แม่หญิงปรุงยามือปราบกับลูกลิงทั้งสอง นิยาย บท 44

ลั่วเสี่ยวปิงได้เสนอสูตรอาหารที่เกี่ยวกับเห็ดทุกชนิดให้เขาแล้วจริงๆ และจำนวนสูตรอาหารทั้งหมดก็มีมากจริงๆ

แต่ทว่า เห็ดฟางผัดเนื้อ เห็ดหอมผัดเนื้อ เห็ดนางรมผัดเนื้อ...

เห็ดฟางผัดกวางตุ้ง, เห็ดหอมผัดกวางตุ้ง เห็ดนางรมผัดกวางตุ้ง...

สูตรอาหารดังเช่นที่กล่าวมานี้ มีหลายสูตรล้วนเป็นสูตรที่พูดซ้ำๆกัน พอพูดถึงคำข้างหลัง ลั่วเสี่ยวปิงก็พูดออกไปสูตรเดียวให้มันรู้แล้วรู้รอดไปเลย หลังจากนั้นก็พูดออกมาหนึ่งประโยค ‘เห็ดฟาง เห็ดนางรม...ดังที่กล่าวมาข้างต้น’

เถ้าแก่ฉินก็รู้สึกไปว่าตัวเองถูกหลอกเสียแล้วอย่างไม่สามารถอธิบายได้

แต่สิ่งที่ควรค่าแก่การปลอบใจก็คือ ในสมองของลั่วเสี่ยวปิงมีสูตรอาหารเยอะมากจริงๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งวิธีทำเห็ดที่หายากเหล่านั้นซึ่งมีความล้ำลึกและประณีตละเอียดอ่อนมาก

สุดท้ายเมื่อนำมารวมๆกันแล้วก็มีสูตรอาหารมากมายหลายสิบสูตรแล้ว เช่นนี้เถ้าแก่ฉินจึงจะรู้สึกดีขึ้นมาหน่อย

ถ้าบอกสูตรอาหารเสร็จแล้ว เช่นนั้นก็มาเริ่มชั่งน้ำหนักเห็ดกันเลย

คราวนี้ยังคงเจรจากันด้วยดีเหมือนในครั้งก่อน ราคาในการคำนวณของเห็ดทั้งหมดอยู่ที่ยี่สิบเหวินต่อหนึ่งชั่ง มีเห็ดทั้งหมดเก้าสิบสี่ชั่ง และรวมเป็นเงินทั้งหมดหนึ่งตำลึงแปดเฉียนและอีกแปดสิบเหวิน

รอครั้งต่อไป เห็ดธรรมดาๆก็คงจะมีราคาสิบห้าเหวินต่อหนึ่งชั่ง ส่วนเห็ดล้ำค่าก็จะมีราคาสามสิบเหวินต่อหนึ่งชั่งแล้ว

และนอกจากเห็ดแล้ว ลั่วเสี่ยวปิงยังนำเมล็ดสนยี่สิบชั่งมาด้วย ซึ่งได้ขายหกเฉียนเงิน

ในครั้งนี้ ลั่วเสี่ยวปิงก็ได้รับเงินหนึ่งร้อยสองตำลึงสี่เฉียนและแปดสิบเหวิน ซึ่งเรียกได้ว่าเต็มกระเป๋าเลยทีเดียว

ก่อนที่จะไป เถ้าแก่ฉินได้เน้นย้ำกับลั่วเสี่ยวปิงอีกครั้ง และหลังจากส่งเมล็ดสนกับเห็ดให้มากที่สุดเท่าที่จะหามาได้แล้ว เขาก็ไปส่งลั่วเสี่ยวปิงออกจากหอฝูหม่านด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม

“พี่เสี่ยวปิง ขายของหมดทุกอย่างแล้วหรือ?” หลังจากที่จางเอ้อหลางย้ายของเข้าไปในหอฝูหม่านแล้วเขาก็ออกมา พอเห็นลั่วเสี่ยวปิงออกมา เขาก็เลยถามด้วยสีหน้าท่าทางตื่นเต้นเล็กน้อย

ลั่วเสี่ยวปิงพยักหน้า “ขายไปหมดแล้ว”

หลังจากที่ชะงักไปครู่หนึ่ง ลั่วเสี่ยวปิงก็พูดว่า “เจ้ารู้ไหมว่าร้านยาที่ดีที่สุดในเมืองคือร้านไหน?”

