หย่าร้ายพ่ายรัก นิยาย บท 3

ตอนที่ 3 เด็กหญิงใบ้ตัวน้อย

หัวใจของรษิกาเต้นรัวไม่เป็นส่ำจนจุกค้างอยู่อย่างนั้นขณะที่เธอรีบออกไปจากสนามบิน เธอคอยมองข้ามไหล่ไปตลอดเวลาเพื่อดูให้แน่ใจว่าเขาไม่ได้ไล่ตามเธอมา โชคดีที่เขาไม่ได้ตามเธอมาจริงๆ จนกระทั่งพวกเธอออกไปจากสนามบินแล้ว รษิกาถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก เด็กๆ สัมผัสได้ถึงความแปลกประหลาดที่แม่ของพวกเขาคอยมองข้างหลังอยู่ตลอดเวลา ด้วยความที่รษิกาดูเป็นกังวลอย่างมาก พวกเขาจึงรู้ว่านี่ไม่ใช่เวลาที่จะถามอะไร พวกเขาปล่อยให้เธอลากออกไปอย่างว่าง่าย โดยไม่โต้แย้งเลย “รษิกา! อชิ! เบนนี่!” เสียงของผู้หญิงคนหนึ่งเรียกดังมาแต่ไกล ทั้งสามคนเงยหน้าขึ้นมาเห็นผู้หญิงคนหนึ่งสวมสูทและโบกมือให้อย่างมีความสุขขณะที่เดินเข้ามาหา รษิกาค่อยๆ ผ่อนคลายขึ้นเมื่อเห็นหญิงสาวคนนั้น เธอยิ้มออกมาก่อนจะพูดว่า “เมธินี นานมากเลยนะที่ไม่ได้เจอกัน!” เมธินี ชัยโยธินเป็นเพื่อนสนิทเธอตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัย และตอนนี้เธอทำงานเป็นหมออยู่ในโรงพยาบาลของครอบครัวเธอเอง ไม่นานนัก เมธินีก็มาหยุดอยู่ตรงหน้าพวกเธอก่อนจะเหวี่ยงแขนไปมารอบๆ ตัวรษิกา “ในที่สุดก็กลับบ้านมาสักที ฉันคิดถึงเธอจะแย่อยู่แล้ว!” เธอพูดด้วยน้ำเสียงเป็นมิตร รษิกาหัวเราะเบาๆ และตอบว่า “ฉันก็คิดถึงเธอเหมือนกันนะ” พวกเขาติดต่อกันมาตลอดหลายปีผ่านทางออนไลน์ แต่ไม่ค่อยมีโอกาสได้เจอกันตัวเป็นๆ เลย หลังจากกอดกันแล้ว เมธินีก็ย่อตัวลงนั่งและดึงเด็กๆ ทั้งสองคนเข้ามากอด “ลูกทูนหัวของฉัน คิดถึงฉันไหมจ๊ะ?” อชิกับเบนนี่ต่างหัวเราะคิกคักก่อนจะตอบอย่างพร้อมเพรียงกันว่า “ต้องคิดถึงสิครับ! ป้าเมธินี พวกเราถึงกับฝันถึงป้าเลยนะครับ ป้ายังสวยเหมือนเดิมเลยนะเนี่ย!” “ปากหวานจริงๆ เลยนะ!” เมธินีมีความสุขมากเมื่อได้ยินพวกเขาเอ่ยชม รษิกายังคงระแวดระวังอยู่ เธอเหลือบมองประตูสนามบินและพูดออกมาเรียบๆ ว่า “ไปกันเถอะ เดี๋ยวค่อยไปคุยกันที่บ้าน” เมธินีหยิกแก้มเด็กชายทั้งสองเบาๆ ก่อนจะลุกขึ้นยืน หลังจากเก็บกระเป๋าไว้ท้ายรถเรียบร้อยแล้ว เธอก็พารษิกาและลูกๆ ขึ้นรถและรีบออกไป ในเวลาเดียวกันนั้นเอง เลอศิลป์ก็มาถึงตรงหน้าสนามบินพอดี “ยกเลิกงานที่ต่างประเทศไปให้หมด” เขาบอกผู้ช่วยของเขาที่ชื่อครรชิต ลภัสกุล ครรชิตพยักหน้ารับ “คุณเลอศิลป์ครับ พวกเราขยายการค้นหาคุณหนูไอรดากันอยู่นะครับ เธอยังเด็ก ไม่น่าจะไปได้ไกลมากนัก ไม่ต้องห่วงนะครับ” คุณหนูไอรดาเป็นลูกสาวสุดรักสุดหวงของคุณเลอศิลป์ การหาเธอให้เจอนั้นสำคัญมาก ส่วนงานของเขาในต่างประเทศนั้นไม่สำคัญเลยในสถานการณ์เช่นนี้ เลอศิลป์ส่งสายตาเคร่งเครียดขณะที่เดินไปยังรถมายบัคที่จอดอยู่ริมถนน ไม่นานนัก รถก็เคลื่อนตัวออกไป หนึ่งชั่วโมงต่อมา รถของเมธินีก็มาถึงสวนดาราวรรษ ที่นี่เป็นย่านที่อยู่อาศัยที่เต็มไปด้วยคฤหาสน์มากมาย