ใต้ร่มยาใจ นิยาย บท 238

เดิมทีเขาก็ไม่เคยคิดจะให้โหลชีไปหาเถาทองม่วงอะไรนั่นอยู่แล้ว เท่าที่เขารู้จักนาง นางก็ไม่ยินยอมที่จะถูกคนบีบบังคับให้ไปหาเถาทองม่วงอะไรนั่นอยู่แล้ว แต่นางก็ยังตัดสินใจที่จะไป เขายิ่งอยากรู้ นางคิดจะทำอะไรกันแน่ แน่นอน เขาก็รู้เช่นกันว่า ด้วยนิสัยของโหลชี ในเมื่อไปแล้ว ก็จะไม่ปล่อยให้น่าหลานฮั่วซินได้งูยักษ์เย็นสารทฤดูไป เพราะน่าหลานฮั่วซินล่วงเกินนาง ผู้หญิงนั่นเจ้าคิดเจ้าแค้นมาก

เขาเดาความคิดพวกนี้ของนางออก กลับคิดไม่ถึงว่า นางต้องการจะจากเขาไปจริงๆ ตอนที่ท่านจินส่งงูยักษ์เย็นสารทฤดูมา อารมณ์ของเขาซับซ้อนมาก ประเด็นแรก นางชิงงูยักษ์เย็นสารทฤดูมาได้จริงๆ นางทำให้เขารู้สึกภูมิใจอย่างมาก เขารู้อยู่แล้วว่า ผู้หญิงที่เขาต้องใจไม่ด้อยไปกว่าเทพธิดาแห่งเขาเวิ่นเทียน! แต่ว่าเขาก็โกรธ ที่นางหนีไป ใช้โอกาสนี้อยากจะจากเขาไป!

วันนี้ หลังจากที่อ่านจดหมายฉบับนี้แล้ว ในใจเขากลับมีความคิดที่แตกต่างไป

ในใจนางมีเขา

ไม่อย่างนั้น นางก็จะไม่ลำบากตรากตรำเพื่อไปชิงงูยักษ์เย็นสารทฤดูมา หากว่าในใจของนางไม่มีเขา มีของดีก็จะไม่คิดว่าจะเก็บเอาไว้ให้เขา

ในใจนางต้องมีเขาอยู่แน่นอน

ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เขาก็จะไม่ปล่อยมือ ถึงแม้จะเป็นมัดเอาไว้ ก็จะมัดนางเอาไว้กับตัว และจะสลักสัญลักษณ์ของเฉินซ่า เอาไว้บนหน้าผากของนางด้วย!

ในใจของนางมีเขาแท้ๆ กลับหนีเขาไปอย่างไม่ลังเลเลย เพราะอะไรกัน? หนึ่งเดียวที่นางเคยพูดถึงหรือ? ได้ สิ่งที่นางอยากได้ เขาก็จะให้นาง อย่างไรก็เป็นผู้หญิงของตนเอง เอาใจหน่อยจะเป็นไรไป! ถึงอย่างไรเขาก็ไม่เคยสนใจผู้หญิงคนอื่นอยู่แล้ว

"สัญญา"

เยว่มองดูตัวอักษรสองตัวที่เฉินซ่าเขียนลงไป รู้สึกประหลาดใจกะทันหัน นี่หมายความว่าอย่างไร?

เห็นเพียงตัวอักษรของเฉินซ่าสง่าราวกับมังกร ยังคงปัดป่ายต่อไป

"ข้าเคยกล่าวว่า ผู้ทำความชอบสิบประการจะได้รับการแต่งตั้งเป็นสนม ตอนนี้โหลชีทำความชอบแล้วหกประการ และได้ยาพิเศษที่ประเมินค่าไม่ได้มาอีกหนึ่งชุด พั่วอวี้เพิ่งจะเริ่มก่อตั้งประเทศ มีเพียงแค่ใช้ความชอบสี่ประการ ร่างกายและหัวใจของข้าในการหักล้าง ขอให้ได้ยาวิเศษ วันนี้ใช้สัญญาฉบับนี้ประกาศต่อผู้คนใต้หล้า แต่งตั้งโหลชีเป็นพระสนม นับแต่นี้ ตำหนักจิ่วเซียวจะมีพระสนมเพียงองค์เดียวเท่านั้น ไม่มีใครอื่นอีก"

เยว่ตกตะลึง มองดูตัวอักษรสามสี่บรรทัดที่อยู่ข้างบน แล้วหยุดอยู่ที่ประโยคสุดท้าย

ตำหนักจิ่วเซียวจะมีพระสนมเพียงองค์เดียวเท่านั้น ไม่มีใครอื่นอีก?

