หมอเทวะหัตถาศักดิ์สิทธ นิยาย บท 1

ตอนที่ 1 พี่ ฉันไม่เป็นภาระของพี่อีกแล้ว

“หลินมั่ว แกแต่งงานกับลูกสาวของฉัน แล้วเข้ามาอยู่ในตระกูลของฉัน ไม่เพียงต้องปฏิบัติตามหลักสี่คุณธรรมสามคล้อย แกยังต้องตัดขาดความสัมพันธ์ทั้งหมดกับครอบครัวทางฝั่งพ่อแม่ของแกด้วย!” “นั่นมันก็น้องสาวแกนะ ทำไมพวกฉันต้องออกเงินช่วยน้องสาวแกด้วยล่ะ” “หึ ชีวิตคนสำคัญ? แล้วน้องสาวแกมันคนจำพวกไหนกันล่ะ ตระกูลหลินของแกมันก็แค่คนชั้นต่ำ ไม่อย่างนั้น แกจะแจ้นมาเป็นลูกเขยแต่งเข้าหรือ” ระหว่างทางที่หลินมั่วกำลังรีบตะบึงไปที่โรงพยาบาล ในหูของเขา มีเสียงเยาะเย้ยของคนในครอบครัวของสวี่ปั้นซย่าผู้เป็นภรรยาของเขาดังกึกก้องไม่หยุด เดิมที หลินมั่วถือกำเนิดในตระกูลที่เรืองอำนาจที่สุดตระกูลหนึ่ง แต่เมื่อตอนเขาอายุได้สิบสองปี ตระกูลของเขาได้ประสบเภทภัยและถูกทำลายในชั่วข้ามคืน พ่อของเขาสละชีวิตเพื่อปกป้องคนในครอบครัว ส่วนแม่ได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่ยังสู้อุตส่าห์แข็งใจพาเขาและน้องสาวหนีออกมาได้ แม่ของเขายังคงยืนหยัดอยู่อีกห้าปี แต่ในที่สุดก็ทนพิษบาดแผลที่กำเริบไม่ไหวและเสียชีวิตลง เหลือเพียงหลินซีผู้เป็นน้องสาวและเขาที่ต้องพึ่งพากันเองเพื่อเอาชีวิตรอด หลินมั่วเองก็จำไม่ได้แล้วว่าทำไมตระกูลของเขาถึงต้องประสบกับเคราะห์กรรมร้ายแรงนั่นด้วย แต่ก่อนที่แม่จะสิ้นใจ เธอได้มอบป้ายหยกที่เธอเฝ้าทะนุถนอมให้หลินมั่ว แม้ว่าถ้อยคำของแม่จะไม่ชัดเจนนัก แต่หลินมั่วก็รู้สึกคลับคล้ายคลับคลาว่าหายนะที่ครอบครัวของเขาต้องประสบนั้นเกิดจากป้ายหยกประจำตระกูลชิ้นนี้ เมื่อตอนเป็นเด็ก พ่อเคยเล่าให้เขาฟังว่า ป้ายหยกชิ้นนี้ได้ซ่อนความลับแห่งความรุ่งโรจน์ของตระกูลหลินเอาไว้ เมื่อไม่มีแม่แล้ว หลินมั่วในวัยสิบเจ็ดปีต้องแบบรับภาระในการเลี้ยงดูน้องสาว ถึงแม้จะลำบากยากเข็ญ แต่ก็อดทนฝ่าฟันมาได้ แต่เมื่อสามปีก่อน หลินซีป่วยด้วยโรคลิวคีเมีย เขาจึงต้องแต่งงานเข้าตระกูลสวี่เพื่อนำสินสอดทองหมั้นจำนวนหนึ่งแสนหยวนมารักษาน้องสาว ในช่วงสามปีที่ผ่านมา หลินมั่วทำงานหนักรับใช้คนในบ้าน แม้จะถูกคนในตระกูลสวี่ดูแคลน แต่เขาก็ยอมอดทน เวลานี้ น้องสาวที่อาการทรุดหนักได้พบไขกระดูกที่เข้าคู่กัน แต่ต้องใช้ค่าผ่าตัดเป็นเงินถึงสามแสนหยวน สวี่ปั้นซย่าภรรยาของเขาไปธุระต่างจังหวัด และโทรศัพท์มือถือของเธอก็ไม่สามารถติดต่อได้ หลินมั่วไม่สามารถหาเงินก้อนนี้ได้ จึงบากหน้าไปขอยืมจากตระกูลสวี่ แต่กลับถูกตระกูลสวี่ไล่ออกมาอย่างไร้ความปรานี