ใต้ร่มยาใจ นิยาย บท 212

เฉิงสิบพยักหน้า "ตัวอาวุธก็แรงมากอยู่แล้ว แต่อันดับอาวุธกลับจัดอันดับโดยอาวุธและพลังของผู้ที่ถืออาวุธนี้ในปัจจุบัน หมายความว่า อาวุธนี้อยู่ในมือผู้ใด พลังที่แผ่ออกมาได้มากที่สุด พิชิตวันจัดอันดับที่หนึ่งไม่ได้อยู่แล้ว แต่เพราะมันอยู่ในมือฝ่าบาท ดังนั้นอันดับของมันจึงเพิ่มขึ้น"

โหลชีได้ยินวิธีการจัดอันดับเป็นครั้งแรก "งั้นใครเป็นคนคิดการจัดอันดับนี้ขึ้นมา? งั้นเขาก็ต้องรู้จักการต่อสู้และพลังของทุกคนน่ะสิ?"

"อืม จะว่าแบบนี้ก็ได้" เฉิงสิบพูด: "แต่ไม่มีใครรู้เลยว่าการจัดอันดับนี้ใครเป็นคนคิดขึ้นมา"

โหลวซิ่นพูดแทรก: "ใต้เท้าองครักษ์เยว่เคยคาดเดาว่า การจัดอันดับนี้อาจจะเป็นลัทธิสิ้นโลกีย์"

ลัทธิสิ้นโลกีย์!

โหลชีตะลึง นางเพิ่งมาถึงโลกนี้ได้ไม่ถึงสองเดือน ลัทธิสิ้นโลกีย์ก็รู้จักนางแล้ว ทั้งลัทธิสูงลัทธิล่าง ด้านหนึ่งอยากจับตัวนาง อีกด้านอยากให้นางตาย เป็นเช่นนี้แล้ว ลัทธิสิ้นโลกีย์รู้จักข้อมูลของทุกคนในโลกนี้อย่างถ่องแท้น่ะสิ!

ระหว่างที่กระบี่ในมือของน่าหลานฮั่วซินกวัดแกว่งไปมาอยู่นั้น กระบี่เรืองแสงสีขาวก็ถักทอลวดลายที่ซับซ้อนขึ้นมา ข้อมือของนางสั่นเป็นครั้งคราว ตัวกระบี่สั่นและออกเสียงเหมือนหงส์ อาจเป็นเพราะชื่อของกระบี่ กระบี่เล่มนี้ไม่ว่าจะเป็นแสงวูบวาบจากการกวัดแกว่งและเสียงของตัวกระบี่ล้วนดูสง่ามาก อาจจะเป็นการกดดันคู่ต่อสู้ทางจิตใจ แต่โหลชีกลับไม่ค่อยชอบกระบี่เล่มนี้สักเท่าไหร่ กระบี่เล่มนี้เหมาะสมกับน่าหลานฮั่วซินดี ต้องอลังการและสง่างาม

ความเป็นจริงแล้ว เทียบกับพิชิตวันของนางไม่ได้ด้วยซ้ำ โอ๊ะ! ไม่สิ! พิชิตวันของเฉินซ่า

ดูแล้วพิชิตวันอยู่กับนางดูสิ้นเปลืองนะ ถ้าให้นางจริง ตำแหน่งที่หนึ่งของพิชิตวันคงไม่ปลอดภัยแล้วล่ะ

ยังดีที่นางได้ราชาเถาทองดำ ตามการออกแบบของนาง สามารถหาช่างทำฝีมือดีได้ล่ะก็ นางเชื่อว่าอาวุธของนางต้องไม่เลวแน่นอน

พวกเขาพูดแค่ไม่กี่ประโยค น่าหลานฮั่วซินก็บีบสัตว์ร้ายนั่นถอยไปได้แล้ว ชื่อเสียงอัจฉริยะด้านการต่อสู้ในเขาเวิ่นเทียนของนางก็ใช่เล่นนี่

