ใต้ร่มยาใจ นิยาย บท 372

โหลชีเดาความเป็นไปได้ไปนับไม่ถ้วน แต่ไม่เคยคาดคิดเลยว่าสิ่งที่วู๊วูปกป้องอยู่ตลอดจะเป็นสิ่งนี้ เดิมทีนางนึกว่าจะเป็นสมบัติล้ำค่าที่ไร้เทียมทาน แต่เมื่อวู๊วูถอยออกไป ตอนที่นางเห็นของสิ่งนี้ แทบอยากจะอุ้มวู๊วูขึ้นมาจูบเลยจริงๆ!

ลูกเทียนซิง!

นั่นคือพืชที่ขนาดเล็กมากต้นหนึ่ง ดูแล้วเหมือนกับต้นหญ้า แต่ว่าตรงกลางใบหญ้ามีลำต้นบางโผล่ออกมาเกือบสิบต้น บนยอดลำต้นมีผลสีเขียวกลมๆเล็กๆนับสิบๆผลติดอยู่

ลูกเทียนซิงนี่ไม่ใช่สมบัติล้ำค่าไร้เทียมทานอะไร เพราะว่ามันไม่มีสรรพคุณทางยาอะไร และก็ไม่สามารถใช้กับคาถาหรือการโจมตีอื่น ๆ ถ้าหากว่าจะเอาออกไปขาย นั่นก็ไม่ใช่ว่าจะขายออกไปได้ง่ายขนาดนั้น และก็ขายได้แค่ไม่กี่ตังค์ เพราะเจ้าสิ่งนี้สามารถใช้แค่แช่เป็นอาหารปลาเท่านั้น

ซึ่งก็คือ หลังจากต้มจนของสิ่งนี้กลายเป็นของเหลวแล้วเอามาใช้แช่เมล็ดข้าวเล็กน้อย สามารถดึงดูดปลาที่พิเศษมากชนิดหนึ่ง! โอกาสที่จะตกปลาได้จะสูงมาก

แต่ว่ามูลค่าของปลาชนิดนั้นก็ไม่ได้สูงมากนัก โดยทั่วไปไม่มีใครอยู่ดีไม่ว่าดีไปลำบากลำบนขนาดนี้เพื่อไปตกปลาชนิดนั้นโดยเฉพาะหรอก ก็แค่อร่อยมากหน่อย รสชาติหอมหวานมากหน่อยเท่านั้นเอง สภาพแวดล้อมที่ปลานั่นเติบโตเลวร้ายมาก นอกเสียจากว่าจะเป็นสุดยอดนักกินจริงๆ ไม่อย่างนั้นไม่มีใครยินดีไปเสี่ยงเพียงเพื่อจะกินปลาเท่านั้นหรอก

ดังนั้นหากคำนวณออกมาเช่นนี้ ลูกเทียนซิงนี้ไม่มีความหมายอะไรเลยจริงๆ

แต่ว่าปลาชนิดนี้เป็นสิ่งที่เฉินซ่าต้องใช้ในการแก้พิษพอดี! มันใช่พอดี!

ในตัวยานำพาสิบชนิดของเขาต้องการก้างน้ำแข็งชนิดหนึ่ง กระดูกของปลาน้ำแข็ง ปลาน้ำแข็งไม่ใช่ปลาที่อาศัยอยู่ในน้ำที่เย็นจัดทนต่อความหนาวเย็นเป็นพิเศษ ตรงกันข้าม มันต้องอาศัยอยู่ในสภาพแวดล้อมที่อบอุ่นมาก และความต้องการอุณหภูมิของน้ำก็แปลกเล็กน้อย ต้องการน้ำที่ค่อนข้างร้อน อุณหภูมิของน้ำต้องเกินกว่าที่ปลาหลายชนิดจะปรับตัวให้อยู่รอดได้

สาเหตุที่เรียกมันว่าปลาน้ำแข็ง เป็นเพราะทั่วทั้งตัวของมันโปร่งแสงจนเกือบจะเป็นสีของน้ำแข็งไส ในร่างกายไม่มีสารฮีโมโกลบินเลย เมื่อว่ายอยู่ในน้ำตื้น ถูกแสงแดดสาดส่อง จะคล้ายกับสันเขาน้ำแข็งเป็นตัวๆมาก ดังนั้นจึงเรียกว่าปลาน้ำแข็ง

