บุบผาร้อยเสน่ห์ นิยาย บท 519

บทที่ 519 ข้ายังไหว

ในคืนวันมงคลสมรส กระบี่ยาวแทงสวนลงตรงหน้าอก สายตาของนางก็ยังคงดูเคร่งขรึมดุดัน

ทุกครั้งที่ได้รับบาดเจ็บมานับครั้งไม่ถ้วน นางก็ล้วนยิ้มเล็กน้อยอดทนถกเถียงกับผู้คนจนถึงหยดสุดท้าย ต่อให้ร่างกายรู้สึกไม่สบาย ขอเพียงแค่นางตั้งใจที่จะปกปิด ต่างก็ทำให้คนมองไม่ออกเลยว่ามีสิ่งใดที่ผิดปกติเกิดขึ้น แม้กระทั่งท่านตาเสียชีวิตในครานั้น นางกลับยังคงไว้ด้วยท่าทีอันเงียบสงบ ทำเพียงแค่หลั่งน้ำตาลงอย่างไม่มีเสียงร้องไห้ออกมาเลยสักแอะ

แต่ว่าซ่านจินจื๋อเองก็ไม่ได้คิดว่าจะโต้ตอบออกไปด้วยคำพูดแบบนี้

คนที่อยู่บนเตียงก็ยังจ้องมองเขากลับมาด้วยท่าทีอันนิ่งสงบ หลังจากที่ตกอยู่ในห้วงภวังค์ไปแล้วแค่เพียงชั่วขณะนั้น มือทั้งสองข้างก็ดันที่อกของเขาเบา ๆ แล้วก็หัวเราะออกมา น้ำเสียงสั่นไหวเบา ๆ “เจ้าอยากจะให้ข้าทำอย่างไร ให้ข้าร้องไห้ออกมาหรอ?ตะโกนออกมาว่าเจ็บหรอ?”

“สิ่งเหล่านี้ล้วนแล้วแต่ไม่จำเป็น หมดปัญญาที่จะกลายมาเป็นเครื่องป้องกันให้กับข้าได้ ถ้าเช่นนั้นทำไมข้าถึงจะต้องทำตัวเป็นสัตว์ตัวน้อย ๆ ให้ดูน่าสงสารเอาแต่ร้องห่มร้องไห้เสียด้วยล่ะ”กู้อ้าวเวยผลักเขาออกแรง ๆ นั่งอยู่ที่ข้างเตียงพลางยังกุมเอาเสื้อผ้าของตัวเองเอาไว้อย่างเอาเป็นเอาตาย ความรู้สึกนานับล้านแปดก็พุ่งเข้ามาในหัว แล้วก็พูดขึ้นด้วยท่าทางที่ไม่ยี่หระว่า “เจ้าก็คิดว่าข้าไม่ใช่คนก็แล้วกัน”

ซ่านจินจื๋อที่ถูกผลักออกก็เซถอยหลังไปหลายก้าว ก่อนช่วงจังหวะบรรยากาศเงียบอึมครึมจะแผ่ซ่านเข้ามา เขาก็ยังรุดตัวไปข้างหน้าด้วยความใจเย็น “ข้าช่วยเจ้าจัดการบาดแผล”

“ไม่จำเป็น ข้าทำเองได้”กู้อ้าวเวยเดินไปหลบอยู่บริเวณเตียงนอน จู่ ๆ พลันก็ปวดหัวขึ้นอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว นางกัดฟันแบกรับความปวดเอาไว้พลางใช้มือกุมอยู่ที่ขมับ “ข้าอยากจะกลับแล้ว”

“เมื่อครู่ที่ข้าพูดไปพวกนั้น……”

“เจ้าจะพูดอย่างไรมันก็สุดแล้วแต่เจ้า จะไปคิดยังไงก็ย่อมได้ทั้งนั้น”ฝ่ามือของกู้อ้าวเวยอยู่ตรงบริเวณหัวตา แล้วก็เช็ดเอาหยาดน้ำตาที่ไหลรินออกมาอย่างไม่ทันรู้ตัวจนแห้งสนิท รักษาระดับน้ำเสียงเอาไว้อย่างมั่นคง “ข้าไม่มีวันเจ็บ แล้วก็ไม่ชอบร่ำร้อง มันก็ไม่เหมือนคนจริง ๆ นั่นแหละ”

นางรู้ด้วยตนเองว่าเพื่อจะได้มาซึ่งความฉลาดมีเหตุมีผล ก็จะต้องแลกมาด้วยบางสิ่งบางอย่างที่ทัดเทียมกัน

นางไม่เคยได้รู้ความรู้สึกปลอดภัยจากใครหน้าไหนมาก่อน ทั้งสองภพชาติ สภาพชีวิตที่ล่องลอยไปตามสายน้ำและความมืดดำของกิเลสในความเป็นจริง ได้หลอมตัวขึ้นเป็นตัวของนาง แต่ก็ยังทำให้นางมีความฉลาดปราดเปรื่องและสนใจในศาสตร์ทางการแพทย์