สัตว์ร้ายตัวนั้นถอยหลังไปเรื่อยๆ ถอยออกห่างจากพวกเขาไปไกลแล้ว ตอนนี้บนตัวมันก็ไม่มีหมอกแล้วด้วย โหลชีใช้โอกาสจากแสงเห็นท่าทางของมันจากระยะไกล นางสังเกตไปที่ฝ่ามือของมัน

"ข้ารู้แล้วว่าจะถอนงูยักษ์เย็นสารทฤดูนั่นยังไง!" โหลชีตาเป็นประกาย

สัตว์ร้ายตัวนั้นทำไมถึงปรากฏตัวขึ้นที่นี่ ทำไมถึงกินงูยักษ์เย็นสารทฤดู สิ่งของบนโลกล้วนส่งผลกระทบเชื่อมโยงเป็นสายระโยงระยาง สิ่งของที่มีอยู่นั้นก็มีเหตุผลของมัน

"ข้าล้อมันมาที่นี่ พวกเรามาฆ่าสัตว์ร้ายนั่นด้วยกัน!"

เฉิงสิบกับโหลวซิ่นยังไม่เข้าใจว่านางจะทำอะไรกันแน่ โหลชีจับผงยาออกมาหนึ่งกำมือ สาดไปบนร่างกายของตัวเอง จากนั้นก็เดินออกไปเงียบๆ ผ่านแวบไปตรงหน้าสัตว์ร้ายตัวนั้น

ผงยาบนตัวของนางเอาไว้ใช้จับสัตว์อยู่แล้ว ส่วนประกอบของยามาจากหุบเทพมาร ประสิทธิภาพดีกว่าผงยาที่นางทำเมื่อก่อนมาก เป็นไปได้ที่คิดไว้ สัตว์ร้ายตัวนั้นรีบพุ่งเข้ามาหานางอย่างรวดเร็ว

โหลชีล้อมันวิ่งออกไปไกลเล็กน้อย และฆ่ามันพร้อมกันกับเฉิงสิบและโหลวซิ่น ไม่คิดว่าก่อนตายสัตว์ร้ายตัวนี้จะอ้วกออกมาไม่หยุด สิ่งที่อ้วกออกมาก็มีแต่มือและกระดูกต่างๆ ทำเอาโหลชีเกือบอ้วกแตกไปตามๆกัน

แต่กองมือที่อ้วกออกมานั้น มีไข่มุกสีฟ้าอ่อนๆประกายแสงออกมาไม่สกปรกเลยสักนิด

"ไข่มุกเรืองแสงหลานไห่!" โหลวซิ่นร้องออกมาอย่างไม่อยากจะเชื่อ

"ไม่คิดว่าสัตว์ร้ายตัวนี้จะกินไข่มุกเข้าไปด้วย ได้ยินมาว่าไข่มุกเรืองแสงหลานไห่มีคุณสมบัติกันน้ำได้เล็กน้อย ดูแล้วจะเป็นเรื่องจริงสินะ" เฉิงสิบอดทนกับความขยะแขยง แล้วเก็บไข่มุกเรืองแสงหลานไห่ขึ้นมา

น่าจะมีสิ่งของห่อหุ้มตัวไข่มุกเอาไว้ มีแรงดึงดูดเล็กน้อย สามารถกันน้ำได้ ดังนั้นพอถูกสัตว์ร้ายกินเข้าไปก็ไม่ติดเลือดหรือของเหนียวๆออกมาด้วย

"แม่นาง เอาไหม?" เฉิงสิบเอาน้ำล้างทำความสะอาด แล้วยกไปตรงหน้านาง นางอาจจะรังเกียจเพราะอ้วกออกมาจากท้องสัตว์ร้ายตัวนั้น

ไม่คิดว่า โหลชีกลับถามอย่างสงสัยว่า: "แน่นอนสิ ทำไมจะไม่เอาล่ะ? เอาออกไปแล้ว ขายได้สักทองคำล้านตำลึงก็ยังดี ฮ่าๆ ข้าจะรวยแล้ว!"

