ใต้ร่มยาใจ นิยาย บท 401

จิตสังหารในดวงตาที่มีแต่เดิม ชั่วพริบตาก็ถูกรอยยิ้มเข้าแทนที่ นางเปลี่ยนอ่อนโยนทันที "ในตะกร้ายาเจ้ามีตัวยาอะไร?"

หงหยางที่ตอนแรกถูกความงามของนางทำให้ลุ่มหลงหัวปักหัวปำเห็นนางอ่อนโยนเช่นนี้ น้ำเสียงหวาน เส้นสายตาทอดตกที่ริมฝีปากแดงของนางอย่างห้ามไม่อยู่ กลืนน้ำลายอึกหนึ่งอย่างควบคุมไม่ได้ ริมฝีปากแดงนั้นเผยอเล็กน้อย มองแล้วยิ่งหวานปานน้ำผึ้ง ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกขึ้นมาได้ว่ามึนงงเล็กน้อย เอ่ยพึมพำ "อยากชิม..."

อยากชิมรสชาติริมฝีปากแดงนี้...

ไม่มีผู้ใดล่วงรู้ความมืดมิดในหัวใจของหงหยาง ในหมู่บ้านเขาเล็ก น้องสาวของเขาเป็นบุปผาที่โดดเด่นที่สุด ชายเจริญวัยจนไปถึงหนุ่มน้อยวัยใสในหมู่บ้าน ทางลับมักน้ำลายไหลกับนางอย่างควบคุมไม่ได้ หลายครั้งหลายคราเขาได้ยินคนหมู่นั้นพรรณนาความงดงามของน้องสาวเขา ความคิดของหนุ่มน้อย ไหนเลยจะหักห้ามความยั่วยวนเช่นนั้นได้ ถูกล่อลวงจนบิดเบี้ยวไปบ้างนานแล้ว

ไม่มีผู้ใดรู้ ขณะที่น้องสาวนางหลับสนิท มีหลายครั้งเขามองเส้นโค้งเว้าและโฉมหน้าสะอางนางแล้วน้ำลายไหล โชคดีที่เขายังมีสติสัมปชัญญะอยู่บ้าง รู้ว่านั่นเป็นน้องสาวร่วมอุทรของเขา แม้มีความคิดน่าขยะแขยงเช่นนั้นกับนาง กลับไม่เคยกระทำจริง

แต่ความกดดันในความงามเป็นเวลาหลายปี วินาทีนี้ครั้นเห็นโหลชีที่งามกว่าน้องสาวเขาร้อยเท่าก็พลุ่งพล่าน ควบคุมไม่ได้เล็กน้อย

หงหยางไม่ได้ยินว่าโหลชีถามอะไร ในจักษุเขามีเพียงริมฝีปากแดงสดที่เปิดปิดของนาง เฉกเช่นเดียวกับกลีบผกา เขาเดินเข้าใกล้นางก้าวหนึ่งอย่างอดไม่ได้

เฉินซ่าที่ขมวดคิ้วเพราะความอ่อนโยนอย่างกะทันหันของโหลชีอยู่แล้ว ขณะที่เห็นท่าทางชายหนุ่มผู้นี้ กลิ่นอายเย็นเยียบทั้งร่างก็โพยพุ่งออกมาอย่างเก็บกดไม่อยู่

อายเย็นอย่างฉับพลันปลุกหงหยางให้ตื่นขึ้น เขาตื่นขึ้นด้วยความตกใจ หันศีรษะไปทางเฉินซ่าพรึบ สบสายตาดำทะมึนที่เปี่ยมด้วยจิตสังหารคู่หนึ่งทันที

หงหยางคุกเข่าลงโดยพลัน เนื้อตัวสั่นเทิ้ม โขกศีรษะไม่หยุด "ฝ่าบาททรงไว้ชีวิตด้วย ไว้ชีวิตด้วยพ่ะย่ะค่ะ!"

เขายังไม่ค่อยเข้าใจว่าเพราะเหตุใด ปฏิกิริยาของตนเมื่อครู่เขาเองก็มึนงงเล็กน้อย แต่จิตสังหารเข้มข้นดั่งของจริงนั้นเขากลับรับรู้ได้โดยแท้ การขอละเว้นนี้ล้วนกระทำโดนสัญชาตญาณ ปฏิกิริยาตอบสนองของร่างกาย

แต่เฉินซ่าไม่คิดไว้เขา

สมควรตาย ถึงกับกล้าจ้องผู้หญิงของเขา แล้วยังต่อหน้าเขาอีก! ตายร้อยครั้งก็ไม่พอสงบความต้องการฆ่าล้างของเขา!

มือของเฉินซ่ายกขึ้นมาแล้ว นำพากลิ่นอายเทพแห่งความตาย จะซัดใส่ขม่อมของเขา

หงหยางรู้สึกได้ถึงกลิ่นอายของความตาย พริบตาเดียวก็ล้มแผละลงกับพื้น

มือขาวเนียนน้อยๆ กุมมือใหญ่ที่เจือกลิ่นอายของความตาย

จิตสังหารในดวงตาเฉินซ่าส่งไม่ออก เขาถลึงตาทางโหลชี รู้สึกเพียงความกล้าในยามนี้ของนางมากขึ้นทุกที หรือเห็นเขาเสน่หาจึงยิ่งขี่อยู่เหนือศีรษะเขา?