โดยที่พูดกับตัวเองในใจอย่างไม่หยุดหย่อน จวบจนที่ได้เงยหน้าขึ้นมาในตอนนั้น ใบหน้าของนางประดับไว้ด้วยรอยยิ้มจาง ๆ “เจ้าพูดถูกแล้วล่ะ แต่แผลพวกนี้ข้าจัดการเองได้ บางทีเจ้าน่าจะไปดูพวกฆาตกรพวกนั้นสักหน่อย”

ซ่านจินจื๋อพูดอะไรไม่ออกไปชั่วขณะ

เขารู้สึกแปลกประหลาดต่อกู้อ้าวเวยไม่ใช่แค่เพียงครั้งนี้เท่านั้น และในเมื่อครู่นั้นเอง ช่วงจังหวะที่เขาไร้ซึ่งคำพูดก็ได้กระเทาะเปลือกที่นางแสร้งทำมันขึ้นมา แต่คนที่ว่านั้นกลับกดทุกอย่างลงไปจนมิดโดยไม่ได้ปริปากทำเสียงอะไรออกมา

“พอกลับไปแล้ว พวกเราควรจะคุยกันสักหน่อย”

“ได้ตลอดเวลา”กู้อ้าวเวยพูดขึ้นอย่างไม่ใส่ใจ เพียงแค่หยัดกายลุกขึ้นเดินมาอยู่ที่หน้าโต๊ะของตัวเอง โดยไม่ได้ใส่ใจว่าเขาอยู่ข้างกายอีกต่อไป เพียงแค่ถอดชุดคลุมของตัวเองออก เผยให้เห็นบาดแผลจากรอยดาบที่ยังไม่นับว่าลึกมากนะ แล้วก็ก้มหน้าลงชำระล้างบาดแผล

ซ่านจินจื๋อจำใจต้องเดินออกไปข้างนอกเพื่อไปจัดการเรื่องฆาตกร

คนที่อยู่ภายในห้องเมื่อจังหวะที่บานประตูได้แง้มปิดลงก็ทรุดกายนั่งลงด้วยความหมดอาลัยตายอยาก จ้องมองรอยเลือดที่อยู่ตามเรียวนิ้วมือ พลันก็หัวเราะออกมาด้วยความเจ็บปวดอย่างอดกลั้นไม่ได้อีกต่อไป “คิดไม่ถึงว่ามีชีวิตขึ้นอีกครั้ง ก็ยังไม่มีคนที่มองว่าข้าเป็นคน”

เมื่อเสียงพูดพึมพำบ่นกับตนเองทั้งหมดได้กลับคืนสู่สภาพความเงียบสงบ ซ่านจินจื๋อก็ได้นำเอากล่องสำรับอาหารพาเหล่าบรรดาพลทหารกลับมาในตอนนั้น นางเองก็ได้จัดการบาดแผลตามเนื้อตัวเสร็จลงเป็นที่เรียบร้อย ราวกับไม่ได้เกิดเรื่องอันใดขึ้น พลางสอบถามถึงเรื่องราวความเป็นมาของคนพวกนั้น

แต่ไม่ทันได้รู้ตัวว่าซ่านจินจื๋อเอาแต่จับตาจ้องมองดูนางมาโดยตลอด อย่างไม่ทันได้ละสายตาลงแม้แต่น้อย

……

……

เรื่องราวพอเหมาะพอเจาะกับสิ่งที่กู้อ้าวเวยคาดการณ์เอาไว้ ฮ่องเต้ของแคว้นเจียงเยี่ยนได้จับตาดูอ้ายจือจริง ๆ โดยคิดว่าตระกูลอ้ายคิดอยากจะช่วงชิงบัลลังก์รวมไปถึงแคว้นเจียงเยี่ยน อีกทั้งยังชิงชังที่กู้เฉิงได้ดึงเอาความช่วยเหลือของแคว้นเอ่อตานไปได้อย่างไม่ทันคาดฝัน มีความประสงค์ที่จะยั่วยุ และถึงแม้ว่ากู้เฉิงจะโดนสงสัย แต่ยังไม่ถึงขั้นสภาพของตระกูลอ้าย

ผ่านไปได้ไม่นาน ก็ได้ยินเรื่องที่องค์หญิงของแคว้นเอ่อตานถูกคนโจมตี

ฮ่องเต้คิดอยากจะเก็บคนเอาไว้ แต่กลับกลายเป็นเรื่องนิทานหลอกเด็ก พลทหารของแคว้นเอ่อตานเอาเรื่องความเป็นความตายของฝ่าบาทเป็นเหตุผลที่จะพาคนกลับไป โดยสมเหตุสมผล ในตอนที่จากไปนั้น กู้อ้าวเวยก็ได้ฝากเพียงแค่จดหมายฉบับเดียวให้เอาไปมอบให้กู้เฉิง โดยบอกเล่าว่าทุกอย่างล้วนแล้วแต่เป็นฝีมือของซูพ่านเอ๋อ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุบผาร้อยเสน่ห์