บัลลังก์หมอยาเซียน นิยาย บท 127

สวีอีเข้าจวนไปอย่างเศร้าโศก ตรงไปที่ห้องบัญชีเพื่อรับกระดาษ พู่กัน หมึกและที่ฝนหมึก

นายบัญชีเป็นลูกพี่ลูกน้องเขา ได้ยินว่าเขาต้องการกระดาษพันแผ่น ก็ตาโตเป็นไข่ห่าน "เยอะขนาดนี้เชียวหรือ เจ้าต้องไปเอาที่ห้องเก็บของแล้วล่ะ ลองถามขอกุญแจห้องเก็บของจากท่านทังหยางแล้วไปเอาเองดีกว่านะ"

สวีอีจึงทำได้เพียงต้องไปหาทังหยาง

ทังหยางเพิ่งลงบัญชีเสร็จ ได้ยินว่าเขาต้องการกระดาษถึงพันแผ่น ก็ถามว่า "เจ้าต้องการกระดาษมากมายขนาดนี้ไปทำอะไรรึ"

สวีอีทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ พูดว่า " ใต้เท้าทัง ครั้งนี้เจ้าต้องช่วยข้านะ"

"เกิดอะไรขึ้นหรือ" ทังหยางถามด้วยความแปลกใจ เขาไม่เคยเห็นสวีอีทำหน้าเหมือนอยากจะร้องไห้แบบนี้มาก่อน

"ท่านอ๋องลงโทษให้ข้าคัดคำว่า มารยาท ยุติธรรม ศีลธรรม เกียรติยศพันครั้ง ข้าเขียนคำว่ามารยาท ยุติธรรมเป็นนะ แต่คำว่าศีลธรรมและเกียรติยศ มันเขียนอย่างไรล่ะ"

ทังหยางเลิกคิ้ว "แปลกจริง คำว่าศีลธรรมและเกียรติยศ เจ้าเขียนไม่เป็นนี่นับว่าเป็นเรื่องปกติ เพราะเจ้าก็ไม่ได้มีศีลธรรมอะไรนัก แต่เจ้าเขียนคำว่ามารยาทและยุติธรรมเป็นนี่สิ ที่ไม่น่าเป็นไปได้ เจ้ามีของอย่างมารยาทด้วยรึ"

สวีอีโกรธจนกระทืบเท้าเร่าๆ "เจ้ายังจะเอาข้ามาล้อเล่นเป็นเรื่องตลกอีกรึ ข้าอนาถถึงเพียงนี้แล้ว ถ้าเจ้าไม่ช่วยข้า จากนี้ไปก็อย่าหวังว่าข้าจะช่วยอะไรเจ้าอีกเด็ดขาด"

ทังหยางหัวเราะ "เจ้าเคยช่วยข้าเมื่อไรรึ"

"หลังจากนี้ไม่แน่ว่า อาจจะมีเรื่องที่เจ้าต้องการความช่วยเหลือก็ได้นี่" สวีอีกัดไม่ปล่อย

ทังหยางยิ้ม เอากุญแจออกมาแล้วไปกับเขา "ไปเถอะ ไปเอากระดาษที่ห้องเก็บของ แต่เจ้าต้องบอกข้าก่อนว่าทำไมถึงได้ถูกท่านอ๋องลงโทษ"

สวีอีพูดอย่างน้อยอกน้อยใจขณะที่เดินไปด้วย "ข้าขับรถกลับมาถึงจวน ข้าก็เปิดม่านอย่างทุกที เพื่อจะให้ท่านอ๋องกับพระชายาออกมา ใครจะไปรู้ล่ะว่าข้างในอากาศมันจะร้อนมาก ทั้งคู่เหงื่อออกท่วมตัว คอเสื้อของพระชายาก็เปิดด้วย ข้าแค่มองแวบเดียว ท่านอ๋องก็ด่าข้าซะแล้ว"

ทังหยางตกใจจนผงะ "จริงหรือ"

สวีอีคิดว่าเขาไม่เชื่อ จึงเน้นน้ำเสียงอย่างมั่นใจว่า "แน่นอนว่าต้องเป็นความจริงน่ะสิ อันที่จริงข้ายังไม่ได้เห็นอะไรเลย ท่านอ๋องก็โกรธซะแล้ว ช่วงนี้ท่านอ๋องยิ่งนับวันก็ยิ่งแปลกขึ้นทุกที เจ้าไม่รู้หรอกว่า วันนี้พอได้ยินผู้ช่วยเจ้ากรมรายงานเรื่องคดีที่เกิด เป็นคดีที่น่าอนาถมาก ชนิดที่ว่าคนถูกฆ่าตายเกือบยกครัว ท่านอ๋องกลับหัวเราะเสียอย่างนั้น เจ้าว่านี่ยังไม่เกินไปอีกหรือ"

