มักเกิดในฤดูหนาวขึ้นมาสนทนา นางเองก็ให้ความร่วมมือและสนทนากับเขา......
ทั้งสองคนกำลังสนทนาเรื่องของการเจ็บป่วยอยู่ ไม่มีความคิดอื่นใด แต่สิ่งเหล่านี้ไม่เกี่ยวข้องกับซุนซือสิงเลย
ท่าทางของเซวียนเส้าฉีดูไม่ได้สนใจกับการกระทำอันชัดเจนของซุนซือสิงเช่นนี้ว่าไม่พออกพอใจหรืออย่างใด จนกระทั่งเดินทางถึงโรงพยาบาลเพื่อประชาชน เซวียนเส้าฉีจึงได้เดินถือกล่องยาตามเฟิ่งชิงเฉินไปและลงจากรถม้า ดูไม่เหลือท่าทีของนายท่านน้อยเลย ทงจือมองไปและอ้าปากไม่รู้จะพูดสิ่งใดดี
ไม่ว่าตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ตาม ทงจือเลือกที่จะเปิดโรงพยาบาลเพื่อประชาชนบริเวณประตูเมือง เมื่อเฟิ่งชิงเฉินลงจากรถม้านางก็ได้แต่ตกตะลึง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