คล้ายคลึงกับแนวคิดที่ว่าขั้วโลกใต้มีปลาน้ำแข็งในยุคปัจจุบันเล็กน้อย แต่วิถีการดำรงชีวิตต่างกันอย่างสิ้นเชิง

ครั้งก่อนโหลชีอ่านตำราเกี่ยวกับตัวยานำพาสิบอันดับแรกเล่มนั้นของหมอเทวดา จำการแนะนำตัวยานำพาสองสามอย่างที่เหลือเหล่านี้เอาไว้ แต่คิดไม่ถึงว่าตอนนี้วู๊วูก็หาลูกเทียนซิงสิ่งสำคัญที่สุดในการตกปลาน้ำแข็งแบบนี้มาให้นางได้แล้ว

แต่ว่าวู๊วูรู้ได้อย่างไรกันแน่? คงไม่ใช่ว่าขัดต่อวิถีแห่งสวรรค์แล้วนะ?

แต่ว่า ไม่นานหลังจากนั้น นางถึงได้รู้ว่านางเข้าใจผิดไปกันใหญ่แล้ว เพียงแต่นั่นก็ถือว่าใด้ผลเกินคาดโดยไม่ได้ตั้งใจ

อย่างไรก็ตามตอนนี้โหลชีก็ค่อนข้างประหลาดใจและตื่นเต้นมาก นางรีบเก็บลูกเทียนซิงทั้งหมดที่อยู่บนลำต้นนั่นทันที ใส่เข้าไปในขวด เก็บเอาไว้

วู๊วูเห็นดังนั้นก็แสดงออกว่าดีใจมากมาย ร้องขึ้นมาสองเสียงก็วิ่งเข้าไปในป่าอีกครั้ง โหลชีก็ไม่ได้เป็นห่วงอะไรมันมากนัก นางลุกยืนขึ้นมา หันกลับไป เห็นทั้งสองฝ่ายที่กำลังต่อสู้อยู่ด้วยกันแล้ว สีหน้าเย็นชา ดึงแส้ปลิดวิญญาณที่อยู่ตรงเอวออกมา โฉบเข้าไปในวงต่อสู้

เดิมทีก็มีคนพุ่งมาทางนางตลอดอยู่แล้ว แต่ล้วนถูกเทียนอิ่งเฉิงสิบและคนอื่นๆคอยขวางเอาไว้ แม่นางของพวกเขาจะทำธุระอะไร ไหนเลยจะยอมให้ผู้อื่นรบกวนได้

ตอนนี้เห็นโหลชีได้รับของแล้ว ทุกคนอดที่จะตื่นเต้นไม่ได้ในทันที โดยเฉพาะอิ้นเหยาเฟิงและคนอื่นๆ พวกเขาต่อกรกับคนเหล่านี้ใช้แรงมากจริงๆ ได้ยินมาว่าวรยุทธของพระสนมดีมาก อยากเห็นนางสังหารสี่ทิศมาก!

โหลชีกวาดตามองครู่หนึ่งก็พบว่าวรยุทธของคนพวกนี้ดีกว่าที่นางคาดเดาเอาไว้มาก ในใจยากที่เลี่ยงความรู้สึกเหมือนเจอขุมทรัพย์ไม่ได้

เวลานี้ นางเห็นเด็กหนุ่มที่อยู่ไม่ไกลจากนางคนนั้นกำลังเหวี่ยงกระบี่ป้องกันการโจมตีของหนึ่งในบรรดาคนที่ปิดหน้าพวกนั้นพอดี พ่ายแพ้อย่างต่อเนื่อง ในแววตาของคนปิดหน้านั่นเผยความโหดร้ายออกมาเล็กน้อย จนถึงตอนนี้พวกเขาก็ยังไม่ได้ฆ่าใครตายเลย ฆ่าคนนี้เป็นการประเดิมพอดี

"ตายซะเถอะเจ้าหนุ่ม! วันนี้ของปีหน้าถ้าหากข้ายังจำได้ จะสาดเหล้าอุ่นให้เจ้าจอกหนึ่ง......"

