รักหวานอมเปรี้ยว นิยาย บท 372

พอเห็นมายมิ้นท์ยิ่งอยู่ก็ยิ่งตื่นตระหนกมากขึ้น

ลาเต้ก็รู้สึกปวดใจไม่หยุด

เขาคว้าตัวเธอมากอดไว้ “ยาหยี ไม่ต้องกลัวนะ ไม่แน่อาจจะเป็นแค่ชั่วคราวเท่านั้น อาการอาจจะไม่ได้รุนแรงอย่างที่พวกเราคิดก็ได้”

พูดแล้ว เขาก็ตบกริ่งฉุกเฉินบนหัวเตียงติด ๆ กันไปหลายที

มายมิ้นท์ไม่ได้ฟังคำปลอบใจของลาเต้เข้าไปเลย

เพราะว่าตอนนี้เธอมัวแต่จมอยู่กับความกลัวของการตาบอด ไม่มีทางที่จะฟังอะไรเข้าไปได้เลย

ถึงจะฟังเข้าไป แล้วจะทำอะไรได้ จะยอมเชื่อเหรอ?

ตาก็บอดไปแล้ว จะเป็นแค่ชั่วคราวได้ยังไงกัน!

ในเมื่อ เธอไม่เคยได้ยินมาก่อนว่า จะมีคนตาบอดคนไหนที่ตาบอดแค่ชั่วคราว

มายมิ้นท์หลับตาลง แล้วปล่อยให้น้ำตาไหลไปเงียบ ๆ และทั้งตัวเข้าสู่โหมดโลกส่วนตัว

ลาเต้รู้ว่าเธอที่อยู่ในสภาพแบบนี้ ไม่ว่าคนในโลกภายนอกจะพูดอะไร ก็ไม่มีประโยชน์ทั้งนั้น

ตอนนี้ เขาก็ได้แต่ภาวนาให้หมอนำข่าวดีมาเท่านั้น

ลาเต้กำมือเป็นหมัด แล้วก็จ้องมองมายมิ้นท์อย่างเจ็บปวด

เขาไม่เข้าใจว่าสวรรค์ทำไมต้องเล่นตลกกับยาหยีแบบนี้ด้วย

ทำให้ยาหยีได้รับบาดเจ็บยังไม่พอ ยังจะทำให้ตาบอดอีก สวรรค์ไม่รู้สึกว่าตัวเองโหดร้ายเกินไปเหรอ?

นอกห้องพักผู้ป่วย หมอและพยาบาลชุดหนึ่งก็กำลังเร่งรีบเข้ามา

ที่ห้องพักผู้ป่วยข้าง ๆ ผู้ช่วยเหมันตร์ออกมาดู แล้วก็เห็นหมอกับพยาบาลกลุ่มนี้เข้าไปในห้องพักผู้ป่วยของมายมิ้นท์ บนใบหน้าก็มีแววดีใจปรากฏขึ้นมาทันที และไม่กลับบริษัทแล้ว แล้วรีบย้อนกลับเข้าไปในห้องพักผู้ป่วย มาพูดกับเปปเปอร์ขึ้นว่า “ประธานเปปเปอร์ มีข่าวดีครับ คุณมายมิ้นท์ตื่นแล้วครับ!”

ถ้าไม่ใช่คุณมายมิ้นท์ตื่นขึ้นมา แล้วหมอกับพยาบาลจะเข้าไปเยอะแยะขนาดนั้นทำไม

บนเตียงผู้ป่วย เปปเปอร์กำลังจัดการกับเอกสารอยู่พอได้ยินคำพูดนี้เข้า ก็พับเอกสารปิดลงแล้วก็ลงจากเตียง แม้แต่รถเข็นก็ไม่นั่ง แล้ว และก็ตรงไปที่ห้องข้าง ๆ เลย

พอเข้าประตูมา เปปเปอร์ก็ได้ยินลาเต้ร้องตะโกนขึ้นอย่างร้อนรนว่า “หมอครับ ช่วยมาดูตาของเธอให้หน่อยเร็ว ตาของเธอมองไม่เห็นแล้ว!”

สีหน้าของเปปเปอร์เปลี่ยนไปทันที

มายมิ้นท์มองไม่เห็นแล้วเหรอ?