เวลานี้เขาเห็นโหลชีถลึงตาดุกว่าเขามาก

ความหมายในแววตานั้นเขาเห็นชัด ท่านลองใช้กำลังภายในอีกสิ!

ช่างน่าขัน แต่เล็กจนโตเขาเคยกลัวผู้ใด?

แต่ภายใต้สายตานี้ของโหลชี เขากลับพ่ายแพ้ด้วยความจนใจในที่สุด

"ข้ามีเรื่องถามเขา" โหลชีเอ่ยอีกสาเหตุหนึ่งที่นางไม่อยากให้เขาสังหารชายหนุ่มผู้นี้

"เทียนอิ่ง" เฉินซ่าเรียกเทียนอิ่งด้วยเสียงเย็น "รอพระสนมถามเสร็จก่อน" สายตาของเขามองชายหนุ่มผู้นั้นประหนึ่งมองคนตาย

"ข้าน้อยรับทราบ" เทียนอิ่งไหนเลยจะไม่เข้าใจ

ครั้นกล่าวจบ เฉินซ่าก็เดินไปนั่งอีกทาง

หงหยางนึกว่าตนเองรักษาชีวิตได้แล้ว ถอนหายใจเฮือกใหญ่

โหลชีกวาดตามองเขาทีหนึ่ง ในนั้นกลับยังคงเจือรอยยิ้มจางๆ "เจ้ายังไม่ได้ตอบคำถามข้าเลย ในตะกร้ายาเจ้ามีตัวยาอะไร?"

เวลานี้หงหยางถึงนึกวัตถุประสงค์ที่ตนมาครั้งนี้ได้ ดวงตาของเขาล่องลอยทุกทิศ น้องสาวของเขาให้ป้าเถียนมาบอก บอกว่าจักรพรรดิใกล้สิ้นพระชนม์แล้ว ให้เขาส่งยามา แม้เขามีพรสวรรค์ รู้ว่าจำพวกไหนคือยา ทั้งมีสัญชาตญาณรู้ว่าเหล่าไหนเป็นยาดี แต่เขากลับไม่ใช่หมอ ที่จริงเขาไม่รู้การใช้ยาของตัวยาเหล่านั้น แต่หงเสียกลับบอกว่าขอเพียงเป็นยาดี ไม่ว่าใช่ยาที่รักษาจักรพรรดิได้หรือไม่ก็ไม่เป็นไร ขอเพียงเป็นยาดีหายาก ถึงรักษาจักรพรรดิไม่ได้ พวกเขาก็ต้องการอยู่ดี

ที่นางต้องการก็แค่โอกาสปรากฏตัวต่อหน้าจักรพรรดิเท่านั้น

แต่ตอนนี้จักรพรรดิไม่เป็นอะไร เขากลับสามารถมอบยาได้ แต่ทำไมป้าเถียนถึงไม่ออกมา?

หงหยางมองโหลชีอีกแวบหนึ่ง เวลานี้เขาเดาออกแล้ว สตรีโดดเด่นผู้นี้ก็คือพระสนม แต่ดูเหมือนพระสนมจะดีกับเขามาก...

หรือว่าพระสนมจะชอบเขา?

นางลงมือฆ่าเขาไม่ได้ใช่ไหม?

ต้องพูดเลย ความคิดของหงหยางต่างจากคนปกติโดยแท้ เวลานี้กลับยังคิดเพ้อเจ้อได้ถึงขั้นนี้!

"ปะ เป็น เป็นยาที่ข้าน้อยเก็บ..."

"เอาออกมาให้ข้าดูหน่อยได้ไหม?" น้ำเสียงโหลชียังคงเป็นมิตรมาก

หงหยางไหนเลยจะปฏิเสธได้ วางตะกร้ายาลงทันที กอบใบบัวออกมา ในใบบัวนั้นมีของที่คล้ายกับนุ่นอยู่ เพียงแต่กลับไม่ใช่สีขาว แต่เป็นสีเขียวอ่อน ขนาดประมาณไข่ไก่ พันอยู่ด้วยกันเป็นยองใย กลิ่นหอมนั้นก็ออกมาจากเจ้าสิ่งนี้นั่นเอง

ในดวงตาโหลชีแวบประกายหนึ่ง

"เจ้าเก็บมาแต่สิ่งนี้หรือ? รากมันเจ้าเก็บมาด้วยหรือไม่?"

หงหยางตะลึง "รากหรือพ่ะย่ะค่ะ?"

โหลชีเลิกคิ้วขึ้นพลัน "เจ้าอย่าบอกนะว่าเจ้าเก็บมาแต่สิ่งนี้?"

เขาก็เก็บแต่มันมา...

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ใต้ร่มยาใจ