ยกดาบที่แฝงไปด้วยเจตนาฆ่าที่น่าเกรงขามฟันลงไปทางศีรษะอย่างแรง เด็กหนุ่มรู้สึกถึงเสียงเรียกของพญามัจจุราช ใบหน้าของเขาซีดขาวไปในที่สุด กระบวนท่านี้เขาต้านเอาไว้ไม่อยู่ ต้านเอาไว้ไม่อยู่จริงๆ

จู่ๆก็มีเสียงเย็นชาเสียงหนึ่งแทรกเข้ามา "เขากลัวว่าสาดเหล้าอุ่นให้เขาเจ้าจะเหนื่อย เจ้าหลับยาวก่อนดีกว่า" สิ่งที่ตามเสียงนั้นมาคือเงาดำที่เย็นยะเยือก ผู้ชายที่ยกดาบอยู่ยังเห็นไม่ชัดเจนว่านั่นคืออะไร จู่ๆตรงคอก็ตึงขึ้นมากะทันหัน พลังที่ดุดันรุนแรงก็พันเขาเอาไว้จากนั้นก็ยกคนทั้งคนขึ้นมา สะบัดออกไป

โหลชีม้วนคนเอาไว้กะทันหันแล้วสะบัดออกไป กระแทกไปที่คนปิดหน้าอีกคนหนึ่งที่กำลังทำให้อิ้นเหยาเฟิงสู้อย่างกินแรงผิดปกติ หลังจากที่ทั้งสองคนร่วงหล่นลงบนพื้น ก็หมดลมหายใจไปแล้ว

นี่ต้องมีเรี่ยวแรงมหาศาลขนาดไหน ถึงสามารถม้วนคนสะบัดแส้กระแทกไปถูกคนที่สองให้ตายในคราวเดียวได้

การต่อสู้ชะงักไปชั่วขณะหนึ่ง ใครก็คิดไม่ถึงว่าโหลชีจะห้าวหาญได้ถึงขนาดนี้ ทันทีที่ลงมือก็ฆ่าคนของพวกเขาไปถึงสองคน นี่ทำให้พวกเขาตื่นตระหนกอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้อยู่ไม่น้อย ข้อมูลที่พวกเขาได้รับมาบอกว่าวรยุทธของโหลชีสูงมากจริงๆ แต่ว่าพวกเขาทั้งหมดก็ไม่ใช่พวกกระจอกงอกง่อย ไม่ว่าอย่างไร ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะต้านนางไว้ไม่ได้แม้แต่กระบวนท่าเดียวหรอกใช่ไหม?

แต่ว่าความจริงก็เป็นเช่นนี้

โหลชีประสบความสำเร็จในการโจมตีเพียงครั้งเดียว เงาร่างพุ่งตรงเข้าไป กล่าวด้วยเสียงสบประมาท: "ข้าจะสอนพวกเจ้า ฆ่าคนอย่างไร! ท่วงท่าเยอะเกินไปไม่มีความจำเป็น สิ่งสำคัญคือจู่โจมจุดยุทธศาสตร์!"

ปลายเท้าแตะไปบนต้นขาต้นหนึ่ง เงาร่างของนางเบาราวกับผีเสื้อ ลอยเข้าไปในวงต่อสู้ที่ดุเดือดหนาแน่นที่สุด แส้ยาวกลายเป็นแส้แข็ง กวาดไปทางขมับของหนึ่งในคนที่อยู่ในนั้นอย่างดุเดือดรุนแรง "หากมีกำลังมือมากพอ ฟาดแม่งไปที่หัวของเขาโดยตรงเลย!"

บูม

เสียงของแส้แข็งที่ฟาดไปถูกหัวของคนคนนั้นดังออกมา ทำให้ทุกคนต่างก็รู้สึกว่าหัวของตนเองก็เจ็บเช่นกัน

คนคนนั้นล้มลงไปโดยไม่ได้เปล่งเสียงแม้แต่แอะเดียว

"คนที่กำลังมือไม่พอ เอาชนะด้วยไหวพริบ ในระหว่างการต่อสู้ กระบวนท่าอะไรก็ใช้ได้ทั้งนั้น!" ร่างของนางหันไป หลบดาบที่ฟันมาของคนคนหนึ่ง ขณะเดียวกัน ก็หันหลังมือกลับมาแทงแส้เข้าไปที่เอวหลังของคนคนนั้น บดขยี้กระดูกหางของเขาโดยตรง ร่างของคนคนนั้นอ่อนลง ล้มลงไปเช่นกัน

ในขณะที่อิ้นเหยาเฟิงและคนอื่นๆตกตะลึง ขวัญและกำลังใจในการต่อสู้ก็เพิ่มขึ้นด้วย กำลังในการต่อสู้และความกล้าหาญเพิ่มขึ้นมาในชั่วพริบตา

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ใต้ร่มยาใจ