นี่นี่นี่ นี่มันหมายความว่าอย่างไร?

"นายท่าน? ประโยคนี้ไม่ค่อยเหมาะสมหรือไม่?" นิ้วมือของเยว่ ยังชี้ไปทางประโยคสุดท้ายนั่น เขาเป็นผู้ใต้บังคับบัญชา เป็นขุนนาง แต่เขาคิดว่าสิ่งที่ควรพูดก็ยังต้องพูดอยู่ แต่งตั้งโหลชีเป็นสนมเขารู้สึกว่าเป็นเรื่องปกติมาก ภายในระยะเวลาครึ่งปี โหลชีก็สร้างความชอบแล้วหกประการ ช้าเร็วนางก็สามารถทำความชอบครบสิบประการสำเร็จด้วยตัวเองและได้รับการแต่งตั้งเป็นพระสนม แต่ว่า นับแต่นี้ไปจะมีสนมเพียงองค์เดียว ไม่มีใครอื่นอีกหมายความว่าอย่างไร? นอกจากโหลชีแล้ว นายท่านจะไม่รับสนมอีกหรือ?

เฉินซ่าถามราบเรียบ: "มีสิ่งใดมิเหมาะรึ?"

เยว่ดูไม่ออกว่าเขาโกรธหรือดีใจ ครุ่นคิดดูแล้วตัดสินใจกล่าวอ้างอิงจากทางอ้อม "ข้าน้อยได้ข่าวมาว่า ตอนที่ฮ่องเต้ตงชิงยังเป็นไท่จื่อ รักฮองเฮาที่ยังเป็นไท่จือเฟยในตอนนั้นมาก และยังเคยทอดถอนใจต่อหน้าผู้คนมากกว่าหนึ่งครั้ง ชีวิตนี้มีเพียงไท่จื่อเฟยเพียงคนเดียวก็เพียงพอแล้ว แต่ว่าไม่นานหลังจากนั้น องค์ชายทั้งหลายร่วมมือกันบีบให้ลงจากตำแหน่ง ชีวิตฮ่องเต้ก็ใกล้จะถึงวาระสุดท้าย"

"ช่วงเวลาวิกฤตนั้น ได้เฉิงเซี่ยงกับแม่ทัพกอบกู้สถานการณ์กันอย่างเต็มกำลัง ช่วยไท่จื่อกวาดล้างรัฐประหารในวัง ขึ้นสู่บัลลังก์ หลังจากที่เขาขึ้นครองราชย์แล้ว เพราะนึกถึงบุญคุณของเฉิงเซี่ยงและแม่ทัพ เลยแต่งตั้งลูกสาวของเฉิงเซี่ยงและแม่ทัพเป็นกุ้ยเฟยพร้อมกัน ลูกสาวของขุนนางใหญ่หลายคนที่มีความชอบในขณะนั้น ก็ถูกรับเข้าไปในวัง เป็นเฟยหรือไม่ก็เป็นกุ้ยเหริน"

"แล้วอย่างไร?"

เยว่ชะงักงัน เขาพูดไปมากมายขนาดนั้น ทำไมนายท่านกลับถามเขากลับว่า "แล้วอย่างไร?" เหมือนไม่มีอะไรเกิดได้

"ความหมายของข้าน้อยคือ ตำแหน่งข้างกายของนายท่าน สำหรับเหล่าขุนนางแล้วไม่ก็เป็นการปลอบขวัญอย่างหนึ่ง หรือไม่ก็เป็นความกรุณา ไม่ก็----"

เฉินซ่ายกมือส่งสัญญาณให้เขาไม่ต้องพูดต่ออีก "เจ้ารู้สึกว่า หากข้าไม่ใช้วิธีการเหล่านี้ จะกำราบคนพวกนั้นไม่ได้หรือ? อีกอย่าง เยว่ สถานการณ์ของพั่วอวี้แตกต่างจากประเทศอื่นๆ พวกเขาล้วนนั่งเสวยสุขบนแผ่นดินที่บรรพบุรุษสร้างเอาไว้ได้แล้ว แต่ข้ากำลังสร้างแผ่นดินด้วยตัวเอง! หากมีใครที่ติดตามข้าเพราะมุ่งหวังว่าอนาคตจะส่งสาวงามเข้ามาในวัง ตอนนี้ก็สามารถไสหัวไปได้เลย พวกเขาติดตามสู้รบพร้อมกับข้า อนาคตย่อมต้องได้รับมั่งคั่งความเจริญรุ่งเรืองอยู่แล้ว ยังจำเป็นต้องพึ่งลูกสาวพึ่งสาวงามมาวางแผนอนาคตหรือ?"