เปปเปอร์เดินก้าวยาว ๆ ไปทางเตียงผู้ป่วย

ผู้ช่วยเหมันตร์ที่อยู่หน้าประตูนิ่งอึ้งไปทั้งตัว

นี่คุณมายมิ้นท์มองไม่เห็นแล้วเหรอ!

ทำไมเรื่องมันถึงเป็นแบบนี้ไปได้?

เปปเปอร์มาถึงข้างเตียงผู้ป่วย จ้องมองมายมิ้นท์ที่นอนอยู่บนนั้น ดวงตาจ้องมองเพดานไปอย่างไม่มีปฏิกิริยาอะไร แล้วก้มหน้าลงไปถามด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมขึ้นว่า “มายมิ้นท์ คุณเห็นผมไหม?”

มายมิ้นท์ไม่มีการตอบสนอง

ท่าทางแบบนี้ของเธอ ราวกับว่าไม่ได้ยินอะไรเลย

เปปเปอร์ไม่มีทางออก และก็ไม่อยากรบกวนหมอที่กำลังตรวจร่างกายให้เธออยู่ จึงได้แต่หันเป้าหมายไปที่ลาเต้ “ลาเต้ นี่ตกลงมันเรื่องอะไรกัน ทำไมเธอถึงได้มองไม่เห็นแล้ว?”

“คุณมาถามผม แล้วผมจะไปถามใคร?” ลาเต้ถามกลับมาด้วยดวงตาแดงก่ำ

เขาเป็นคนแรกที่รู้ว่ายาหยีมองไม่เห็น

เพราะฉะนั้นเขาจึงอยากรู้มากกว่าใครซะอีกว่าทำไมยาหยีถึงมองไม่เห็น

เปปเปอร์จ้องมองลาเต้ไปครู่หนึ่ง พอมั่นใจว่าลาเต้ไม่รู้เรื่องแล้ว ถึงได้รวบรวมสายตากลับมาแล้วหันไปที่ตัวมายมิ้นท์ใหม่อีกครั้ง ความเป็นห่วงเป็นใยในดวงตานั้นปิดบังไม่อยู่เลย มือที่จับราวเตียงผู้ป่วยอยู่นั้น จับไว้แน่นมาก แสดงให้เห็นถึงความไม่ความไม่สงบในใจของเขา

ผ่านไปพักหนึ่ง หมอก็ตรวจร่างกายเสร็จสิ้นสักที

แล้วชายหมุ่มทั้งสองรีบพุ่งเข้าไปทันที

แต่ในที่สุดเปปเปอร์ก็เป็นคนเอ่ยถามขึ้นก่อนว่า “คุณหมอครับ เธอเป็นยังไงบ้างครับ?”

ในที่สุดมายมิ้นท์ที่อยู่บนเตียงก็มีการตอบสนองขึ้นมาเสี้ยวหนึ่ง ขนตากะพริบขึ้นมาทีหนึ่ง

เห็นได้ชัดว่า เธอเองก็อยากรู้คำตอบเหมือนกัน

หมอเก็บไฟฉายอันเล็กไปแล้วตอบขึ้นมาว่า “การมองไม่เห็นของคุณผู้หญิงท่านนี้ น่าจะเกี่ยวข้องกับอาการบาดเจ็บที่ศีรษะครับ”

“จะหายได้หรือเปล่าครับ?” เปปเปอร์หรี่ตาถามขึ้นมาอีก

หมอส่ายหน้าเล็กน้อย “ตอนนี้ผมยังตอบอะไรไม่ได้ ส่วนรายละเอียดนั้นคงจะต้องใช้เครื่องมือเฉพาะทางมาตรวจดูอีกที ถึงจะแน่ใจได้ว่าเป็นเพราะสาเหตุอะไรที่ทำให้คุณผู้หญิงท่านนี้มองไม่เห็น มีแต่ต้องตรวจเช็กเรื่องนี้ให้ชัดเจน ผมถึงจะรู้ว่าจะหายเป็นปกติได้หรือเปล่า”

พอได้ยินคำพูดนี้ ลาเต้ก็กำหมัดไว้แน่น แล้วพูดเร่งขึ้นว่า “งั้นจะชักช้าอยู่อีกทำไม รีบไปใช้เครื่องมือเฉพาะทางมาตรวจเลยซิครับ เดี๋ยวผมไปลงทะเบียนเอง!”

เขาวิ่งออกไปจากห้องผู้ป่วยอย่างรวดเร็ว

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: รักหวานอมเปรี้ยว