หลินมั่ววิ่งไปที่ห้องทำงานของหัวหน้าแผนกในโรงพยาบาล เขากัดฟันผลักประตูเดินเข้าไป ภายในห้องทำงาน ชายสวมแว่นท่าทางหยิ่งผยองคนหนึ่งนั่งอยู่ เขาคือหัวหน้าแผนก จ้าวจยาฝาน นอกจากจะเป็นรุ่นพี่ของสวี่ปั้นซย่าแล้ว จ้าวจยาฝานยังเป็นหนึ่งในผู้ไล่ตามจีบสวี่ปั้นซย่าอีกด้วย และเมื่อสวี่ปั้นซย่าแต่งงานกับหลินมั่วแล้ว เขาจึงเป็นคนที่ดูถูกหลินมั่วลับหลังมากที่สุดคนหนึ่ง ตระกูลของสวี่ปั้นซย่าทำธุรกิจเกี่ยวกับการแพทย์ เธอจึงจัดแจงให้หลินมั่วได้ทำงานที่โรงพยาบาลในตำแหน่งรับคนไข้ในสำนักงาน แต่หลังจากที่จ้าวจยาฝานใช้เส้นสายทางตระกูลจนได้เลื่อนตำแหน่งเป็นหัวหน้าแผนก เขากลั่นแกล้งหลินมั่วทุกวิถีทาง ต่อมา เขาใช้ให้หลินมั่วไปทำความสะอาดพื้น จากพนักงานฝ่ายธุรการตกลงมาสู่ตำแหน่งพนักงานทำความสะอาด แต่อย่างไรก็ตาม น้องสาวของหลินมั่วรักษาโรคอยู่ในแผนกที่จ้าวจยาฝานดูแล ดังนั้น หลินมั่วจึงทำได้เพียงกล้ำกลืนฝืนทนเท่านั้น ขอเพียงแค่รักษาชีวิตของน้องสาวไว้ได้ เขาเต็มใจทำทุกอย่าง! “หัวหน้าจ้าว...” น้ำเสียงของหลินมั่วเต็มไปด้วยความวิงวอน “ปั้นซย่าไปธุระต่างจังหวัด และคงกำลังยุ่งมาก ผมติดต่อเธอไม่ได้เลย” “คุณช่วย...คุณช่วยจัดการเรื่องผ่าตัดให้ซีเอ๋อร์ก่อนได้ไหมครับ ส่วนค่าผ่าตัด ผมจะรวบรวมมาให้แน่นอน!” “เหอะๆ...” จ้าวจยาฝานหัวเราะเยาะ “หลินมั่ว แกก็ทำงานอยู่ที่นี่มานานแล้ว ก็น่าจะรู้กฎของโรงพยาบาลดี เงินค่าผ่าตัดสามแสนนี่จำนวนไม่น้อยเลยนะ หากแกชักดาบ แล้วฉันจะทำยังไง” หลินมั่วโมโหพลางกดเสียงต่ำ “หัวหน้าจ้าว ผมทำงานที่โรงพยาบาลมาก็สามปีแล้ว คุณคิดว่าผมเป็นคนที่จะเบี้ยวหนี้อย่างนั้นเหรอ” “มันก็พูดยากอยู่นะ!” จ้าวจยาฝานพูดเจื้อยๆ “คนธรรมดา ใครเขาจะเป็นเขยแต่งเข้ากันล่ะ พวกที่เกาะเมียกินจนเคยตัวน่ะ ถ้าจะเบี้ยวหนี้...ไม่น่าแปลกใจหรอก!” สีหน้าของหลินมั่วเปลี่ยนไปทันที เขากัดฟันกรอด “หัวหน้าจ้าว ผมทำงานที่โรงพยาบาลมาสามปี เงินเดือนสักแดงผมยังไม่เคยได้จับ” “เงินพวกนี้รวมๆ อาจจะไม่ถึงสามแสน แต่ก็คงไม่น้อยกว่ากันมากหรอก เดี๋ยวรอให้ปั้นซย่ากลับมา ผมค่อยขอยืมเธอ...” “อย่าเดี๋ยวสิ หายืมมาตอนนี้เลย!” จ้าวจยาฝานพูดด้วยรอยยิ้ม “อ้อ ใช่แล้ว ฉันได้ยินว่าปั้นซย่าไม่รับโทรศัพท์แกนี่...” “เอาอย่างนี้ไหม ฉันจะลองโทรหาเธอดูให้” จ้าวจยาฝานพูดพลางหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดหมายเลขของสวี่ปั้นซย่า สัญญาณโทรศัพท์ดังเพียงสามครั้ง ก็มีคนรับโทรศัพท์ เสียงเย็นชาของสวี่ปั้นซย่าดังขึ้น “หัวหน้าจ้าว