รษิกาขอให้เมธินีช่วยหาบ้านเช่าให้ และนี่เป็นบ้านที่เมธินีหามาให้เธอ ทั้งสี่คนลงจากรถและเข้าไปในบ้านใหม่ โดยมีเมธินีนำทางเข้าไปในบ้าน “สภาพแวดล้อมดูดีมากเลยล่ะ ฉันชอบที่นี่จัง” รษิกาพึงพอใจมาก เธอหันไปมองเมธินีและกล่าวว่า “เธอนี่ทำได้เยี่ยมมากเลยนะ ว่าไหม?” เมธินีเลิกคิ้ว “ก็ฉันอยู่แถวนี้ แล้วเจ้าของบ้านนี้เขาย้ายเข้าไปอยู่ในเมืองถึงปล่อยบ้านหลังนี้ให้เช่า ฉันบังเอิญมาเจอเข้าพอดี ทีนี้พอเราว่างเมื่อไร ก็มาเจอกันได้ตลอดเลยล่ะ” ริมฝีปากของรษิกาโค้งขึ้นเป็นรอยยิ้มในขณะที่เธอพยักหน้าเห็นด้วย หลังจากรื้อกระเป๋าเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็เป็นเวลาอาหารเย็นพอดี ดังนั้น เมธินีจึงพาพวกเธอไปทานอาหารเย็นกันข้างนอก เธอเพิ่งเลี้ยวรถเข้าไปที่ลานจอดรถของร้านอาหารและกำลังจะจอดรถ แต่ก็บังเอิญมีเด็กหญิงตัวเล็กๆ วิ่งออกมาจากมุมมืด เมธินีกระทืบเบรกอย่างแรงก่อนที่รถจะชนเด็กคนนั้นได้ ด้วยความตกใจ เธอจ้องไปที่เด็กคนนั้นซึ่งล้มลงไปกองกับพื้นแล้ว หัวใจของรษิกาเต้นไม่เป็นส่ำเพราะอุบัติเหตุที่เกือบจะร้ายแรงเช่นเดียวกัน เธอหันไปดูว่าลูกชายทั้งสองปลอดภัยดีหรือไม่ จากนั้นก็เปิดประตูลงจากรถไปทันที เด็กหญิงคนนั้นอายุราวห้าขวบและอยู่ห่างจากรถเพียงไม่กี่นิ้ว เธอนั่งอยู่บนพื้นโดยมีอาการตกตะลึงอย่างเห็นได้ชัด รษิกาเห็นเช่นนั้นแล้วก็ใจอ่อน เธอเดินเข้าไปหาเด็กคนนั้นอย่างระมัดระวังก่อนจะถามว่า “หนูจ๊ะ เป็นยังไง เจ็บไหมคะ?” เด็กหญิงมีผิวสวยและดูอ่อนหวานน่ารักด้วยผมที่ถักเปียไว้เรียบร้อย เธอจมูกโด่ง ตาโต และรูปร่างบอบบาง เธอสวมชุดกระโปรงฟูฟ่องสีชมพู และมีตุ๊กตาราคาแพงตัวใหญ่อยู่ในอ้อมแขน เมื่อได้ยินเสียงของรษิกา เด็กหญิงก็ได้สติและส่ายหน้าอย่างเหนียมอาย เธอไม่ลืมที่จะมองรษิกาอย่างระแวดระวัง จิตใจของรษิกาปั่นป่วนขณะที่เธอสำรวจดูเด็กหญิงตัวน้อยอย่างเงียบๆ เมื่อแน่ใจแล้วว่าเด็กหญิงคนนั้นไม่เป็นอันตรายใดๆ เธอก็ถอนหายใจอย่างโล่งอกและเอื้อมมือไปช่วยเด็กน้อยให้ลุกขึ้นมา ขณะที่เธอยื่นมือออกไปช่วย แต่เด็กหญิงตัวน้อยคนนั้นกลับถอยหนีด้วยความหวาดกลัว มือของรษิกาค้างเติ่งอยู่กลางอากาศ เธอส่งยิ้มจริงใจและอธิบายให้เด็กน้อยคนนั้นฟังว่า “ไม่ต้องกลัวนะ ฉันแค่จะช่วยเธอให้ลุกขึ้นยืนน่ะ” เธอมองไปรอบๆ และถามขึ้นมาด้วยความสงสัยว่า “พ่อแม่หนูไปไหนจ๊ะ? ทำไมถึงไม่อยู่คนเดียวอย่างนี้ล่ะ?” เด็กน้อยคนนั้นกอดตุ๊กตาเอาไว้แน่นและส่ายหัวโดยไม่ตอบอะไรออกมาเลย รษิกาขมวดคิ้วจนชนกัน เพราะเธอไม่รู้จะสื่อสารกับเด็กคนนี้อย่างไรดี ไม่นานนัก เมธินีกับเด็กชายทั้งสองก็ลงมาจากรถ อชิและเบนนี่มองหน้ากันอย่างงงๆ เมื่อเห็นเด็กหญิงคนนั้นนิ่งเงียบตลอดเวลา เธอก็หน้าตาน่ารักดี แต่ทำไมไม่พูดเลย? หรือว่าเธอจะเป็นใบ้?

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หย่าร้ายพ่ายรัก