ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่ นิยาย บท 631

เมื่อเทียบกับเย่เย่เซิงเกอ เมืองที่ไม่เคยหลับก็ใหญ่กว่าเยอะเลย เป็นอาคารขนาดใหญ่ที่สูงหกชั้น มีการพนันแทบทุกอย่างรวมอยู่ที่นี่ อยู่ห่างตั้งไกลยังได้ยินเสียงวุ่นวายที่ดังมาจากข้างใน

“คุณครับ ช่วยแสดงหลักฐานยืนยันตัวตนด้วยครับ”

พอเย่เทียนเดินเข้าไป รปภ.สองคนตรงหน้าประตูที่ถือAKก็ได้เดินเข้ามา

เย่เทียนพยายามฝืนยิ้มออกมาที่มุมปาก แล้วล้วงธนบัตรสองมัดออกมาจากกระเป๋าอย่างใจเย็น จากนั้นก็เก็บเข้าไปอย่างรวดเร็ว

เมืองที่ไม่เคยหลับแห่งนี้ได้ถูกขนามนามว่าเป็นบ่อนที่ใหญ่ที่สุดในสามเหลี่ยมทมิฬหรือแม้แต่ในเขตชายแดนของที่สามประเทศเลย มีตั้งแต่ไพ่โป๊กเกอร์ไพ่นกกระจอกรวมไปจนถึงการชนไก่แข่งหมา หลักฐานในการยืนยันตัวตนที่ดีที่สุดก็คือเงิน

เป็นไปตามคาด พอรปภ.สองคนได้เห็นอย่างนั้น ก็รีบลดปืนที่ยกขึ้นมาลงนิดหน่อย แล้วพูดอย่างอ่อนน้อมว่า “คุณครับยินดีต้อนรับสู่เมืองที่ไม่เคยหลับ เชิญเข้าไปด้านในได้เลยครับ”

ถึงเมืองที่ไม่เคยหลับจะมีอยู่ทั้งหมดหกชั้น แต่มีแค่ห้าชั้นแรกเท่านั้นที่เป็นโซนพนัน ส่วนชั้นที่หกก็มีไว้เก็บเงินเท่านั้น

การมาของเย่เทียนในครั้งนี้ไม่ใช่การเล่นพนัน จึงไม่ได้สนใจว่าจะไปชั้นไหนจึงได้เดินเข้ายังโซนไพ่โป๊กเกอร์ที่อยู่ตรงชั้นหนึ่ง

พอเปิดประตูชั้นหนึ่งออก ก็มีพนักงานสาวที่ใส่ชุดกระต่ายเดินเข้ามาทันที เธอยิ้มหวานๆ ออกมาที่มุมปาก แล้วพูดเบาๆ ว่า “คุณผู้ชาย ไม่ทราบว่าคุณจะแลกชิพเท่าไหร่ดีคะ?”

“ผมจัดการเองดีกว่าครับ!”

เย่เทียนยิ้มออกมาเล็กน้อย หลังเดินอย่างชำนาญทางไปแลกชิพจำนวนสองหมื่นแล้ว เขาถึงได้เดินเข้าไปในโซนที่วุ่นวายอย่างเป็นทางการ

ห้องโถงนี้กว้างประมาณหนึ่งสนามฟุตบอล ครึ่งหนึ่งทางด้านถูกแบ่งเป็นห้องๆ ซึ่งเอาไว้รับรองลูกค้ามีเงินที่จะเดิมพันกันหนักๆ

ถึงแม้ตอนนี้จะเป็นเวลาตีสี่แล้ว แต่คนที่อดนอนอยู่ตรงนี้ก็มีไม่น้อย ที่ได้เงินก็โห่ดีใจ ส่วนคนที่เสียก็คำรามด้วยความปวดใจ ทั้งสองกลายเป็นข้อเปรียบเทียบที่ต่างกันคนละขั้ว

แต่เย่เทียนก็ไม่ได้รีบร้อนอะไร กวาดตามองไปรอบๆ แล้วไปนั่งลงตรงโต๊ะที่เล่นบาคาร่า เล่นไปก็สังเกตดูสถานการณ์ของบ่อนไป

เนื่องจากเขาก็ไม่ได้ตั้งใจเล่น เล่นไปมือก็ไม่ค่อยขึ้นเท่าไหร่ ในเวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมง ชิพสองหมื่นที่แลกมาก็กลายเป็นของเจ้ามือจนหมด

“นี่ นายยังมีเงินเล่นอีกรึเปล่า?”