มีธุระอะไรคะ” หัวใจของหลินมั่วรู้สึกเจ็บปวดขึ้นมาทันที ระยะสองสามวันที่ผ่านมานี้ เขาโทรหาสวี่ปั้นซย่าเป็นร้อยสาย แต่เธอกลับไม่ได้รับเลยสักครั้ง ในขณะที่จ้าวจยาฝานโทรเพียงครั้งเดียว เธอดันรับสาย นี่มันแปลว่าอะไรกัน สามปีของความเป็นสามีภรรยา แม้ว่าจะไม่ใช่สามีภรรยาที่แท้จริง แต่หลินมั่วก็ไม่เคยขาดตกบกพร่องต่อเธอเลย แม้เธอจะมองเขาไม่ขึ้น แต่หลินมั่วก็ภักดีในตัวเธอ และปฏิบัติต่อเธออย่างดีด้วยใจจริง แต่นี่คือสิ่งที่เธอตอบแทนเขาอย่างนั้นหรือ “ไม่มีอะไร ก็แค่โทรมาทักทายเท่านั้น” จ้าวจยาฝานเขย่าโทรศัพท์ใส่หลินมั่วด้วยท่าทางสะใจ หน้าอกของหลินมั่วกำลังจะระเบิดแล้ว เขากำลังจะอ้าปากพูด แต่จ้าวจยาฝานกลับชิงตัดหน้า “ปั้นซย่า ขอโทษที ตอนนี้ผมมีธุระด่วนนิดหน่อย วางสายก่อนนะ!” จ้าวจยาฝานกดวางสายทิ้ง โดยไม่เปิดโอกาสให้หลินมั่วได้พูด “หลินมั่วเอ๋ย เห็นหรือยัง ปั้นซย่าไม่ได้ยุ่ง แค่ไม่อยากรับโทรศัพท์ของแกเท่านั้น!” จ้าวจยาฝานปรายตามองหลินมั่ว “หลายปีมานี้แกเกาะผู้หญิงกินจนเคยชินแล้วใช่ไหม แกคิดว่าตระกูลสวี่จะจัดการทุกเรื่องให้แกน่ะหรือ” หลินมั่วกำหมัดแน่น ความเป็นความตายของน้องสาว ความเย็นชาของภรรยา คำส่อเสียดของบ้านพ่อตาแม่ยาย ทำให้เขาแทบจะเป็นบ้าแล้ว จู่ๆ จ้าวจยาฝานก็พูดขึ้น “หรือว่า ฉันลองออกไอเดียให้แกไหม” หลินมั่วเหลือบมองจ้าวจยาฝานพลางกัดฟันเอ่ยถาม “ยังไง” “แกมีไตสองข้างไม่ใช่หรือไง ขายสิ บางทีอาจจะได้เงินมาก็ได้นะ!” จ้าวจยาฝานพูดพลางฉีกยิ้ม “ยังไงคนทั้งโลกก็รู้ว่าปั้นซย่าไม่ได้มีอะไรกับแก ไตสองข้างของแกน่ะ เก็บเอาไว้ก็ไม่ได้ใช้งานหรอก ฮ่าๆๆ” หลินมั่วเดินออกจากห้องทำงานของจ้าวจยาฝานด้วยใบหน้าที่ซีดขาว เขาเดินคอตกไปที่ห้องคนไข้ของน้องสาว ทันทีที่เดินผ่านประตูเข้าไปด้านใน คนไข้ไม่ใช่น้องสาวของเขาแล้ว เขาหน้าถอดสีพลางรีบร้อนเอ่ยถาม “พวกคุณ...พวกคุณอยู่ที่นี่ได้ยังไง น้องสาวผมล่ะ” ญาติคนไข้ในห้องมองมาที่หลินมั่ว “คุณหมายถึงหญิงสาวคนเมื่อกี้นี้เหรอ ดูเหมือนจะถูกโยนออกไปแล้วเพราะไม่มีเงินจ่าย!” “อะไรนะ!” หลินมั่วร้องเสียงหลงและรีบวิ่งออกไป ทันทีที่ไปถึงบันได เขาก็ได้ยินเสียงกรีดร้องดังมาจากด้านนอก “มีคนกระโดดตึก!” หลินมั่วรีบวิ่งออกไป เขาเห็นเพียงร่างที่ผอมบางนอนจมกองเลือดอยู่ที่ลานด้านนอก นั่นคือหลินซี น้องสาวของเขาเอง! “ซีเอ๋อร์!” หลินมั่วตะโกนออกไปด้วยโศกเศร้า เขารีบวิ่งเข้าไปคว้าร่างของหลินซีที่จมอยู่ในกองเลือดมาไว้ในอ้อมกอด ลมหายใจของหลินซีแผ่วเบา ใบหน้าซูบผอมของเธอฝืนยิ้มออกมาเมื่อเห็นหลินมั่ว “พี่คะ พวกเขาบอกว่าฉันเป็นตัวถ่วงของพี่ ฉัน...