"จริงหรือ" ทังหยางครุ่นคิดอย่างหนัก

"จริงสิ ไม่ใช่แค่พระชายานะที่เปลี่ยนไป แต่ตอนนี้แม้แต่ท่านอ๋องก็เปลี่ยนไปด้วยแล้ว" สวีอีถอนหายใจ "แต่พระชายาเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น ส่วนท่านอ๋องเปลี่ยนไปในทางที่แย่ลง"

ทังหยางยื่นมือออกไปจิ้มหน้าผากเขา "ส่วนเจ้าก็เปลี่ยนเป็นคนโง่ไปแล้ว"

สวีอีจ้องเขาตาเขม็ง "เจ้าพูดอย่างนี้ไม่ถูกนะ ก่อนหน้านี้ข้าก็โง่อยู่แล้ว"

"รู้แล้วก็ดี" ทังหยางยิ้มอย่างอบอุ่น "ไปกันเถอะ คัดมารยาท ยุติธรรม ศีลธรรม เกียรติยศกันดีกว่า"

ทังหยางอารมณ์ดี สวีอีสับสน ที่จริงเขาไม่สับสนหรอก เขาก็รู้อยู่ว่าเกิดอะไรขึ้นในรถม้า

แต่ก็ไม่แน่ว่าจะเป็นเรื่องไม่ดี ยิ่งไม่ต้องพูดเลยว่า ด้วยนิสัยของพระชายาในตอนนี้ มีความเหมาะสมที่จะเป็นนายหญิงแห่งจวนอ๋องฉู่มากแค่ไหน

หยู่เหวินเห้ากับหยวนชิงหลิง ก็เข้าจวนไปแล้วเช่นกัน หยวนชิงหลิงกินมื้อเย็นที่จวนอ๋องหวยมาแล้ว แต่หยู่เหวินเห้ายังไม่ได้กินข้าว

เขาส่งนางกลับไปที่หอเฟิ่งหยี มีคนรับใช้มาเชิญให้เขากลับไปกินมื้อเย็นที่ตำหนักเซี่ยวเยว่

หยู่เหวินเห้าเหลือบมองหยวนชิงหลิงแวบหนึ่ง ถามว่า "เจ้ากินข้าวมาแล้วหรือไม่"

"กินแล้วเพคะ"

หยู่เหวินเห้าร้องอ๋อเสียงหนึ่ง "อยากกินอีกสักหน่อยหรือไม่"

หยวนชิงหลิงไม่อยากกินแล้ว แต่เมื่อครู่นางได้ยินคนรับใช้พูดว่า กลับไปกินที่ตำหนักเซี่ยวเยว่ ดูเหมือนว่านางจะไม่เคยไปที่นั่นมาก่อน อีกทั้งแม่นมฉีก็บอกด้วยว่าเขาไม่มีเมียทาส ซึ่งที่จริงก็ฟังดูไม่น่าเชื่อเอามากๆ คนที่นี่ชอบมาไม้นี้แหละ

"ก็ดีเพคะ ข้าเองก็กินจากที่จวนอ๋องหวยได้ไม่อิ่มเท่าไรพอดี " หยวนชิงหลิงตอบรับด้วยรอยยิ้ม

หยู่เหวินเห้ายื่นมือออกไปหานาง หยวนชิงหลิงยิ้มแล้วมองแม่นมฉีกับลู่หยา กระซิบเบาๆ ว่า "คนเยอะขนาดนี้ ไม่ค่อยดีกระมังเพคะ"

วันนี้เขาเปลี่ยนไปมากจริงๆ ทั้งเริ่มเป็นฝ่ายเข้าใกล้นางเอง ทั้งไม่กลัวว่าจะถูกคนอื่นเห็น

หยู่เหวินเห้าใช้มือข้างหนึ่งจับมือนางไว้ "คนเยอะแล้วอย่างไรล่ะ คนเยอะแล้วจับมือกันไม่ได้รึ"

หยวนชิงหลิงหน้าแดง เดินตามเขาไปอย่างเชื่อฟัง

นัยน์ตาของแม่นมฉีกับลู่หยาแทบจะถลนออกมาแล้ว วันนี้พระอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันตกหรืออย่างไรกัน ท่านอ๋องกับพระชายาถึงได้รักกันหวานชื่นเช่นนี้

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์หมอยาเซียน