แม่หญิงปรุงยามือปราบกับลูกลิงทั้งสอง นิยาย บท 52

เมื่อลั่วเสี่ยวปิงกลับไป ก็ได้เห็น จางซิ่งฮวาและอานอานเล่อเล่อกำลังยุ่งอยู่กับฝ้าย

เมื่อเดินไปดูใกล้ๆ พวกเขาทั้งสามคนกำลังแกะเม็ดฝ้ายออก เวลาเพียงเล็กน้อย ก็แกะปริมาณที่สามารถทำผ้าห่มได้หนึ่งผืนแล้ว

การเย็บผ้าห่มก็ไม่ใช่งานทางเทคนิคอะไร ตอนที่ลั่วเสี่ยวปิงอยู่ในชนบทก็เคยเห็นมาก่อน และยังได้เคยลงมือทำอีกด้วย

แต่เท่าที่นางรู้ ในยุคนี้ไม่มีคันธนูและคันธนูไม้ไผ่สำหรับดีดฝ้าย ลั่วเสี่ยวปิงแปลกใจมากที่จางซิ่งฮวาได้ทำให้ฝ้ายกลมๆ กลายเป็นผ้าห่มทั้งผืนได้อย่างไร และไม่ได้รีบร้อนที่จะเข้าไปทำ แต่กลับมองดูอยู่เฉยๆ ด้านข้าง

ได้เห็น จางซิ่งฮวาหยิบเพียงแค่ไม้ไผ่สะอาดอันหนึ่งจากด้านข้าง และนำฝ้ายที่คัดเมล็ดออกแล้ววางลงบนเสื่อฟางบนพื้น แล้วทุบให้เหมือนว่ากำลังทุบเสื้อผ้าอย่างไรอย่างนั้น

ลั่วเสี่ยวปิง “......” ช่างเป็นวิธีที่เรียบง่ายและมุทะลุมาก

เมื่อเห็นท่าที จางซิ่งฮวาที่ใช้แรงมาก ลั่วเสี่ยวปิงหันกลับมาอย่างเงียบๆ และได้หาไม่ไผ่ที่พอดีมือออกมาตีดอกฝ้ายเหล่านั้น

เป็นครั้งแรกอานอานเล่อเล่อได้เห็นการทำผ้าห่ม และแปลกใหม่มาก เมื่อเห็นว่าแม่และน้าซิ่งฮวากำลังตีดอกฝ้ายอยู่ พวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะหาไม้ไผ่ไม้เล็กๆ มาร่วมตีด้วย

อย่างไรก็ตามทั้งสองคนยังเล็กไม่ค่อยมีเรี่ยวมีแรงอะไร ไม่นานทั้งสองคนก็เหน็ดเหนื่อยมีเหงื่อไหลไม่หยุด

ไม่พูดไม่ได้ การเล่นฝ้ายเป็นงานใช้แรง ลั่วเสี่ยวปิงกับจางซิ่งฮวาตีกันไปครึ่งชั่วยาม และในที่สุดผ้าฝ้ายก็ได้นุ่มฟูขึ้น เมื่อสัมผัสเบาๆ ก็เหมือนกับขนมสายไหมอย่างไรอย่างนั้น

ตัวลั่วเสี่ยวปิงเองได้เหนื่อยล้ามากแล้ว ไม่ต้องพูดถึงจางซิ่งฮวาที่ไม่เคยทำงานหนักเลย ในเวลานี้จางซิ่งฮวาเหงื่อออกเต็มไปหมด และใบหน้าก็ซีดขาวด้วย

ชั่วขณะหนึ่ง ลั่วเสี่ยวปิงรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย ดังนั้นจึงไปที่ห้องครัวและเทน้ำหนึ่งแก้วให้กับจางซิ่งฮวา ในช่วงที่ไม่มีใครสนใจ ลั่วเสี่ยวปิงได้หยดน้ำแร่วิญญาณลงในถ้วยหนึ่งหยด