เยว่ถึงกับพูดไม่ออก ผ่านไปชั่วครู่ก็กล่าวอีกว่า: "เช่นนั้น นายท่าน แล้วแม่นางน่าหลานล่ะ?"

ความมุ่งมั่นที่จะแต่งงานกับเฉินซ่าของน่าหลานฮั่วซิน พวกเขาต่างก็รู้กันดี หากเฉินซ่าไม่แต่งงานด้วย เช่นนั้นพวกเขาจะต้องแบกรับแรงกดดันจากเขาเวิ่นเทียน ข้อนี้ยังไม่พูดถึงก่อน แล้วบุญคุณที่น่าหลานฮั่วซินเคยช่วยนายท่านในตอนนั้นจะคิดอย่างไรล่ะ? ยังมีครั้งนี้ น่าหลานฮั่วซินเข้าไปวงในของหุบเทพมารเพื่อหายาให้เขาโดยไม่เกรงกลัวอันตราย ถึงแม้สุดท้ายโหลชีจะเป็นคนหางูยักษ์เย็นสารทฤดูเจอ แต่ก็ไม่สามารถจะลบล้างน้ำใจของน่าหลานฮั่วซิ่นเพราะเหตุนี้ได้

"นายท่าน ยังมีนางฟ้าหลิวอวิ๋นก็จริงใจต่อนายท่านเช่นกัน----"

ซู่หลิวอวิ๋นนางฟ้าหลิวอวิ๋นแห่งเขาเฉินอวิ๋น นั่นก็เป็นสาวงามที่ยากจะปฏิเสธได้คนหนึ่งเช่นกัน

เฉินซ่าฮึเย็นชาออกมาคำหนึ่ง "ใต้หล้านี้ ยังไม่มีผู้หญิงคนไหนที่จะสามารถบีบให้ข้าแต่งงานด้วยได้" แต่กับโหลชี เขาอยากบีบให้นางแต่งงานด้วย

ตอนนี้เขาเข้าใจขึ้นมาบ้างแล้ว แค่โหลชีผู้หญิงคนเดียวเข้าไปอยู่ในใจ ก็ทำให้เขานอนไม่หลับ โศกเศร้าหดหู่ราวกับมีปมที่แก้ไม่ได้ วีรบุรุษสูญเสียความกล้าหาญ ไหนเลยยังจะมีที่ว่างให้สำหรับอีกคนหรือหลายๆคนอีก?

"โหลชีนาง----" เยว่ไม่รู้จะพูดอะไรไปชั่วขณะ

เฉินซ่านิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง กล่าวว่า: "เจ้ารู้ไหมว่าวันนี้ตอนที่ข้าเห็นจดหมายฉบับนี้ ในใจรู้สึกอย่างไร?" บางทีเขาจะคุยกันกับเหล่าองครักษ์เช่นนี้โดยจะลืมฐานะจักรพรรดิของตัวเองไป ราวกับพวกเขายังเป็นเด็กหนุ่มที่ผ่านลมฝนมาด้วยกันเมื่อหลายปีก่อน

จดหมายฉบับนั้น----

สายตาของเยว่กวาดมองไปทางจดหมายฉบับนั้น ในสมองคิดย้อนกลับมา ก็เข้าใจความหมายของเฉินซ่า

โหลชีบอกว่า ทุกคนไม่ต้องสนใจว่าเป็นอย่างไร อย่างน้อยก็ถือว่าเป็นมิตรภาพที่ผ่านความเป็นความตายกันมา ดังนั้น ต่อไปหากนางมีของดีอะไร บางทีอาจจะพิจารณาการร่วมมือกับตำหนักจิ่วเซียวก่อน และยาสมุนไพรชุดนี้หลังจากที่ได้การตอบรับแล้ว จะให้เฉิงสิบนำมา แลกเปลี่ยนกับเขา ยังบอกอีกว่า ขอให้พั่วอวี้รวมแผ่นดินเป็นหนึ่งในเร็ววัน บางทีอาจจะมีสักวัน ตอนที่ผมนางขาวโพลนเดินไม่ไหวแล้ว ไม่อยากท่องเที่ยวแล้ว ยังสามารถให้คนขับรถม้าพาตนเองมาท่องเที่ยวในพั่วอวี้

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ใต้ร่มยาใจ