“คือเหรินโซ่วถัง” จางเอ้อหลางพูดชื่อร้านขึ้นมาในทันที ทันใดนั้นเขาก็นึกถึงผู้ชายที่อยู่บ้านลั่วเสี่ยวปิงคนนั้น และถามขึ้นมาอีกว่า “พี่เสี่ยวปิง ท่านจะไปซื้อยาหรือ?”

“อืม” ลั่วเสี่ยวปิงพยักหน้า “ก่อนหน้านี้ข้าไปเก็บของบางอย่างมาจากบนเขา เลยอยากจะลองดูว่ามันจะสามารถขายได้เงินหรือไม่ แล้วถือโอกาสไปซื้อยามาด้วยสักหน่อย”

จางเอ้อหลางไม่ได้ถามลั่วเสี่ยวปิงว่านางไปเก็บของอะไรมา เขาเพียงแต่ปล่อยให้ลั่วเสี่ยวปิงขึ้นไปบนเกวียน แล้วก็รีบขับเกวียนไปที่เหรินโซ่วถัง

เกวียนวัวยังไม่ทันได้เคลื่อนตัวเข้าไปใกล้เหรินโซ่วถัง ก็เห็นคนมากมายรายล้อมอยู่หน้าเหรินโซ่วถังเสียแล้ว และยังมีเสียงร้องไห้ดังขึ้นมาแว่วๆอีกด้วย

“ท่านหมอซุน ข้าขอร้องท่านล่ะ ช่วยหลานชายข้าด้วยเถิด เขาเป็นชีวิตและจิตใจเพียงคนเดียวของครอบครัวเรานะ”

“ท่านหมอซุน ท่านได้โปรดช่วยเขาด้วยเถิด ข้าจะคุกเข่าคำนับให้ท่าน และข้าจะเป็นวัวเป็นม้าให้นายเอง ข้าขอร้องล่ะ”

เมื่อเกวียนเคลื่อนเข้าไปใกล้มากขึ้นเรื่อยๆ ลั่วเสี่ยวปิงก็ได้ยินเสียงร้องโหยไห้นั้นได้ชัดเจน นางจึงอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว

ไม่รอให้เกวียนหยุดวิ่ง ลั่วเสี่ยวปิงก็กระโดดลงไปจากเกวียนเลย ทำให้จางเอ้อหลางตกใจจนเหงื่อตกไปทั้งตัว

ลั่วเสี่ยวปิงเบียดเสียดเข้าไปในฝูงชนเพราะอยากดูว่าตกลงมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ โดยที่ไม่มีเวลาไปปลอบขวัญจางเอ้อหลาง เลย

“เฮ้อย่าเจียงผู้นี้ช่างน่าสงสารจริงๆ สองปีก่อนลูกชายคนเดียวของนางก็ป่วยตายไปแล้ว ปีที่แล้วลูกสะใภ้ของนางก็หนีไปกับพ่อค้าเร่ มาปีนี้หลานชายคนเดียวคนนี้ก็จากไปอีก”

“ก็นั่นน่ะสิ พอได้เห็นแบบนี้แล้วข้าก็รู้สึกเศร้าใจยิ่งนัก”

“ต่อไปนี้ข้าคงไม่กล้าให้ลูกหลานข้ากินถั่วลิสงอีกแล้ว ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับลูกหลานข้า ข้าก็คงรับไม่ไหวจริงๆ”

ในขณะที่ลั่วเสี่ยวปิงกำลังเบียดเสียดเข้าไปนั้นนางก็ฟังการสนทนาของคนในฝูงชนไปด้วย หลังจากที่นางได้มีการคาดเดาอย่างคลุมเครืออยู่ในใจแล้ว นางจึงเบียดเสียดไปข้างหน้าด้วยกำลังที่มากขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อย

“เฮ้ นี่เจ้าเป็นอะไรไปเนี่ย? เบียดมาทำไมนักหนา? จะรีบไปเกิดใหม่หรือไงห่ะ”

มีใครบางคนไม่พอใจขึ้นมา เขาก็เลยอ้าปากด่าว่านาง

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แม่หญิงปรุงยามือปราบกับลูกลิงทั้งสอง