แน่นอนว่า หลังจากที่จางซิ่งฮวาดื่มน้ำที่ได้เติมน้ำแร่วิญญาณลงไปแล้ว ทั้งร่างกายได้มีชีวิตชีวามากขึ้น

หลังจากฟื้นจากความเหนื่อยล้า จางซิ่งฮวายังคงทำงานที่ยังทำไม่เสร็จต่อ

เมื่อเห็นจางซิ่งฮวากระจายฝ้ายเนื้อนุ่มๆ ไว้บนเสื่อฟางอย่างสม่ำเสมอแล้ว และเมื่อวางฝ้ายที่มีอยู่ทั้งหมดแล้ว จางซิ่งฮวาได้ดึงด้ายอีกสองสามเส้นมาเพื่อทำเป็นตาข่ายวางไว้บนเหล่าฝ้าย การทำเช่นนี้เป็นกระบวนการที่ทำให้แบนราบ

หลังจากทำงานแบบนี้ต่อไปอีกครึ่งชั่วยาม จางซิ่งฮวาได้พับปุยไส้ในอย่างคล่องมือจนเสร็จ และได้ตัดผ้าฝ้ายและผ้าแพรออก และเริ่มเย็บผ้าห่ม

ทักษะการเย็บผ้าของจางซิ่งฮวานั้นเก่งมาก และเข็มด้ายอยู่ในมือของนางนั้นสามารถพูดได้ว่าราบรื่น รวดเร็วและเรียบร้อย

สักพัก ผ้านวมนุ่มๆ ผืนใหม่ก็เสร็จเรียบร้อย

ตั้งแต่เล็กจนโตนี่เป็นครั้งแรกที่อานอานเล่อเล่อได้เห็นผ้านวมใหม่ ทั้งยังทำจากผ้าแพรและฝ้าฝ้าย เด็กทั้งสองคนอดที่จะเอื้อมมือไปจับไม่ได้ ทั้งทำท่ากลัวจะพังอย่างไรอย่างนั้น ใบหน้าเล็กๆ ทั้งสองได้แดงระเรื่อจากความตื่นเต้น ช่างน่ารักจริงๆ

มองไปที่ท่าทีของอานอานเล่อเล่อแล้ว ลั่วเสี่ยวปิงทั้งขบขันทั้งเป็นห่วง

หากเป็นยุคปัจจุบัน เด็กโตเหมือนพวกเขาแบบนี้ จะมีของเล่นมากมายเพียงใดก็ไม่อาจที่จะง้อได้ แต่พวกเขากลับเพราะผ้าห่มใหม่แค่ผืนเดียวก็ดีใจจนเป็นแบบนี้ เหมือนว่าข้างหน้าเป็นนั้นเป็นสมบัติอย่างไรอย่างนั้น

ระงับความไม่สบายใจไว้ ลั่วเสี่ยวปิงจึงจับไปที่ศีรษะของอานอานกับเล่อเล่อ “ในอนาคตเมื่อเรามีบ้านใหม่ แม่จะทำผ้าห่มที่ดีกว่าให้พวกเจ้าคนละผืน”

เด็กทั้งสองมองหน้ากันเมื่อได้ยินคำนั้น จากนั้นจึงเงยหน้าขึ้นมองแม่พร้อมๆ กัน ทั้งประหลาดใจและตั้งหน้าตั้งตารอ

“ท่านแม่ เราจะมีบ้านใหม่หรือ?”

ลั่วเสี่ยวปิงพยักหน้า “จะต้องมีแน่นอน”

อานอานเล่อเล่อมองหน้ากันโดยปริยาย แล้วพูดพร้อมเพรียงกันว่า “พวกเราเชื่อในตัวท่านแม่”

ตอนนี้แม่เก่งมาก ไม่ว่าจะพูดอะไรล้วนสำเร็จ

จางซิ่งฮวาที่อยู่ด้านข้างมองไปที่ลั่วเสี่ยวปิง ใบหน้าเต็มไปด้วยความชื่นชม “พี่เสี่ยวปิง ท่านช่างเก่งมากจริงๆ”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แม่หญิงปรุงยามือปราบกับลูกลิงทั้งสอง