นางรังเกียจของสิ่งนี้เล็กน้อย และเป็นของน่าหลานฮั่วซินด้วย นางเก็บไว้ก็ไม่มีประโยชน์ แต่เอาไปขายแลกเงินหรือทองได้ นางก็ไม่รังเกียจแล้วล่ะ! ต่อไป ค่าใช้จ่ายการเดินทางท่องเที่ยวของนางก็มีแล้ว! ยิ่งไปกว่านั้นเงินที่จะหาช่างมาช่วยสร้างอาวุธยังไม่รู้ว่าต้องใช้เงินเท่าไหร่ เงินก้อนนี้มาได้ทันเวลาพอดี

อย่าโง่เลย

เฉิงสิบรีบเก็บไข่มุกเอาไว้ในกระเป๋าตัวเอง ห่อไว้อย่างดีไม่ให้แสงออกมา ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกว่าแม่นางมีโชคลาภเรื่องเงินทองมากทีเดียว อย่างตอนที่อยู่จวนอ๋องเหอชิ่งในจินโจวก็ได้ทองออกมาสองลังใหญ่ ถึงแม้องครักษ์เยว่เอาไปเข้ากองคลังเสียก่อน ต่อมาในทุ่งป่าเถื่อนของพั่วอวี้ก็ได้ความมั่งคั่งจากโกดังของไอ้ตาเดียว แต่ก็มอบให้ฝ่าบาทเป็นของขวัญชิ้นใหญ่ ตัวเองเก็บไว้แค่ทองคำสองลัง ตอนนี้ก็ได้ไข่มุกเรืองแสงหลานไห่มาครอบครองอีก แถมยังแลกทองคำได้เป็นล้านตำลึงด้วย!

พอนึกถึงตรงนี้ เขาก็เห็นโหลชีชักพิชิตวันออกมา ตัดมือสองข้างตรงหน้าของสัตว์ร้ายออกมา สาดผงยาห้ามเลือด

"แม่นางจะทำอะไรกัน?"

"ถ้าข้าเดาไม่ผิดล่ะก็ สัตว์ร้ายตัวนี้สามารถกันความเยือกเย็นจากงูยักษ์เย็นสารทฤดูได้" โหลชียื่นให้โหลวซิ่น: "เอาขนสีเหลืองบนตัวของมันออกไป"

"ขอรับ" โหลวซิ่นรีบรับคำสั่งแล้วจัดการทันที

พวกเขากลับไป เป็นไปตามที่คาดคิดไว้ น่าหลานฮั่วซินยังถอนงูยักษ์เย็นสารทฤดูออกมาไม่ได้ แต่ภาพนั้นกลับดูโหดร้ายและเยือกเย็นมาก รอบด้านต่างก็เป็นศพของสาวใช้กับองครักษ์ของนาง ทุกคนตายหมดแล้ว ศพถูกนางเอามาล้อมกันไว้ เพื่อให้นางเหยียบ...เหยียบ...เหยียบ!

ฟ้ามืดลงทุกที หมอกจางลงไปมาก ลอยเบาๆอยู่รอบด้าน ไข่มุกเรืองแสงหลานไห่ก็ประกายแสงสีฟ้าอ่อนๆออกมาอย่างเงียบเหงา ส่องจนรอบด้านเหมือนน่ากลัวกว่าเดิม

น่าหลานฮั่วซินใจกล้ามาก รอบกายมีคนตายเยอะขนาดนั้น หุบเขาแบบนี้เหลือนางเพียงคนเดียว นางยังเหยียบศพองครักษ์ตัวเองเพื่อหาวิธีต่อไป

ภาพนี้ทำเอาเฉิงสิบกับโหลวซิ่นอดไม่ได้ตัวสั่นเทา

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ใต้ร่มยาใจ