ฉันไปแล้วนะ ต่อไปก็จะไม่ถ่วงพี่อีกแล้ว พี่ต้องดูแลตัวเองให้ดี...” “ซีเอ๋อร์ เธอ...เธอไปฟังใครพูดมั่วซั่วแบบนี้มา!” หลินมั่วหันหลังไปร้องตะโกนเสียงดัง “ช่วยด้วย! ช่วยด้วยครับ!” แพทย์และพยาบาลหลายคนวิ่งเข้ามา แต่กลับถูกจ้าวจยาฝานรั้งไว้ “พวกเขายังติดหนี้โรงพยาบาลอีกสามหมื่นกว่าหยวน พวกคุณช่วยเขา งั้นพวกคุณจะจ่ายให้เขาด้วยใช่ไหม” แพทย์และพยาบาลเหล่านั้นหยุดชะงักด้วยความตกใจ ไม่มีใครกล้าเข้าไปช่วย “พี่ชาย อย่าสิ้นเปลืองอีกเลย...” หลินซีจับแขนของหลินมั่วไว้แน่น เลือดไหลออกจากปากของเธอไม่หยุด เธอฝืนยิ้ม “ชาตินี้มีพี่เป็นพี่ชายของฉัน ฉัน...มีความสุขที่สุดแล้ว แค่เสียดายที่ชีวิตนี้...มันสั้นเกินไป หากชาติหน้ามีจริง ฉัน...ฉันขอเป็นน้องของพี่อีกนะ...” ทันทีที่พูดจบ มือของหลินซีก็ค่อยๆ ร่วงลงไป เหมือนมีมีดกรีดตรงลงกลางใจของหลินมั่ว เขากอดหลินซีไว้แน่น “ซีเอ๋อร์! อย่าจากพี่ไป อย่า...” คนจำนวนมากที่กำลังยืนมุงดูต่างวิพากษ์วิจารณ์และชี้มาที่เขา ทันใดนั้นมีคนอุทานขึ้น “เขา...น้ำตาของเขา ทำไมถึงเป็นสีแดง...” “น้ำตาสีเลือด! น้ำตาสีเลือด!” น้ำตาของหลินมั่วที่เอ่อล้นออกมาผสมเข้ากับเลือดของหลินซี จนกลายเป็นสีแดงเข้ม ค่อยๆ ไหลรินผ่านแก้มร่วงหล่นลงมา ไม่มีใครสังเกตเห็นว่า ป้ายหยกที่ห้อยไว้อยู่บริเวณหน้าอกของหลินมั่วค่อยๆ ดูดซับน้ำตาสีเลือดเข้าไป ทันใดนั้นเอง ในหัวสมองของหลินมั่วก็เกิดเสียงดังกึกก้อง น้ำเสียงเยือกเย็นและอ้างว้างที่ดูเหมือนกับทะลุมาจากอดีตอันไกลโพ้นก็แว่วเข้ามาในหูของเขา ข้าคือหมอเทวะหัตถาศักดิ์สิทธิ์ หลินฉงเซวียน บรรพชนผู้ก่อตั้งตระกูลหลิน สิ่งที่ข้าได้เรียนรู้มาทั้งชีวิตได้ถูกเก็บซ่อนไว้ในป้ายหยกชิ้นนี้ เลือดของทายาทสกุลหลินเท่านั้นที่สามารถเปิดผนึกป้ายหยกนี้ได้ และจะได้รับการถ่ายทอดจากข้า เพื่อเป็นหมอรักษาโรคและช่วยเหลือผู้คนบนโลกใบนี้ต่อไป!” ทันทีหลังจากนั้น ข้อมูลจำนวนมหาศาลก็พุ่งเข้าสู่สมองของหลินมั่ว หลินมั่วรู้สึกราวกับว่าสมองของเขากำลังจะฉีกขาด เป็นเวลานานกว่าข้อมูลเหล่านี้จะหยุดนิ่ง หลินมั่วลืมตาอีกครั้ง มีแสงสว่างวาบสะท้อนในดวงตาของเขา เขามองน้องสาวที่อยู่ในอ้อมแขน และได้เห็นพลังชีวิตที่ยังไม่ได้มอดดับโดยสมบูรณ์อย่างแจ่มชัด หลินมั่วเอื้อมมือไปกดจุดบนร่างกายของเธอโดยไม่ลังเล เพื่อเป็นการรักษาพลังชีวิตของเธอเอาไว้ แล้วก็อุ้มเธอออกไปจากโรงพยาบาลทันที

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หมอเทวะหัตถาศักดิ์สิทธ