ทันทีที่ชิพในมือของเย่เทียนหมดไป นักพนันคนหนึ่งที่มายืนอยู่ข้างๆ ยังไม่ถึงสามนาทีก็ได้เร่งเร้าขึ้นมา

ความจริงแล้ว ก่อนหน้านี้เขาก็นั่งตรงที่ที่เย่เทียนนั่งนี่แหละ แต่ทำไงได้คนเรามีสามสิ่งที่จะทนไม่ได้ ใครจะไปคิดว่าพอเขาไปห้องน้ำกลับมา ที่นั่งตรงนี้ก็ถูกเย่เทียนแย่งไปแล้วเขาเล่นเสียไปก็ไม่น้อย เมื่อกี้เพิ่งรู้สึกว่าดวงกำลังจะกลับมาดีแล้วจะไม่ให้ร้อนใจได้ยังไงล่ะ?

พอเย่เทียนได้ยินอย่างนั้น ก็ได้หันไปตามสัญชาตญาณ ดวงตาสีดำคู่นั้นจ้องมองไปยังชายคนนี้

เป็นชายที่สูงประมาณร้อยหกสิบห้า ตาทรงสามเหลี่ยม ดูโหดนิดๆ ผิวหนังตรงมือหนาด้าน แค่ดูก็รู้แล้วว่าเป็นคนที่ฝึกวรยุทธ

ประเด็นคือ เขาตัดผมทรงชนมาเกะ มองออกทันทีว่าเป็นคนประเทศหมิง

“คุณเป็นคนประเทศหมิงอย่างนั้นเหรอ?”

เย่เทียนได้ยิ้มอย่างขบขันออกมาที่มุมปาก นึกไม่ถึงจริงๆ ว่าเขายังไม่ทันได้ไปหาเลย อีกฝ่ายก็เป็นฝ่ายมาหาเองแล้ว

นี่มันก็เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ ตามข้อมูลที่เหมยกุ้ยให้มา ซูเหมยนั้นถูกพามาที่นี่ แต่ที่เมืองที่ไม่เคยหลับดันมีคนจากประเทศหมิงโผล่ออกมาอีกกลุ่มหนึ่ง เขาจึงได้มุ่งเป้ามาที่คนจากประเทศหมิงแล้ว

“ฉันเป็นคนที่ไหนแล้วมันเรื่องอะไรของแก?”

ชายตาสามเหลี่ยมทำเสียงฮึดฮัด แล้วพูดอย่างดูถูกว่า “ถ้ามึงไม่เล่นแล้วก็รีบไสหัวไปซะ! อย่ามาเสียเวลาของกู!”

แต่เย่เทียนกลับส่ายหน้า แล้วพูดด้วยสีหน้าที่จะยิ้มไม่ยิ้ม “แล้วถ้าฉันไม่ไปล่ะ?”

“ไม่ไป?”

ชายตาสามเหลี่ยมเคร่งขรึมขึ้นมา แล้วพูดแรงๆ ว่า “กั๊กที่เอาไว้แต่ไม่ทำอะไร ทั้งที่ไม่มีเงินเล่นแล้วยังจะกั๊กที่ไว้อีก ดูท่ามึงจะอยากโดนกระทืบซะแล้วมั้ง!”

ระหว่างที่พูด ชายตาสามเหลี่ยมก็ชูมือขึ้นแล้วชกใส่เย่เทียนราวกับสัตว์ร้าย

เอ้ย!

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่